บทที่ 68 หยดเืหาคน
“เ้าไม่กล้าสังหารข้า!” หม่าทงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึก แต่น้ำเสียงของเขากลับแฝงไว้ซึ่งความไม่แน่ใจอย่างชัดเจน
“ถูกต้อง ข้าไม่กล้าสังหารเ้า แต่ข้าหักขา หักแขนเ้า หรืออย่างอื่นก็ยังได้... ” ลั่วถูยิ้มเย็น เขาไม่คิดเอาตัวเข้าไปเกี่ยวข้องกับหม่าทงเทียนแน่นอน จากนั้นนำหน้าไม้ออกมาเล็ง
หม่าทงเทียนไม่รู้จะกล่าวเช่นไร เขารู้ว่าลั่วถูพูดจริง ลั่วถูไม่กล้าสังหารเขาจริงดังว่า แต่ถ้าเพียงหักขาของเขาหรือหักแขน หรือทำให้เขาาเ็สาหัส เช่นนั้นอย่างมากก็ฝ่ายตรงข้ามแค่ถูกลงโทษ ทว่าตัวเขากลัวการที่ต้องแบกรับความเ็ปเหลือเกิน เขาไม่มีความกล้าพอจะเอาความเ็ปของตนไปแลกกับบทลงโทษของลั่วถู จากมุมมองของเขาลั่วถูเป็เพียงคนธรรมดาที่ต้อยต่ำ แต่เขามีอนาคตที่ยิ่งใหญ่รออยู่
สีหน้าของฟ่านฉี่บิดเบี้ยวจนน่าเกลียด สายตาของเขาได้แต่มองไปยังตงเหอที่นอนอยู่บนพื้น และมองแขนที่เืไหลของเขา ความแข็งแกร่งของลั่วถูทำเอาเขาถึงกับตกตะลึง แค่คนที่ยังไม่เปิดิญญาคนหนึ่ง สู้หนึ่งต่อสาม กลับทำให้พวกเขาเสียเปรียบได้ ทำเอาเขาหวนคิดถึงประโยคเมื่อครู่ของลั่วถู บุปผาในเรือนเพาะชำ! บางทีสิ่งนี้ต่างหากคือระยะห่างอันต่างชั้นที่แท้จริง
“ศิษย์น้องลั่ว พวกข้าเพียงแค่ล้อเล่นกับเ้า เหตุใดต้องจริงจังเช่นนี้... ” ฟ่านฉี่จู่ๆ ก็นึกบางอย่างขึ้นได้ เขาพบว่าหน้าผากของหม่าทงเทียนถึงกลับมีเหงื่อไหลจนท่วมหน้า ตอนนี้มีแต่ต้องพูดอะไรสักอย่างเพื่อเอาตัวรอด เกรงว่าครั้งนี้พวกเขาพลาดท่าครั้งใหญ่เข้าให้แล้ว ต้องมีใครสักคนลงมือทำลายสถานการณ์ที่น่าอึดอัดนี้
“จริงหรือ? ศิษย์พี่หม่า พวกเราเพียงล้อเล่นกันเล่นอย่างนั้นหรือ?” ลั่วถูหัวเราะอย่างลึกลับ และกล่าวถามกลับไป
หม่าทงเทียนรู้สึกว่าบนร่างกายถูกความกดดันมหาศาลกดทับเอาไว้ทั้งกาย เมื่อถูกหน้าไม้คันนั้นเล็งเข้าใส่ ก็ราวกับถูกคมดาบจ่อคออย่างไรอย่างนั้น พอได้ยินลั่วถูกับฟ่านฉี่กล่าวเช่นนี้เข้า เขาคิดเพียงอยากรีบจบการเผชิญหน้าอันเหนือคำบรรยายครั้งนี้ให้เร็วที่สุด รีบเบี่ยงหน้าไม้ในมือลั่วถูออกไปให้พ้น ในใจของเขาเต็มไปด้วยเกลียดชัง แต่ไม่ใช่ว่าเมื่อเข้าเมืองเทียนตูต้องนำหน้าไม้กับธนูไปเก็บหรอกหรือ? นอกจากทหารป้องกันเมือง คนอื่นไม่สามารถพกหน้าไม้ได้ ทว่าหน้าไม้ของลั่วถูเป็ของชั้นสูงในกองทัพ ไม่เพียงเป็ของชั้นสูงในกองทัพ แต่ถึงกลับสลักอักขระไว้มากมายเพื่อช่วยทวีพลังทำลายให้รุนแรงยิ่งขึ้นอีกด้วย
