ในที่สุดพวกหลงเซี่ยวอวี่ก็หยุดฝีเท้าลง ทว่าไม่ได้หันกลับมามองนาง
มู่จื่อหลิงไม่สนใจ กล่าวต่อไปว่า “พวกเขาสองคนได้รับาเ็ มีหนึ่งในสองคนนั้นถูกพิษ ‘พิรุณตัดิญญา’ เป็เวลาราวสองชั่วยามแล้ว”
พวกหลงเซี่ยวอวี่ไปทำสิ่งใดมากัน ผู้ที่วางยาพิษจึงได้โเี้ถึงเพียงนี้ พิรุณตัดิญญาเป็ยาพิษมฤตยูที่เสียดแทงลึกเข้าไปถึงจิติญญาของคน จะออกฤทธิ์หลังผ่านไปสองชั่วยาม
ทันทีที่ออกฤทธิ์ก็จะเหมือนถูกกระชากิญญา ละลายกลายเป็เืหนึ่งกอง เทพเซียนไม่ทราบผีก็ไม่รับรู้ [1]
แม้มู่จื่อหลิงจะแปลกใจ แต่นางก็ไม่ถามออกไป
นางมองออกว่าหลงเซี่ยวอวี่ลึกลับยิ่งนัก ต่อให้นางถาม เขาก็ไม่ตอบ หรือไม่หากนางรู้ความลับของพวกเขาแล้ว ชีวิตน้อยๆ ของตนอาจรักษาไว้มิได้
เวลานี้ต้องช่วยคนเสียก่อน เื่ที่ไม่ควรล่วงรู้ ไม่รู้คงจะเป็ผลดีมากกว่า
สีหน้าหลงเซี่ยวอวี่ยังคงเย็นเยียบ เขาขมวดคิ้วน้อยๆ หันมามองมู่จื่อหลิงที่จัดอาภรณ์ให้เข้าที่เข้าทาง กุ่ยหยิ่งโดนพิษมาสองชั่วยามแล้วจริงๆ
หากโดนพิษปกติทั่วไป เขานั้นยังพอรู้จัก ทว่าพิษที่กุ่ยหยิ่งโดนครานี้เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อนจริงๆ
เหตุใดสตรีผู้นี้เพียงแค่มองก็ทราบแล้วว่ากุ่ยหยิ่งโดนพิษชนิดใด ทั้งยังเข้าใจพิษชนิดนี้เป็อย่างดี นางถอนพิษได้จริงหรือ?
หากเป็ดังที่นางกล่าวว่าหลังจากพิษกระจายเข้าสู่อวัยวะภายในจึงจะออกฤทธิ์ เช่นนั้นต่อให้เล่อเทียนรีบมาก็คงมิทันกาลเสียแล้ว
ไตร่ตรองครู่หนึ่ง หลงเซี่ยวอวี่ก็เหลือบมองกุ่ยหยิ่งที่มีสีหน้าหมองคล้ำและไม่ได้สติ
แม้เขาจะยังกังขาว่ามู่จื่อหลิงนั้นสามารถถอนพิษให้กุ่ยหยิ่งได้หรือไม่ ทว่าอาการของกุ่ยหยิ่งกลับมิอาจทนรอเขาไตร่ตรองได้อีกต่อไป
หลงเซี่ยวอวี่กล่าวอย่างเ็า “เ้ารักษาได้หรือ?”
มู่จื่อหลิงผงกศีรษะกล่าวอย่างมั่นใจ “ข้ารักษาได้!”
หลงเซี่ยวอวี่ยืนนิ่งไม่ขยับ ทอดมองมู่จื่อหลิงที่เปียกโชกไปทั้งตัว สายตาพลันเปี่ยมไปด้วยความรังเกียจ นึกอยากให้นางไปผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เสียก่อน จึงกล่าวขึ้นว่า “เ้าไป...”
