บทที่ 52 สังหารในป่าว่านจู๋
ป่าว่านจู๋[1]เป็ป่านอกเมืองลั่วเหยียนที่ทุกคนรู้จักกันดี หากเดินทางมาจากเมืองเว่ยยางเพื่อไปยังเมืองลั่วเหยียนไม่ว่าอย่างไรก็ต้องผ่าน ทุกครั้งที่ลมพัด ใบไผ่นับหมื่นพลันสั่นไหวส่งเสียงราวร้องไห้ตัดพ้อด้วยจังหวะที่ไม่อาจอธิบายเป็คำพูดได้ เวลานี้ใบไผ่แผ่กระจายตัวเต็มผืนฟ้าบดบังแสงอาทิตย์ที่ส่องลงมาเป็บางหย่อม กำเนิดเป็ภาพที่สวยงามบนพื้น ตลอดเส้นทางสายหนึ่งที่ต้องทะลุผ่านป่าว่านจู๋ มีเพียงเสียงนกร้องและเสียงจักจั่น ช่างฟังดูเงียบสงบเหลือเกิน
และในส่วนลึกของป่าไผ่แห่งนี้ สีหน้าของลั่วเหยียนกลับดูถมึงถึง พระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้าเหนือูเาทางทิศตะวันตกไปแล้ว ทว่าคนที่พวกเขารอคอยกลับไม่ปรากฏตัวออกมาเสียที จนเขาอดสงสัยไม่ได้ว่าข่าวที่ส่งมาผิดพลาดหรือไม่ จากข่าวของสมาคมซานชิง ด้วยความเร็วในการเดินทางหอการค้าตระกูลว่าน เวลานี้พวกนั้นควรใกล้เข้าเมืองลั่วเยี่ยนได้แล้ว ทว่าจนถึงบัดนี้กลับยังคงไม่เข้าสู่ป่าว่านจู๋เสียด้วยซ้ำ หรือว่าฝ่ายตรงข้ามจะไม่ได้วางแผนเข้าเมืองลั่วเยี่ยนั้แ่แรกแล้ว?
“หรือว่ารถม้าของพวกเขาจะเสียหาย จึงล่าช้าอยู่บนถนน?” เฉินติ้งฟางเป็หัวหน้าสมาคมซานชิงสาขาลั่วเยี่ยน เขาััได้ถึงความร้อนรนของลั่วเหยียน แต่ข่าวนี้เป็ข่าวที่สมาคมซานชิงส่งมา ตอนนี้เขาจึงทำได้เพียงคาดเดาเท่านั้น
“ทำตามที่ข้าบอกไป พวกเ้าเข้าไปสังหารมันโดยตรงเสียก็พอ ก็แค่พวกทหารรับจ้างอ่อนหัดจากกลุ่มทหารรับจ้างเทียนกงไม่กี่สิบคน ฝั่งเรามีมากกว่าพวกมัน สังหารพวกมันอย่าให้เหลือรอดสักคน แล้วสินค้าจากหอการค้าตระกูลว่านก็จะตกเป็ของพวกเรา... ”
“เ้าโง่นี่ หุบปากได้แล้ว... ” ชายที่ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเคราครึ้มคนหนึ่งเขกหัวชายอีกคนที่เสียงดังคนนั้นเต็มแรง
“พี่ใหญ่ เ้าตีข้าทำไม!”
