คำถามนี้ของเหลียงซื่อ หลินฟู่อินก็เคยคิดเหมือนกัน แต่สาเหตุที่นางรอผลตอบรับจากหลี่อี้เป็เพราะั้แ่แรกนางก็ตั้งเป้าหมายว่า กลุ่มลูกค้าที่จะซื้อไข่ดอกสนของนางต้องเป็คนรวย และคนที่มีเงินเหลือพอจะมาพัฒนาอาหารการกินของตัวเอง
ไม่ใช่ว่านางดูถูกชาวบ้าน แต่ราคาที่นางตั้งใจจะขายไข่ดอกสนที่ทำจากไข่เป็ดไข่ไก่พวกนี้แน่นอนว่าต้องแพงกว่าราคาไข่เป็ดไข่ไก่ทั่วไปหลายเท่า ต่อให้ชาวบ้านมีเงินเหลือก็คงจะเอาเงินไปซื้อเนื้อชิ้นโต แต่ไม่ยินดีจ่ายเงินแพงๆ เพื่อซื้อไข่ดอกสนมาลอง
“ท่านย่าเหลียงไม่ต้องกังวลไปหรอกเ้าค่ะ ข้าจะหาทางขายให้กับคนมีเงินดู” หลินฟู่อินยิ้มตอบ
เหลียงซื่อชะงัก
เหล่าคนรวยนั้นเข้าหาไม่ง่ายเลย…
แต่พอเห็นหลินฟู่อินมีสีหน้ามั่นอกมั่นใจถึงเพียงนี้ นางก็พูดต่อไม่ออก ถึงอย่างไรคนก็ไม่ใช่ลูกหลานแท้ๆ ของนาง หากเป็ลูกหลานแท้ๆ นางย่อมไม่ยอมให้ทำเช่นนี้แน่…
พอหลินฟู่อินออกมาจากบ้านเหลียงซื่อ ก็เห็นจ้าวซื่อเดินมาจากอีกฝั่งของถนน
เมื่อจ้าวซื่อเห็นหลินฟู่อินก็หนังตากระตุก รีบร้อนวิ่งเข้ามาหยุดนางเอาไว้ มองขึ้นๆ ลงๆ ก่อนจะสบถ “ยังมีเวลามาเดินเล่นไร้สาระอีกหรือ? ปู่เ้าสั่งให้ข้ามาเรียกตัวเ้าไปบ้านเดิม”
หลินฟู่อินไม่สนใจสีหน้าคล้ายจะเอาเื่เอาราวนั่น นางถามกลับด้วยท่าทางไม่รู้ไม่ชี้ “ท่านปู่เรียกข้าไปบ้านนั้นทำไมเ้าคะ?”
จ้าวซื่อหรี่ตา แตะหน้าผาก “ข้าจะไปรู้ได้ยังไง? ปู่เรียกหลานสาวให้ไปหายังต้องมีเหตุผลอะไรอีก? เ้าจะไม่ไปพบหรือ? จะว่าไปแล้วเ้าก็ไม่ได้ไปพบปู่ย่าของเ้าด้วยตัวเองมาสักพักแล้วไม่ใช่หรือ?”
จ้าวซื่อรัวคำถามหลายประโยค แต่ละคำถามต่างก็ชี้ให้เห็นว่าหลินฟู่อินไม่กตัญญูต่อผู้ใหญ่ในบ้านทั้งนั้น
หลินฟู่อินรู้ว่าอีกฝ่ายคิดจะใส่ความให้นางเสียชื่อ จึงทำสีหน้าสิ้นไร้หนทาง ตอบกลับเสียงขมขื่น “นี่ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากไปพบท่านปู่ท่านย่านะเ้าคะ แต่ไปบ้านเดิมทีไรท่านก็เอาแต่ตวาดด่าหาว่าข้าเป็ดาวหายนะทำให้ท่านซวยทุกที เกรงว่าไปบ่อยๆ แล้วท่านจะไม่ชอบใจ ข้าเลยได้แต่ไปให้น้อยลงหน่อย”
“เ้า เ้า เ้า…” โดนหลินฟู่อินตอกกลับเช่นนี้ จ้าวซื่อก็โกรธจนเจ็บหัวใจไปหมด ทว่ากลับไม่อาจหาคำใดมาโต้ตอบได้เลยสักนิด ทำได้แค่อ้าปากพะงาบๆ เท่านั้น
หลินฟู่อินเลิกคิ้วดูถูก “ตกลงท่านปู่้าอะไรจากข้าเ้าคะ? หรือแท้จริงแล้วท่านปู่ไม่ได้เป็คนเรียกข้า แต่เป็ท่านป้าใหญ่ที่คิดเอาเอง”
หลินฟู่อินเดาได้ถูกต้อง แท้จริงแล้วครั้งนี้เป็ความคิดของจ้าวซื่อ วันนั้นปู่หลินโกรธหลินฟู่อินที่ทำให้ตนเสียหน้าจนระยะนี้ไม่อยากเห็นหน้าเด็กสาวอีก แล้วเขาจะยอมให้นางไปสร้างปัญหาได้อย่างไร?