ทว่ายังมิทันกล่าวจบมู่จื่อหลิงก็กล่าวว่า “ไม่ทันกาลแล้ว อาการเขาสาหัสนัก”
แท้จริงแล้วนางมองออกว่าหลงเซี่ยวอวี่รังเกียจความสกปรกบนกายนาง
แต่ชีวิตของผู้ใต้บังคับบัญชาตนจะสูญสิ้นอยู่รอมร่อ นางมิเชื่อว่าหลงเซี่ยวอวี่จะยอมสูญเสียหนึ่งชีวิตเพราะโรครักความสะอาดของตน
นางเจตนาพูดอาการให้หนักหนาสาหัส นางมิถือสาตนเองที่เปียกจนโชก แล้วหลงเซี่ยวอวี่ใช้สิทธิ์ใดมาถือสานาง
ั์ตาหลงเซี่ยวอวี่ฉายแววแปลกประหลาด มิได้กล่าวให้มู่จื่อหลิงไปผลัดเครื่องแต่งกายอีก เพียงเอ่ยอย่างเ็าว่า “ไป”
จากนั้นก็หันกายกลับไปแล้วเดินต่อ ไม่รู้ว่าเห็นพ้องให้มู่จื่อหลิงแก้พิษแล้วใช่หรือไม่ ช่างประหยัดถ้อยคำราวกับมันเป็ทองคำโดยแท้
มู่จื่อหลิงมิได้สนใจสิ่งใดมาก เื่ช่วยชีวิตคนเร่งด่วนกว่านัก นางสั่งเสี่ยวหานว่า “เสี่ยวหาน เ้าไปที่ตำหนักอวี่หาน นำกล่องไม้ที่อยู่ใต้เตียงข้ามา รีบไปรีบมาเล่า”
เพื่อความสะดวก ก่อนหน้านี้นางจึงนำล่วมยาที่ต้องใช้ลายนิ้วมือออกมาจากระบบซิงเฉิน เอาไว้ใช้ตบตาผู้คน
ล่วมยากล่องนี้เป็นวัตกรรมระดับสูง ทำจากวัสดุพิเศษ ไม่มีในยุคสมัยนี้แน่นอน ดังนั้นนางจึงปรับเปลี่ยนล่วมยาเล็กน้อย ให้เป็ล่วมยาธรรมดาทั่วไป ทว่าต้องใช้ลายนิ้วมือจึงจะเปิดได้
แม้ขนาดไม่ใหญ่นัก แต่ช่องว่างด้านในกลับใหญ่กว่ากล่องทั่วไปถึงสองสามเท่า
นางจัดวางสิ่งของสำรองใช้ไว้เป็จำนวนมาก ไม่ว่าจะวางสิ่งของลงไปมากเพียงใด น้ำหนักก็ยังคงเท่าเดิม ไม่เพิ่มขึ้น
ล่วมยากล่องนี้นอกจากลายนิ้วมือนางแล้วไม่มีผู้ใดเปิดได้ ดังนั้นจึงมิต้องกังวลว่าจะถูกคนค้นพบความลับข้างในเข้า
“เ้าค่ะนายน้อย” เสี่ยวหานเห็นว่าเป็สถานการณ์เร่งด่วน แม้จะสงสัยว่าเหตุใดมู่จื่อหลิงจึงสามารถถอนพิษได้ ทว่านางมีเวลาไม่มากนัก จึงรีบเร่งวิ่งจากไป
มู่จื่อหลิงตามพวกหลงเซี่ยวอวี่มาถึงโถงแห่งหนึ่ง กุ่ยเม่ยนำกุ่ยหยิ่งวางลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง
มู่จื่อหลิงนำขวดยาออกมาจากแขนเสื้อ กล่าวกับกุ่ยเม่ยด้วยสีหน้าสุขุมว่า “าแเ้าไม่สาหัส ใส่ยาบรรเทาอาการเ็ปขวดนี้ให้ตนเองก่อนเถิด รอเสี่ยวหานไปเอาล่วมยากลับมาค่อยพันแผลให้เ้า ข้าจะถอนพิษให้เขาเสียก่อน!”
กุ่ยเม่ยรู้สึกสงสัยอยู่เล็กน้อย มองไปที่หลงเซี่ยวอวี่อย่างใคร่รู้ เมื่อเห็นหลงเซี่ยวอวี่ผงกศีรษะเขาจึงรับขวดยามา “พ่ะย่ะค่ะ หวางเฟย”
มู่จื่อหลิงเริ่มกลั้นลมหายใจตั้งจิตให้มั่นเข้าสู่สภาวะลืมจิต ปลดเสื้อผ้า้าของกุ่ยหยิ่งออกอย่างไม่ลังเล
นางดึงเข็มเงินออกมาจากแขนเสื้อ เล็งเข็มลงบนจุดฝังเข็มทุกจุดแล้วปักลงไปอย่างแม่นยำ เข็มยึดไว้อย่างมั่นคง
ทั้งๆ ที่เป็ขั้นตอนสั้นๆ แต่เวลานี้บนหน้าผากของนางกลับมีเหงื่อชั้นบางๆ ผุดขึ้น นางไม่สนใจที่จะเช็ดมัน มือขาวหยิบยาออกมาฆ่าเชื้อโรคบริเวณาแให้เขา
ส่วนสิ่งอื่นนั้นรอเสี่ยวหานมาแล้วค่อยลงมือทำ มิอาจนำสิ่งของออกมาจากแขนเสื้อทีเดียวได้มากมายถึงเพียงนั้น ต้องปิดบังไว้เสียก่อน
เมื่อทำทั้งหมดนี้จนเสร็จสิ้น นางก็ยังคงไม่ผ่อนลมหายใจ จ้องเขม็งไปที่กุ่ยหยิ่ง
และมู่จื่อหลิงในเวลานี้มิอาจทราบเลยว่าสายตาของหลงเซี่ยวอวี่มิได้เลื่อนไปจากร่างของนางมาั้แ่วินาทีแรก
เมื่อมองข้ามความสกปรกยุ่งเหยิงบนตัวนาง แต่มองเพียงใบหน้าอันสุขุมและท่าทางจดจ่อไปกับการรักษากุ่ยหยิ่งแล้ว เขากลับค้นพบว่านางไม่เหมือนกับสตรีที่ตนเคยเห็นในยามปกติอย่างสิ้นเชิง
--------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] เทพเซียนไม่ทราบผีก็ไม่รับรู้ แปลว่า ลึกลับเป็อย่างยิ่งจนไม่ว่าเทพหรือผีก็ไม่รับรู้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้