ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินเห็นท่านอ๋องมีสีหน้าไม่ค่อยจะสดชื่น รู้สึกปวดใจยิ่งนัก “หลานเห็นท่านอา่นี้ดูสีหน้าไม่ค่อยดี เดี๋ยวหลานให้คนส่งของบำรุงร่างกายไปให้ท่านอาที่ตำหนักดีกว่า ท่านอาจะได้ทานบำรุงร่างกาย”
ท่านอ๋องยิ้ม “ไม่เป็ไรหรอกพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่ฝ่าามีรับสั่งให้แม่ครัวในตำหนักของกระหม่อมเข้าวังมาสอนขันทีพ่อครัวรุ่นใหม่ กระหม่อมก็เลยทานอาหารไม่ค่อยลง”
พูดถึงตรงนี้ทั้งสองหัวเราะออกมาพร้อมกัน
อีกด้านหนึ่ง จ้าวซีเหอจับตัวหมอหลวงไปไว้บนรถม้าก่อนที่ตัวเองจะกลับไปที่ตำหนักิฉืออีกรอบ เพื่อแอบฟังความเคลื่อนไหวของพวกซูเฟยที่อยู่ภายในตำหนัก
ซูเฟยค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา ภาพแรกที่เห็นคือองค์หญิงซีเยวี่ยกำลังแย้มยิ้มมาให้นาง นางรีบคว้าแขนอีกฝ่ายเอาไว้ แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “เ้าให้ข้ากินสิ่งใดเข้าไป! เหตุใดถึงได้ปวดท้องอยู่ตลอดเช่นนี้!”
ภายในห้องจุดไฟเพื่อให้แสงสว่างเอาไว้โดยรอบ องค์หญิงซีเยวี่ยนั่งอยู่บนเก้าอี้ ภายใต้แสงไฟเช่นนี้ ทำให้องค์หญิงซีเยวี่ยยิ่งดูงดงามน่าจับตา องค์หญิงซีเยวี่ยยิ้มบางๆ ขณะเอ่ยตอบ “พี่สาวไม่ต้องเป็กังวล ซีเยวี่ยแค่ให้ท่านทานหนอนตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งเข้าไปเท่านั้น”
ซูเฟยได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกคลื่นไส้จนอาเจียนออกมา หากสิ่งที่ออกมากลับมีแค่ลม นางยื่นมือออกไปเพื่อหมายจะจัดการอีกฝ่าย ทว่าที่คาดไม่ถึงคือ อีกฝ่ายจะหยิบซวิน[1] จากในอกเสื้อขึ้นมาเป่า ทันใดนั้นเองนางรู้สึกปวดท้องจนต้องลงไปนอนขดตัวบนเตียง
นางมององค์หญิงซีเยวี่ยอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง พร้อมกับพูดรอดไรฟันออกมา “ข้าดีต่อเ้า แต่เ้ากลับเอาหนอนมีพิษให้ข้ากิน!”
องค์หญิงซีเยวี่ยยิ้มขณะเอ่ยตอบ “พี่สาวเป็คนทานลงไปเอง เกี่ยวอันใดกับซีเยวี่ยเพคะ!”
นางน้ำตาคลอ จับชายเสื้อองค์หญิงซีเยวี่ยพร้อมทั้งเอ่ยขอร้อง “ว่ามา เ้า้าสิ่งใด เกียรติยศ เงินทอง เ้า้าสิ่งใด ข้าให้เ้าได้ทั้งนั้น! แต่ข้าขอร้องเ้า เ้าเอาหนอนพิษในท้องข้าออกไปที!”
องค์หญิงซีเยวี่ยลุกขึ้นยืน หยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด แล้วโบกไปมาตรงหน้าซูเฟย นางมองอีกฝ่ายที่ยื่นมือมาทำท่าจะคว้าเม็ดยาเอาไว้ หากก็คว้าไม่ได้ “พี่สาวต้องเชื่อฟังข้า ข้าไม่มีทางปล่อยให้ท่านได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจอย่างแน่นอน”
ซูเฟยล้มตัวนอนลงบนเตียงด้วยความสิ้นหวัง ะโใส่องค์หญิงซีเยวี่ยด้วยน้ำเสียงแค้นใจ “เ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าจะทูลเื่นี้ต่อฝ่าา! จะเปิดโปงแผนขององค์หญิงต่างแคว้นเช่นเ้าต่อฝ่าา!”
องค์หญิงซีเยวี่ยหัวเราะจนตัวโยนเมื่อได้ยิน ทว่าแววตากลับเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง นางปาดน้ำตาที่ไหลออกมาที่หางตา ใช้ตาแดงก่ำจ้องมองซูเฟยที่นอนอยู่บนเตียง “เปิดโปง? ท่านจะเปิดโปงสิ่งใด หรือพี่สาวลืมไปแล้วว่าตัวเองเคยทำเื่ใดเอาไว้บ้าง เด็กที่อยู่ในท้องของเสวียกุ้ยเหริน และเหตุผลที่พระสนมเต๋อเฟยตั้งครรภ์ไม่ได้ ทั้งหมดนี้เป็ฝีมือผู้ใด พี่สาวลืมไปแล้วหรือ”
ซูเฟยได้ยินเยี่ยงนั้นสีหน้าเปลี่ยนเป็ตื่นใ ส่ายหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อไม่หยุด “เป็ไปไม่ได้ เ้ารู้เื่พวกนี้ได้อย่างไร!”