“แน่นอนว่าแค่ล้อเล่น เ้าดูสิพวกเราเป็ศิษย์พี่ศิษย์น้องกัน ปกติก็ไม่ได้มีความแค้นอะไร ใครจะไปคิดเอาชีวิตกันให้ถึงตาย นี่เป็เื่เข้าใจผิด!” สีหน้าหม่าทงเทียนเปลี่ยนไปทันทีและได้แต่ยิ้มแห้งพลางกล่าวออกมา
“โอ้ ที่แท้เป็เช่นนี้เอง เช่นนั้นต้องขอให้ศิษย์พี่เปิดทางให้ข้าด้วย ไม่เช่นนั้นหากข้าเดินผ่านแล้วไม่ทันไม่ระวัง ใจนจับหน้าไม้ในมือไม่มั่น คงยุ่งยากไม่น้อยทีเดียว!” ลั่วถูกล่าวออกมาพร้อมหัวเราะเสียงเบา
หม่าทงเทียนได้แต่หลบไปด้านข้างเพื่อเปิดทางให้ ส่วนฟ่านฉี่ก็พยุงตงเหอที่อยู่บนพื้น แต่สีหน้าของตงเหอกลับซีดขาว เข่าของลั่วถูสร้างาแให้เขาจนกระทั่งตอนนี้ยังยืนตรงไม่ได้ด้วยซ้ำ เทียบกับาแที่ข้อมือของฟ่านฉี่แล้ว อาการาเ็ของเขานับว่าหนักกว่ามาก เพียงแต่ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์ไปเกลียดชังลั่วถูแล้ว ในใจมีเพียงความหวาดกลัวอย่างไร้สาเหตุเข้าครอบคลุม
“ไว้พบกันใหม่ หวังว่าคราวหน้าได้พบกับศิษย์พี่หม่า พวกเราจะสนิทสนมกันได้ อย่าล้อเล่นเช่นนี้อีก ช่างไม่สนุกเอาเสียเลย!” ลั่วถูเดินผ่านทั้งสามคนอย่างสงบนิ่ง รอให้เดินพ้นไปราวห้าหกจั้งถึงจะยอมเก็บหน้าไม้ได้
หม่าทงเทียนถอนหายใจยาว เขารู้สึกว่าทั่วแผ่นหลังมีแต่เหงื่อเย็นเฉียบไหลโซมกาย แรงกดดันแสนหนักอึ้งบนร่างหายไปทันที เพียงแต่เวลานี้เขาไม่มีความกล้าจะไปไล่ตามลั่วถูอีก ทว่าความโกรธแค้นของเขาไม่ได้จางหายไป เหลือเพียงความอัปยศฝังลึก ในใจ และได้ลอบตัดสินใจแล้วว่าครั้งหน้าเขาต้องเตรียมตัวให้ดี ต้องทำให้เ้าคนหยิ่งผยองนั่นจ่ายค่าตอบแทนอย่างสาสม
……
อิทธิพลของตระกูลเซวี่ยในเมืองเทียนตูมีมากกว่าที่ลั่วถูคิดไว้มาก ลั่วถูไม่ได้เก็บสินค้าไว้ในบ้านที่ตนซื้อแต่อย่างใด อย่างไรเสียที่แห่งนั้นก็เป็ความลับของตนอย่างหนึ่ง เขาไม่อยากให้มีคนรู้ตำแหน่งของที่นี่มากนัก ยิ่งกว่านั้นเจียงิ่เองก็อยู่ที่นั่น หากเอาสินค้ามากมายเช่นนี้ออกมาอย่างกะทันหัน เกรงว่าเจียงิ่คงสงสัยว่าบนร่างของเขามีสมบัติมิติพิเศษแน่นอน