“คิดแต่จะฆ่าฟัน ไม่รู้จักหัดใช้สมองเสียบ้าง คนของกลุ่มทหารรับจ้างเทียนกงมีไม่เยอะ แต่เ้าคิดว่ากู้อวิ๋นเซียวคนนั้นจัดการได้ง่ายนักหรือ? ถ้าปิดปากเ้าหมอนั่นได้ก็ดีไป แต่หากทำให้มันหนีไปได้จ้งเหล่าโหมวคนนั้นไม่ทำลายค่ายเฮยหู่ของพวกเราหมดหรือ? จะสังหารคนที่เหลือทั้งหมดบางทีอาจทำได้ แต่คิดจะจัดการกู้อวิ๋นเซียวด้วย เ้าคิดว่าคนของพวกเราแค่นี้จะพอหรือ?” ชายหนวดครึ้มรู้สึกได้แล้วว่าคนพวกนี้ไม่เอาอ่าวสักนิด
“ที่พี่ใหญ่เฮยหูจื่อกล่าวมาถูกต้องแล้ว กู้อวิ๋นเซียวเป็คนที่จัดการยากใช้ได้ทีเดียว ถ้าไม่มั่นใจเป็เต็มที่ ทางที่ดีอย่าให้พวกนั้นรู้ว่าพวกเราเป็ใครจะดีกว่า พวกเราสมาคมซานชิงไม่กลัวจ้งเหล่าโหมวอยู่แล้ว แต่สมาคมทหารรับจ้างไม่ใช่ของที่เที่ยวไปหาเื่ได้ ขอเพียงไม่ทิ้งหลักฐานไว้ ถึงเวลาต่อให้ฝ่ายตรงข้ามคาดเดาเื่ราวออก แต่ก็ทำอะไรพวกเราไม่ได้อยู่ดี!” เฉินติ้งฟางกล่าวอย่างมั่นใจ
“ไม่ว่าพวกเ้าจะทำอย่างไร เ้าเด็กนั่นต้องตายเท่านั้น!” ลั่วเหยียนกล่าวอย่างเ็า
“นายท่านโปรดวางใจ ในเมื่อพวกเราสมาคมซานชิงรับปากแล้ว ต้องทำสำเร็จแน่. เื่นี้นายท่านเหยียนต้องมั่นใจในตัวพวกข้าอยู่แล้วใช่หรือ?” เฉิงติ้งฟางกล่าวอย่างมั่นใจ ครั้งนี้ตระกูลลั่วยอมจ่ายค่าตอบแทนสูงมาก บวกกับความสัมพันธ์ของลั่วเหยียนกับเ้าสมาคมกงซุนหลงเข้าไปอีก ยิ่งทำให้งานนี้สมาคมซานชิงต้องทุ่มกันสุดแรง เพียงแต่ในสมาคมซานชิงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าเป็การไหว้วานของตระกูลลั่ว กระทั่งตอนนี้ตัวลั่วเหยียนที่อยู่ที่นี่ก็ไม่ใช่ในฐานะคนของตระกูลลั่ว อย่างน้อยคนของค่ายเฮยหู่ก็ไม่รู้ฐานะของลั่วเหยียน
“ข้าจะส่งคนไปดูลาดเลาเสียหน่อย บางที่อาจมีเหตุให้ล่าช้าก็เป็ได้!” เฉินติ้งฟางคิด จากนั้นตัดสินใจส่งคนไปดู อย่างไรเสียหากถึงเวลากลางคืน ทัศนวิสัยย่อมถูกบดบังเสียหมด การจะจับปลาไม่ให้หลุดรอดตาข่ายได้สักตัว ย่อมทวีความยากขึ้นไปอีก!
“เอ๊ะ มีขบวนกำลังมา... ” ในตอนนั้นเองหัวหน้าคนหนึ่งของค่ายเฮยหู่กล่าวออกมาอย่างยินดี
“ทุกคนเตรียมพร้อม... ”เฉินติ้งฟางสั่งการอย่างยินดียิ่ง
“ปล่อยพวกเขาไป นั่นไม่ใช่ขบวนของหอการค้าตระกูลว่าน!” สีหน้าของลั่วเหยียนหมองลงทันที
ตอนนั้นเองเฉินติ้งฟางก็เห็นฝ่ายตรงข้ามชัดเจนแล้ว ไม่ใช่กลุ่มหอการค้าตระกูลว่านจริงดังลั่วเหยียนว่า ไม่ว่าจะเป็ธงหรือรถสินค้า ล้วนไม่ตรงตามข่าวที่พวกเขาได้รับมาสักอย่าง อีกทั้งกลุ่มนี้ก็ใหญ่กว่ามากโข ในใจรู้สึกหนักอึ้ง เป้าหมายของพวกเขาคือหอการค้าตระกูลว่าน หากปล้นคนกลุ่มนี้เข้า หอการค้าตระกูลว่านต้องไม่เข้ามาในแผนการลอบโจมตีของพวกเขาซ้ำรอยขบวนก่อนหน้าแน่ และเป้าหมายของพวกเขาจะล้มเหลวทันที ดังนั้นพวกเขาจะลงมือไม่ได้เด็ดขาด
ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว ใบไผ่ในป่าไผ่ทำให้แสงอาทิตย์ยิ่งมืดลงขึ้นไปอีก ถึงเฉินติ้งฟางจะเพ่งมองรูปร่างของกลุ่มคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามได้ไม่ชัดเท่าไรนัก แต่ก็มั่นใจได้ว่า คนกลุ่มนี้ไม่ใช่ขบวนของหอการค้าตระกูลว่านแน่นอน เขาไม่เห็นกู้อวิ๋นเซียว และไม่เห็นว่านเจียฉาย กระทั่งเด็กหนุ่มที่ลั่วเหยียนกล่าวถึงก็ไม่พบ สินค้าในรถม้ากองสูงมาก ต้องไม่ใช่หนังสัตว์แน่ ดูเหมือนท่อนไม้กับก้อนหินเสียมากกว่า
“แค่ท่อนไม้กับก้อนหิน ของพวกนี้ไม่เห็นมีประโยชน์สักนิด!” ชายหนวดด่าอย่างโมโห ถึงไม้กับหินบางชนิดจะมีราคาอยู่บ้าง แต่สำหรับโจรูเาอย่างพวกเขา ของพวกนี้ไม่อาจเปลี่ยนเป็เงินได้ ใช้ประโยชน์ก็ไม่ได้ อย่างไรเสียท่อนไม้และก้อนหินล้วนมีช่องทางการขายโดยเฉพาะอยู่แล้ว ต่อให้พวกเขาปล้นมาได้ แต่ยังต้องไปหาคนมาซื้ออยู่ดี การทำเช่นนั้นไม่เท่ากับการส่งโจรไปมอบตัวหรอกหรือ? ดังนั้นตลอดการดักปล้น หากเห็นเป็ขบวนขนส่งท่อนไม้และก้อนหิน โจรูเาพวกนี้ไม่แม้แต่จะชายตาแลด้วยซ้ำ
“เ้าว่านเจียฉายมัวทำบ้าอะไรของมันอยู่ ฟ้าก็มืดแล้ว หรือว่าพวกนั้นคิดจะพักกันนอกเมืองหรือ?” หนึ่งในหัวหน้าของสมาคมซานชิงด่าออกมาอย่างไม่สบอารมณ์
“ข้าจะลองไปถามพวกขบวนนั้นดู พวกเขาก็มาจากถนนเส้นนั้นเหมือนกัน น่าจะเห็นคนของว่านเจียฉายบ้าง บางทีพวกนั้นอาจรู้ว่าเ้าพวกน่ารังเกียจนั่นกำลังทำอะไรอยู่ก็ได้!”
“อืม เช่นนั้นก็ดี!” ลั่วเหยียนพยักหน้า ถ้าพวกเขาย้อนกลับไปตรวจสอบเอง เป็ไปได้มากทีเดียวที่พวกขบวนอื่นจะไปแจ้งเตือนพวกคนตระกูลว่าน สู้ปลอมเป็คนที่ผ่านทางมาไปลองถามดูเสียดีกว่า
……
ลั่วเหยียนเห็นคนของสมาคมซานชิงเดินอ้อมป่าไผ่ ขึ้นไปคุยกับขบวนดังกล่าวราวกับคนผ่านทางเท่านั้น ทว่าในใจของเขากลับสั่นสะท้านขึ้นมา ความรู้สึกนี้เหมือนกับว่าอันตรายร้ายแรงกำลังคืบคลานเข้าประชิด
“ข้าว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง... ” ลั่วเหยียนสูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นเอ่ยความสงสัยในใจออกมา
“บางอย่างไม่ถูกต้องหรือ?” เฉินติ้งฟางขมวดคิ้วเล็กน้อย ทว่าขณะที่เสียงของลั่วเหยียนพูดได้ยังไม่ทันขาดคำ ในใจของเขาพลันััได้ถึงอันตรายขึ้นมาเช่นกัน จากนั้นะโเสียงดังลั่น “แย่แล้ว!”