ซูเฟยเอื้อมมือไปคว้าชายกระโปรงองค์หญิงซีเยวี่ยเอาไว้ ดึงทึ้งราวกับ้าจะฉีกมันเป็ชิ้นๆ พร้อมทั้งะโเสียงแหลมอย่างน่ากลัว “เ้าบอกข้ามาว่าใครเป็คนบอกเ้า! ใคร!”
องค์หญิงซีเยวี่ยปัดมือของซูเฟยออกอย่างรังเกียจ ก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาอย่างเชื่องช้า “ทูลพระสนม ชุนเถา นางกำนัลคนสนิทของท่านตอนนี้ได้ะโบ่อน้ำเพื่อฆ่าตัวตายไปแล้ว เื่เหล่านี้ฟ้าดินรู้ ท่านรู้ ข้าก็รู้!”
องค์หญิงซีเยวี่ยเดินออกจากตำหนักพร้อมทั้งหอบหายใจแรงไม่หยุด เดินมาถึงด้านนอก แสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาทำให้เห็นน้ำตาที่ไหลออกมา ในแววตาเต็มไปด้วยความเศร้าใจ กรุ่นโกรธ แค้นใจ และสุขใจในเวลาเดียวกัน
นางเป็ถึงองค์หญิงจากต่างแคว้น แต่กลับต้องมาตกเป็เบี้ยล่างคนแคว้นอื่น ถูกใช้ราวกับเป็นางกำนัล แต่นางก็ต้องอดทน ไม่ปริปากบ่น ทั้งหมดก็เพื่อแคว้นของนาง ซูเฟยผู้นี้ไม่เคยเห็นนางเป็คนเลยแม้แต่สักวันเดียว!
มีอีกฝ่ายคอยขัดขวาง นางจึงไม่สามารถเข้าใกล้ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินได้ ทั้งชายในดวงใจของนางก็ไม่ชายตามองนางแม้แต่หางตา นางต้องอยู่ที่แคว้นอื่นอย่างโดดเดี่ยว ไม่มีผู้ใดรู้ว่านางคิดถึงท้องฟ้าและทุ่งหญ้าที่บ้านเกิดเพียงใด!
ตอนนี้นางสามารถจัดการซูเฟยได้แล้ว อย่างน้อยก็มีสิ่งที่สามารถควบคุมซูเฟยเอาไว้ได้ ทั้งในเวลาเดียวกันยังสามารถจัดการส่งหนิงมู่ฉือเข้าไปอยู่ในคุกหลวงได้อีกด้วย มีเพียงฟ้าดินเท่านั้นที่รู้ว่า เพื่อความสำเร็จเล็กน้อยนี้ นางทุ่มเทลงไปมากเท่าใด!
ความในใจทั้งหลายเหล่านี้แปรเปลี่ยนเป็น้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้มนาง
จ้าวซีเหอที่แอบอยู่ในตำหนักฟังเื่ราวทั้งหมดด้วยใบหน้าตื่นตะลึง เขาแอบลอบเข้าไปด้านในตำหนัก แลเห็นเศษแก้วชาที่ถูกเขวี้ยงแตกบนพื้น ซึ่งมีบางชิ้นที่มีรอยชาดสีแดงติดอยู่
เขาเก็บเศษแก้วที่มีรอยชาดสีแดงติดอยู่ ก่อนจะเดินออกมาจากด้านในตำหนัก มองไปรอบๆ เมื่อไม่เห็นว่ามีผู้ใด ก็เดินออกจากตำหนักไปอย่างโล่งใจ
เขาตรงไปยังตำหนักเจินหลงซึ่งฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินประทับอยู่ เปลี่ยนจากท่าทางจริงจังมาเป็เ้าสำราญเหมือนเช่นปกติ เขาตรงเข้าไปด้านในตำหนัก เข้าไปหาท่านอ๋องและฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจิน
“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าา” จ้าวซีเหอยิ้มอย่างคุณชายเ้าชู้เสเพลให้ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจิน
ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินยกมือข้างหนึ่งขึ้น เป็การบอกว่าไม่จำเป็ต้องมากพิธี
จ้าวซีเหอยิ้มพร้อมทั้งนั่งลงอย่างไม่สนใจภาพลักษณ์ซื่อจื่อของตนเอง หยิบพู่กันบนโต๊ะทรงงานของฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินขึ้นมาหมุนเล่น
ท่านอ๋องเห็นภาพนั้นก็ถลึงตามองบุตรชายอย่างไม่พอใจ “เ้านี่ ไม่รู้ว่าสิ่งใดควรหรือไม่ควรบ้างเลย ฝ่าาทรงประทับอยู่ตรงนี้ทั้งคน!”
ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินแย้มยิ้ม ตบโต๊ะของท่านอ๋องพร้อมทั้งเอ่ย “ท่านอา ในนี้มีแต่คนกันเอง ไม่จำเป็ต้องมีพิธีรีตองให้มากความ เพียงแต่ว่าซีเหอ หากมีคนนอกอยู่ด้วย เ้าจะกระทำการที่บังอาจเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด!”
จ้าวซีเหอพยักหน้าด้วยสีหน้าสำนึกผิด ก่อนที่สีหน้าจะกลับมาแย้มยิ้มดังเดิม “ฝ่าา กระหม่อมได้ยินว่า พระองค์ทรงมีรับสั่งให้ขังสาวใช้ข้างห้องของกระหม่อมในคุกหลวงหรือพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินกลับมามีสีหน้าเคร่งเครียดขณะพยักหน้า “ซูเฟยถูกวางยาพิษ ตอนนี้นางคือคนที่น่าสงสัยที่สุด เราจึงต้องทำแบบนี้”
จ้าวซีเหอควักเศษแก้วชาออกมาจากอกเสื้อ วางลงบนโต๊ะเบื้องหน้าฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจิน ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืน โค้งตัวให้แก่ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินพร้อมกับเอ่ย “ฝ่าา นี่คือเศษแก้วชาที่กระหม่อมเจอในตำหนักของพระสนมซูเฟย รอยชาดสีแดงซึ่งอยู่บนเศษแก้วเป็ชาดที่พระสนมทาในวันนี้ ขอฝ่าาให้คนนำไปตรวจสอบว่ายังมีสิ่งอื่นปนอยู่บนนั้นหรือไม่ด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
“บังอาจ!” ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินลุกขึ้นยืน ชี้นิ้วพร้อมทั้งต่อว่าจ้าวซีเหอ “วังหลังของเราใช่สถานที่ที่เ้าจะเข้าไปได้ตามใจเยี่ยงนั้นหรือ!”
จ้าวซีเหอรีบคุกเข่าลงโดยพลัน ท่านอ๋องเห็นเช่นนั้นจึงลงไปคุกเข่ากับพื้นด้วย พร้อมทั้งเอ่ยว่า “ฝ่าา ขอได้โปรดทรงอภัยให้บุตรชายของกระหม่อมด้วย บุตรชายของกระหม่อมแค่เป็ห่วงความปลอดภัยของนางหนูหนิงก็เท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ!”
“ใครอยู่ด้านนอก เข้ามาในนี้หน่อย นำเศษแก้วใบนี้ไปให้ศาลต้าหลี่ตรวจสอบ” ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินสะบัดแขนเสื้อฉลองพระองค์สีเหลืองทองขณะรับสั่ง
แววตาของฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินเจิดจ้าราวกับเปลวเพลิง ขณะเอ่ยกับจ้าวซีเหอ “เรามีวิธีจัดการเื่นี้อยู่ในใจอยู่แล้ว ลำพังแค่เศษแก้วชาชิ้นเดียวจะยืนยันความบริสุทธิ์ให้หนิงมู่ฉือได้อย่างไร!”
จ้าวซีเหอตอบด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง และน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว “ถ้าหากกระหม่อมมีพยานบุคคลเล่าพ่ะย่ะค่ะ!”
ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมา “เราเพิ่งรู้มาไม่นานมานี้เองว่า นางกำนัลคนสนิทของซูเฟยะโบ่อน้ำฆ่าตัวตายเนื่องจากปัญหาทางบ้าน หรือเ้าจะใช้คนตายผู้นี้มายืนยันความบริสุทธิ์ให้หนิงมู่ฉือ?”
จ้าวซีเหอลุกขึ้นยืน ตบมือสองครั้ง หมอหลวงพลันเดินเข้ามาในตำหนักเจินหลงด้วยเนื้อตัวสั่นเทา ครั้นเห็นฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินก็รีบคุกเข่าลงไปกับพื้นทันที
ภายในคุกหลวง หนิงมู่ฉือรู้สึกง่วงงุนเป็ที่สุด ทว่าในคุกหลวงหนาวมากนางจึงไม่อาจข่มตาลงได้ ประกอบกับนางเพิ่งจะหายดีจากพิษไข้ ร่างกายนางในตอนนี้จึงเริ่มรับความลำบากนี้ไม่ไหว
ขณะที่นางกำลังทั้งง่วง ทั้งหิว และหนาวสั่นอยู่นั่น จู่ๆ ผ้าห่มและหมั่นโถวสองสามลูกก็ถูกโยนเข้ามา นางรีบเอ่ยขอบคุณหัวหน้าผู้คุมทันที “พี่ชาย ท่านช่างใจดีเหลือเกิน ข้าขอบคุณท่านมาก!”
หัวหน้าผู้คุมยิ้มตอบ “เ้าไม่ต้องขอบคุณข้า ซื่อจื่อแห่งตำหนักอ๋องเป็คนสั่งให้ข้านำมามอบให้เ้า”
[1] ซวิน คือเครื่องดนตรีสมัยโบราณชนิดหนึ่งของจีน มีลักษณะเป็วงรี ทำจากดิน ใช้เป่า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้