เห็นหลินฟู่อินเดาได้เช่นนี้จ้าวซื่อก็แค้นใจขึ้นมาอีกครั้ง ทว่ายังคงปากแข็ง “ต่อให้ท่านปู่เ้าไม่ได้เรียกหา ลุงใหญ่เ้าก็ยังเป็ห่วงสุขภาพปู่ย่าเ้า ลุงใหญ่เ้าจึงคิดว่าให้เ้านำเงินตำลึงไปให้ปู่ย่าเพิ่มอีกหน่อย เช่นนี้จะได้วางใจยอมจ้างท่านหมอหลี่มาตรวจชีพจรให้สักครั้ง…”
หลินฟู่อินได้ยินเช่นนี้ก็หัวเราะเสียงเย็น
ที่แท้บ้านนั้นก็เชิญหมอหลี่มาตรวจร่างกายหลินต้าหลางจริงๆ เกรงว่าเ้าคนบัดซบนั่นคงใช้เงินไปมาก จนเงินที่นางให้ท่านปู่หลินเอาไว้ไม่เหลือสักแดง วันนี้คนบ้านเดิมถึงได้มารีดไถนางอีกแล้ว
คนคงคิดว่าจะเอาเปรียบนางได้ง่ายๆ
ด้วยไม่คิดจะพูดไร้สาระกับจ้าวซื่ออีก หลินฟู่อินจึงพูดออกไปอย่างขวานผ่าซากว่า “วันนั้นข้ามอบเงินให้ท่านย่าเองกับมือแล้ว เป็เงินค่าจ้างหมอมาตรวจชีพจร ทำไมจึงไม่พอไปได้?”
จ้าวซื่อกลอกตาไปมาแล้วะโ “ไม่พอสิ ก็ต้องไม่พออยู่แล้ว! ปู่ย่าเ้าแก่แล้ว เ็ปตรงนั้นตรงนี้ไปทั่ว จะไม่ต้องเสียค่าหยูกยาเลยหรือยังไง?”
หลินฟู่อินไม่ได้รู้สึกรำคาญหรือโกรธแต่อย่างใด บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มจาง “โอ เช่นนี้ถูกต้องแล้วเ้าค่ะ ยังไงก็ต้องใช้เงินซื้อยาบำรุงร่างกาย”
ได้ยินว่าหลินฟู่อินเห็นด้วย จ้าวซื่อก็ยินดีนัก กระทั่งคำพูดคำจายังน่าฟังขึ้นมา “นี่ยังไง ข้าก็พูดอยู่ว่าฟู่อินกตัญญูที่สุด!”
พอได้ยินคำยกยอ รอยยิ้มของหลินฟู่อินก็กดลึกขึ้น “ข้าคงไม่อาจกตัญญูได้เพียงคนเดียวเ้าค่ะ ถึงยังไงข้าก็เป็เพียงหลานสาว เป็คนรุ่นหลังแล้ว ที่จริงเป็ท่านลุงใหญ่ท่านป้าใหญ่ที่อยากกตัญญูต่อท่านปู่ท่านย่ามากกว่า”
สีหน้าของจ้าวซื่อพลันเปลี่ยนไป ไม่แน่ใจว่าเป็เพราะนางพูดจาดีเกินไปหรือไม่ หลินฟู่อินจึงพาบทสนทนามาถึงเื่นี้ได้
จ้าวซื่อหน้าทะมึน ก่อนจะบิดเบี้ยวน้อยๆ กล่าวอย่างโกรธเคือง “สุดท้ายเ้าก็ไม่อยากจ่ายค่ายาให้ปู่ย่าใช่หรือไม่? หากไม่อยากก็พูดออกมาตรงๆ จะอ้อมค้อมไปเพื่ออะไร?”