“ตูม ตูม... ” ยันต์สีเหลืองหลายใบลอยมาหยุดอยู่เหนือศีรษะของพวกเขาราวกับวิหคโผบินอย่างเงียบกริบ จากนั้นะเิเปลวไฟออกเป็ดวงๆ จนเปลวเพลิงร่วงลงพื้นราวกับดาวตก เข้าครอบคลุมตำแหน่งของพวกเขาทั้งหมดโดยสมบูรณ์
“ยันต์เพลิงะเิ... ” เฮยหูจื่อใมาก จากนั้นกลิ้งตัวไปบนพื้น ยันต์เพลิงะเิถูกจุดะเิขึ้นเหนือศีรษะของพวกเขา ทำให้อานุภาพของมันครอบคลุมบริเวณที่พวกเขาอยู่ทั้งหมด ถ้าหากเปลวเพลิงที่กระจายวงกว้างเ่าั้ตกพื้นเมื่อไร พื้นที่ตรงนี้ย่อมกลายเป็ทะเลเพลิงอย่างไม่ต้องสงสัย
ไม่ใช่แค่เฮยหูจื่อที่คุ้นเคยกับยันต์ชนิดนี้ คนอื่นก็รู้จักยันต์เพลิงะเิเป็อย่างดีเช่นกัน มันเป็ของที่ใกล้เคียงกับสมบัติยันต์ระดับสูง พลังสังหารรุนแรงจนน่าพรั่นพรึง
“วูม วูม... ” ขณะที่แสงเ่าั้ะเิออก ยันต์สีฟ้าใบหนึ่งในมือลั่วเหยียนก็ะเิออกเช่นกัน รอบตัวเขากลายเป็ม่านพลังน้ำสีฟ้าอ่อน จากนั้นรีบพาตัวเองออกให้พ้นระยะของเปลวเพลิงทันที
“ฟุ่บ ฟุ่บ... ” ในตอนนั้นเอง เสียงยิงหน้าไม้กลับดังขึ้น จากนั้นลูกศรกลุ่มหนึ่งได้ทะยานเข้าใส่จากข้างหลังของพวกเขา ไม่รู้เมื่อไรแต่คนที่พวกเขารอคอยกลับไปอยู่รอตลบหลังพวกเขาเสียแล้ว
“กลุ่มทหารรับจ้างเทียนกง... ” สายตาของเฉินติ้งฟางกะพริบปริบๆ ด้วยความมึนงง ยอดฝีมือกลุ่มทหารรับจ้างเทียนกงจะมาอยู่ข้างหลังพวกเขาได้อย่างไรกัน มิหนำซ้ำยังเงียบกริบไร้สุ้มเสียงอีกต่างหาก พวกเขาไม่รู้สึกถึงการคงอยู่ของฝ่ายตรงข้ามแม้แต่น้อย
“ฆ่ามัน... ” เสียงะโกู่ร้องดังขึ้นหลายเสียง พร้อมกับยันต์ิญญาอีกหลายแผ่นลอยละล่องตามมา แต่ที่อันตรายยิ่งกว่ายันต์ิญญาคือเหล่าลูกศรทลายิญญาต่างหาก บนลูกศรพวกนั้นล้วนถูกสลักอักขระไว้ เมื่อกองทัพลูกศรทะลวงผ่านเปลวไฟก็ทำให้บนศรมีพลังธาตุไฟที่แข็งแกร่งแฝงอยู่ด้วย ถึงขั้นทำลายการป้องกันของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย แม้บนร่างของพวกเขาจะสวมเกราะอยู่ด้วยก็ตามที
แต่ว่าในเสี้ยววินาทีนั้นเอง ป่าไผ่ในระยะหลายสิบจั้งถูกรอบล้อมด้วยทะเลเพลิงเสียแล้ว คนที่รวดเร็วหน่อยก็หนีออกจากทะเลเพลิงไปได้อย่างทุลักทุเล แต่คนของค่ายเฮยหูกับสมาคมซานชิงส่วนใหญ่กลับถูกไฟคลอกจนไหม้ไปทั้งตัว ได้แต่วิ่งไปกรีดร้องไปรอบป่าอย่างบ้าคลั่ง แม้จะมีบางคนที่โชคดีหนีออกจากทะเลเพลิงได้ แต่ก็ไม่อาจหนีการโจมตีจากหน้าไม้ได้อยู่ดี ในเวลาเพียงชั่วครู่ เดิมทีขบวนหนึ่งร้อยกว่าคน กลับเหลือเพียงสามสิบสี่สิบคนซ้ำยังาเ็อีกต่างหาก บ้างมีไฟไหม้ตามตัว บ้างมีแผลถูกยิง ส่วนพวกที่วิ่งพล่านไปทั่วป่าไผ่ แค่จะช่วยเหลือตัวเองยังทำไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงเื่เป็กำลังรบเลย
“ไป... ”เฉินติ้งฟางกล่าวเสียงต่ำ บัดนี้เขารู้ชัดแล้วว่าตนไม่ได้อยู่ในตำแหน่งผู้ล่าอีกต่อไป เกรงว่าถึงจะรั้นอยู่ต่อก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี สู้หนีออกไปตอนนี้ อย่างน้อยก็ยังวางแผนสำหรับครั้งต่อไปได้