แม้เจียงิ่จะดีกับเขาไม่น้อย ทว่าทางที่ดีที่สุดย่อมเป็การเก็บความลับไว้กับตัวเองเท่านั้น ดังนั้น เขาจึงเช่าโกดังชั่วคราวนอกเมืองเทียนตู ถึงขั้นปลอมตัวเสียด้วยซ้ำ ต่อให้มีคนไปตรวจสอบโกดังนี้ ก็สาวมาไม่ถึงตัวเขาแน่นอน เมื่อสินค้าส่งออกไปเสร็จ เขาตั้งใจจะพาเจียงิ่ไปยังเจียงหยินพร้อมกัน ถ้าเป็อย่างที่เซวี่ยหลิงเอ๋อร์กล่าวมา เขาจะเสี่ยงปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปไม่ได้อีก โชคดีที่หลายวันมานี้สถานการณ์ระหว่างตระกูลลั่วและสามหอการค้าใกล้ะเิเต็มที มักมีการปะทะกันอยู่บ่อยครั้ง
สามหอการค้าไม่ส่งลั่วเฉิงเจียงคืน แต่สร้างเงื่อนไขให้ตระกูลลั่วมอบสินค้าของพวกเขาคืนมาก่อน ส่วนทางด้านตระกูลลั่วกลับมีเงื่อนไขให้พวกเขาปล่อยลั่วเฉิงเจียงเสีย และเื่สินค้าของหอการค้าทั้งสามที่หายไปพวกเขาไม่รู้เื่แม้แต่น้อย
ต่อให้อิทธิพลของสามหอการค้าที่มีต่อโลกชั้นล่างจะไม่เท่ากับตระกูลลั่ว แต่หากเป็อิทธิพลในเมืองเทียนตูย่อมมีมากกว่าตระกูลลั่วแน่นอน ครั้งก่อนที่ลั่วเหยียนลงมือเพียงหอการค้าตระกูลว่านเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ แต่ต่อมาเมื่อสามหอการค้าเดินทางร่วมกันเป็หนึ่งเดียว ใครเล่าจะกล้าเสี่ยงลงมือในสถานการณ์เช่นนี้
แต่เื่ที่สินค้าของสามหอการค้าหายไปย่อมเป็เื่จริง ที่ทำเอาตระกูลลั่วถึงกับปวดหัวอย่างหนัก แม้แต่วิหารเสินจั้นกับวิหารอิงหลิงก็ไม่ได้ตักเตือนว่าสามหอการค้าทำผิดแต่อย่างใด ทำได้เพียงปล่อยให้ตระกูลลั่วหาหลักฐานมาพิสูจน์ตนเองเท่านั้น ไม่เช่นนั้น ท้ายที่สุดพวกเขาคงต้องชดเชยค่าเสียหายให้ทั้งสามหอการค้า! นี่ทำให้ตระกูลลั่วถึงขนาดสงสัยว่าเป็ฝีมือของสมาคมซานชิงลอบลงมือหรือไม่ ทว่าสมาคมซานชิงต้องไม่ยอมรับแน่ ส่วนสถานที่เกิดเหตุที่สินค้าหายไปนั้น เพราะว่าหลังจากเปิดตลาดก็มีทั้งคนทั้งรถม้ามากมายจนเกิดเหตุจึงไม่เหลือเค้าเดิม หากคิดจะหาหลักฐานบางอย่าง แทบเป็ไปไม่ได้แล้ว
ภายใต้แรงกดดันจากการร่วมมือกันของสามหอการค้าและกลุ่มทหารรับจ้างหลายกลุ่ม พลังของตระกูลลั่วในเมืองเทียนตูเรียกได้ว่าแทบจะหดหายไปหมด และเป็เพราะเหตุนี้ ลั่วถูกับเจียงิ่จึงออกจากเมืองเทียนตูไปสู่เจียงหยินได้โดยที่คนของตระกูลลั่วก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ เพราะพวกเขาไม่กล้าเสี่ยงเคลื่อนไหวท่ามกลางสถานการณ์อันละเอียดอ่อนใน่เวลานี้
……