โอ คนชั่วร้องก่อนอีกแล้ว
หลินฟู่อินส่ายหน้าน้อยๆ กล่าวออกมาชัดเจน “ข้าไม่ได้พูดผิดนี่เ้าคะ ที่นาของท่านปู่ท่านย่าล้วนแต่เป็ของท่าน มีไว้เพื่อบ้านท่าน ครอบครัวข้าไม่ได้รับส่วนแบ่งอะไร บ้านลุงสองมีที่ดินแห้งแล้งเพียงน้อยนิด ส่วนที่เหลือท่านปู่ท่านย่าล้วนมอบให้พวกท่านบ้านใหญ่ หากท่านอยากให้ข้าช่วยจ่ายค่ารักษา ท่านก็ควรจะปฏิบัติต่อท่านปู่ท่านย่าอย่างเท่าเทียมเ้าค่ะ ท่านป้าใหญ่คลอดลูกออกมาห้าคนไม่ใช่หรือ? ล้วนแต่เป็หลานปู่ย่าด้วยกันทั้งนั้น ข้าต้องจ่ายค่ารักษาเท่าไร ลูกๆ ทั้งห้าคนของท่านแต่ละคนก็ควรจ่ายออกมาเท่าๆ กับข้า!”
ถ้อยคำของหลินฟู่อินล้วนหนักแน่นทรงพลังจนจ้าวซื่อได้แต่เหงื่อตก
ไม่ใช่เพราะร้อน ไม่ใช่เพราะรู้สึกว่ายุติธรรม แต่เป็เพราะความโกรธ!
เพราะว่าอะไรหลินฟู่อินไม่ได้ นางจึงได้เอาความโกรธไปลงที่หยวนซื่อ
หากไม่ใช่เพราะหยวนซื่อเอาแต่กระซิบกระซาบ สนับสนุนให้นางซื้อยาให้ปู่หลินกับอู๋ซื่อแล้วมาเอาเงินจากหลินฟู่อินเพิ่ม นางคงไม่ต้องโกรธขนาดนี้
ยิ่งเมื่อเห็นว่าการยืนโต้เถียงกันตรงนี้ ทำให้ชาวบ้านที่ผ่านไปผ่านมาหันมาสนใจ สีหน้าของจ้าวซื่อยิ่งน่าเกลียดขึ้นไปอีก
ทว่าทันใดนั้นดวงตาเรียวเล็กของนางก็กลิ้งกลอก บังเกิดความคิดชั่วร้ายขึ้นมา
“หากบ้านข้ามีเงินจะยังต้องมาหาเ้าเพื่อให้จ่ายค่ายาอีกหรือ?” จ้าวซื่อชี้หน้าหลินฟู่อิน วันนี้หากนางไม่ได้เงิน อย่างน้อยก็ต้องสาดน้ำสกปรกใส่อีกฝ่ายให้จงได้ “หากเ้าไม่คิดอยากกตัญญูต่อปู่ย่าก็ช่างเถิด ไม่จำเป็ต้องใช้พี่ชายน้องสาวเ้ามาเป็ข้ออ้าง!”
หลินฟู่อินกลอกตา เมื่อเห็นคนเริ่มมามุงดูเยอะขึ้นทุกทีก็ยิ้มเย็นอยู่ในใจ จ้าวซื่อคนนี้คิดจะเอาคำว่าอกตัญญูมาโยนใส่หัวนางให้ได้
ทว่าด้วยหัวสมองกับฝีปากเช่นนี้เกรงว่าคงจะไม่ได้ผล…
“คนที่อกตัญญูที่สุดไม่ใช่ท่านลุงใหญ่ ท่านป้าใหญ่ และพี่ชายน้องสาวข้าพวกนั้นหรอกหรือ?” ทันใดนั้นคิ้วของหลินฟู่อินก็ขมวดแน่น “อย่าพูดว่าไม่มีเงินสนับสนุนท่านปู่ท่านย่าเลย ท่านปู่ท่านย่าทำงานหนักมาทั้งชีวิตเพื่อมอบทรัพย์สินทั้งหมดในบ้านให้บ้านท่าน ที่ท่านยังไม่มีเงินเช่นนี้ไม่ใช่เพราะท่านไร้ความสามารถหรือ? จะให้พูดอะไรได้อีก?”
เป็เื่จริงที่เรียบง่ายมาก ปู่หลินมอบทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้บ้านใหญ่ แต่บ้านใหญ่ของเ้ากลับบอกว่าไม่มีกระทั่งเงินจะพาผู้าุโไปพบหมอและซื้อยารักษา ใครกันแน่ที่อกตัญญูกว่า?
ในตอนนี้เอง ชายชราคนหนึ่งที่กำลังแบกจอบเพื่อไปดูแปลงในไร่ของตัวเอง เดินเข้ามาตำหนิจ้าวซื่อด้วยสีหน้าไม่พอใจ “สะใภ้ใหญ่ของเหล่าหลิน เ้าทำเกินไปแล้ว พ่อสามีแม่สามีเ้าป่วย้ายารักษา แล้วพวกเ้าสามีภรรยามัวแต่ทำอะไรกันอยู่? ไม่จ่ายค่ายาเองแต่กลับถ่อมาหาหลานสาวตัวแค่นี้เพื่อขอเงิน ยังอายเป็อยู่หรือไม่?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้