“หัวหน้าเฉิน จะรีบร้อนไปไยเล่า... ” ขณะที่เฉินติ้งฟางกำลังคิดหนีเข้าไปในป่าไผ่ที่ลึกกว่าเดิม ไม้ไผ่ขนาดใหญ่ข้างตัวเขากลับสั่นไหวขึ้นมาทันที เงาร่างหนึ่งที่ดีดตัวออกจากที่ไกลราวกับวิหคร่อนลม จากนั้นไถลตัวไปตามลำไม้ไผ่มาหยุดลงตรงหน้าเฉินติ้งฟางปิดเส้นทางหลบหนีของเขาพอดิบพอดี
“กู้อวิ๋นเซียว... ” สีหน้าของเฉินติ้งฟางมัวหมองเสียจนไม่น่าดู คิดไม่ถึงว่ากู้อวิ๋นเซียวจะจับจ้องเขาอยู่
“สมาคมซานชิงของข้ากับกลุ่มทหารรับจ้างเทียนกงของเ้าไม่เคยมีความแค้นต่อกัน เหตุใดเ้าถึงลงมือกับพวกข้าเช่นนี้?” เฉินติ้งฟางราวกับััได้ถึงบางอย่าง จึงรีบใส่ร้ายอีกฝ่ายกลับไป ไม่ว่าอย่างไรก็ห้ามยอมรับว่าคิดลอบโจมตีฝ่ายตรงข้ามเด็ดขาด
“จริงหรือ? กลุ่มทหารรับจ้างเทียนกงถูกว่าจ้างโดยหอการค้าตระกูลว่าน ทว่าพวกเ้ากลับส่งคนมาติดตามพวกข้าซ้ำยังผลัดเปลี่ยนกันถึงสามกลุ่มเสียด้วย ไหนจะยังวางกลไกไว้ในป่าว่านจู๋เสียมากมายเช่นนี้ หรือว่าเื่พวกนี้เป็สิ่งพวกเ้าทำขึ้นมาเล่นๆ ยามว่างหรือ?” กู้อวิ๋นเซียวลงมือทันทีอย่างไม่รั้งรอสิ่งใดอีก ถึงสมาคมซานชิงจะยังไม่ทันเป็ฝ่ายลงมือก่อน แต่จากประสบการณ์หลายปีที่ผ่านมา มีหรือเขาจะดูไม่ออก
“ข้าคิดว่าพี่กู้คงเข้าใจผิดแล้ว พวกเราจะวางแผนคิดร้ายกับกลุ่มทหารรับจ้างเทียนกงได้อย่างไรกัน... ” สายตาของเฉินติ้งฟางเหลือบไปเห็นอีกด้านหนึ่งว่ากลุ่มคนของค่ายเฮยหูกับสมาคมซานชิงกำลังพุ่งตัวหนีออกจากทะเลเพลิงสุดชีวิต จากนั้นเผ่นแน่บหวังหนีให้พ้นระยะยิงของหน้าไม้ ทว่าขณะที่พวกเขากำลังพุ่งไปยังถนนหลักนั้นเอง ขบวนที่เดิมทีขนเพียงท่อนไม้กับก้อนหินพวกนั้นกลับยิงลูกศรมากมายราวกับห่าฝนออกมาทันที สินค้าชั้นสูงที่ถูกผ้าคลุมอยู่บนรถเมื่อเปิดออกมา ก็พบว่าสิ่งที่กองอยู่ไม่ใช่สินค้า แต่เป็กลุ่มคนเตรียมยิงหน้าไม้ต่างหาก... คนพวกนี้ไม่ใช่กลุ่มทหารรับจ้าง แต่เป็คนงานของพวกพ่อค้าและคนรับใช้ ทว่าในเวลานี้ ลำพังหน้าไม้แกร่งในมือของพวกเขาก็มากพอจะปลิดชีพเหล่าศิษย์าที่ไม่มีแรงจะสู้แล้วได้แล้ว...
นี่เป็กับดักโต้กลับที่ถูกวางแผนไว้แต่แรกแล้ว ในที่สุดเฉินติ้งฟางก็เข้าใจเสียที แผนที่เขาวางไว้ เป็เพียงเื่น่าหัวร่อเท่านั้น นับแต่ที่พวกเขาเริ่มติดตามฝ่ายตรงข้าม ศัตรูก็เื่ทั้งหมดอยู่แล้ว ดังนั้นในป่าว่านจู๋ผืนนี้ กลับเป็พวกเขาเสียเองตกลงไปในแผนของฝ่ายตรงข้ามทันทีเสียแล้ว ถึงกับยังไม่ทันได้เปิดใช้บรรดากับดักสังหารที่พวกเขาวางไว้ในป่าไผ่นี้แม้แต่ชิ้นเดียวด้วยซ้ำ
------------------------------------------------
[1] ป่าว่านจู๋ (万竹林) หมายถึงป่าที่มีต้นไผ่นับหมื่น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้