ณ ตระกูลลั่วแห่งเจียงหยิน ในใจของลั่วเฉิงกงเต็มไปด้วยตื่นเต้น เขาใช้วิธีพิเศษนำโลหิติญญาของลั่วถูหลอมเข้าสู่ร่างของลั่วอิงซาน และหยดโลหิติญญาก็ถูกบังคับให้ชี้มาที่ลั่วอิงซานได้สำเร็จ
ท่านทูตรออยู่ที่ตระกูลลั่วมาเป็เวลาหนึ่งเดือนแล้ว เพื่อรอลั่วถูกลับมาและพิสูจน์ตัวตนของลั่วถู ถึงจะมอบป้ายคำสั่งเข้าสำนักระดับกลางกับป้ายคำสั่งเข้าโลกชั้นสูงให้กับลั่วถูด้วยตัวเองได้ เพียงแต่ลั่วถูไม่ได้อยู่ในตระกูลลั่วแห่งเจียงหยิน ดังนั้นท่านทูตจึงต้องรอคอยอยู่ที่ตระกูลลั่วมาโดยตลอด เพื่อให้ตระกูลลั่วตามตัวลั่วถูกลับมา
การเทียวไปเทียวมาครั้งนี้กินเวลาถึงหนึ่งเดือนแล้ว ท่านทูตเองก็แทบทนรอไม่ไหวอีกต่อไป แม้การอยู่ในตระกูลลั่วจะอยู่ดีกินดี ทุกวันล้วนมีสตรีงามมาปรนนิบัติไม่เว้นวัน แต่คนที่ลงมาจากโลกชั้นสูง ไม่อาจอยู่ในโลกนี้นานเกินไปได้ นี่เป็กฎ ดังนั้น วันนี้ในที่สุดลั่วเฉิงกงก็เริ่มแผนการที่ได้วางไว้ก่อนล่วงหน้าเสียที
ท่านทูตยังเยาว์วัยนัก แต่กลับแข็งแกร่งมาก เมื่อยืนอยู่กับลั่วเฉิงกง ในใจบังเกิดเป็ความสั่นสะท้านอย่างไม่อาจห้าม เขามองไม่ออกว่าระดับพลังของฝ่ายตรงข้ามอยู่ในระดับใดกันแน่ ทั้งที่ตัวเขาเป็ถึงระดับปรมาจารย์แล้ว ในแผ่นดินต้นกำเนิดนี้นับว่าเป็ผู้ทรงพลังคนหนึ่งก็ว่าได้ ทว่าเมื่อเขายืนอยู่กับท่านทูต ก็รู้สึกเล็กจ้อยราวกับมดแมลง ในใจของเขาคาดการณ์ว่าใต้เท้าทูตท่านนี้ที่แท้คงเป็ระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดหรือไม่ก็เป็ระดับขุนพลในตำนาน
ในเื่นี้ เขาเคยถามรองเ้าวิหารเสินจั้นอู๋จงเทียนอยู่ครั้งหนึ่ง อู๋จงเทียนแข็งแกร่งมาก พลังอยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นแปด ในแผ่นดินต้นกำเนิดหรือกระทั่งในโลกชั้นล่างนี้ นับเป็ผู้ที่อยู่บนจุดสูงสุดอย่างแท้จริง แน่นอนว่า ในโลกชั้นล่างก็มีพวกเฒ่าประหลาดที่เอาแต่ซ่อนตัวอยู่กับพวกผู้พิทักษ์ที่แสนลึกลับ ระดับพลังของพวกเขาเกินกว่าที่ใครจะคาดเดาได้ แต่อย่างไรเสียก็มีจำนวนน้อยมาก แต่เมื่อคนเหล่านี้อยู่ในโลกชั้นล่างก็ไม่กล้าแสดงพลังเกินกว่าระดับปรมาจารย์ เพราะหากพวกเขาแสดงพลังที่เหนือกว่าระดับปรมาจารย์จะต้องได้รับกฎข้อจำกัด และถูกพลังของโลกชั้นสูงควบคุมไว้ ดังนั้นกล่าวได้ว่าระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดคือกำลังรบที่แกร่งที่สุดในโลกชั้นล่างแล้ว อู๋จงเทียนถึงสามารถเป็รองเ้าวิหารเสินจั้นได้นั่นเอง
และความหมายที่อู๋จงเทียนกล่าวกับลั่วเฉิงกงคือ เขามองไม่ออกว่าท่านทูตมีพลังอยู่ในระดับไหน แต่มั่นใจได้เลยว่าสูงกว่าเขา! ทำเอาในใจของลั่วเฉิงกงเป็กังวลอย่างมาก เพราะถ้าท่านทูตพบว่าเป็ลั่วอิงซานปลอมตัวมา ย่อมเป็ภัยพิบัติของตระกูลลั่ว หรือจะกล่าวให้ถูกต้องคงต้องเรียกว่าเป็ภัยพิบัติของเขา ลั่วเฉิงกง
“ติ๋ง...” เืสดของลั่วอิงซานหยดลงบนจานสีเงิน ทำให้ลั่วเฉิงกงผ่อนหายใจ ขั้นตอนนี้คือการเก็บเื และเืสดที่หยดลงไปเป็โลหิติญญา หากท่านทูตสามารถประเมินออกมาได้จริง เช่นนั้นย่อมไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
ใครบางคนนำจานเงินมาวางตรงหน้าของท่านทูตอย่างรวดเร็ว ท่านทูตหยิบขวดหยกขนาดเล็กขวดหนึ่งออกจากแขนเสื้อ เทของเหลวลงไปเล็กน้อยในจานเงิน จากนั้นสายตาของคนทั้งหมดล้วนจับจ้องไปยังจานเงินจานนี้เป็ตาเดียว
“วูม วูม... ” หยดเืในจานเงินถึงกลับส่งเสียงออกมา จนแทบเดือดพล่านในทันที หมอกควันสีเืลอยล่องไปทั่ว ถึงกลับก่อร่างเกิดเป็ภาพบางอย่างที่ยากจะอธิบายกลางอากาศ หลังจากหยดเืส่วนที่เหลือลอยขึ้นจากจานก็สลายหายไปในอากาศเช่นกัน
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่... ” อู๋จงเทียนแห่งวิหารเสินจั้นพอเห็นรูปภาพควันโลหิตลวงตา ก็ได้แต่อึ้งจนพูดไม่ออกอย่างเสียมิได้
“เป็พลังสายเืที่แข็งแกร่งนัก สายเืถูกต้อง ดูท่าเ้าคือลั่วถูไม่ผิดแน่!” สีหน้าของท่านทูตไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย เพียงกล่าวออกมาอย่างเรียบเฉย และหันมองไปทางลั่วอิงซาน
ได้ยินคำกล่าวของท่านทูต ในใจของลั่วเฉิงกงก็ยินดียิ่ง และกล่าวออกมาอย่างเร่งร้อน “ลั่วถู ยังไม่รีบขอบคุณท่านทูตอีก!” สายตามองไปที่ลั่วอิงซานอย่างรวดเร็ว ทางด้านลั่วอิงซานมีหรือจะยังไม่เข้าใจ รีบโค้งตัวเตรียมคำนับทันที
“ไม่ต้องคำนับข้า ครั้งนี้ข้าเพียงแค่มาตามคำสั่งของอาจารย์ หากจะกล่าวไปบางทีในอนาคตพวกเราอาจได้เป็คนในตระกูลเดียวกันก็เป็ได้ ถ้าเ้าอยากขอบคุณจริงๆ เช่นนั้นก็จงพยายามเข้า รีบมาโลกชั้นสูงในเร็ววัน เมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะมารับเ้าเอง!” ทูตเยาว์วัยโบกมือเล็กน้อย ทางด้านลั่วอิงซานที่เตรียมก้มตัวเพื่อคำนับกลับทำอย่างไรก็ไม่อาจก้มตัวได้เลย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้