ซูเฟยยิ้มเหยียดหยาม กลอกตามองบนจนลูกตาแทบจะไปอยู่ที่หน้าผาก นางลุกขึ้นจากตั่งคนงาม ค่อยๆ เดินตรงเข้าไปหาเต๋อเฟย เดินวนไปรอบตัวเต๋อเฟยหนึ่งรอบ ก่อนจะเอ่ยออกมา “น้องสาวแต่งตัวเรียบง่ายไปสักหน่อยนะ”
เต๋อเฟยยิ้มอ่อน “ข้าย่อมเทียบกับพี่สาวไม่ได้อยู่แล้ว เสื้อผ้าที่พี่สาวสวมใส่อยู่บนตัว ไม่แน่ว่าเงินทองจะสามารถซื้อหามาได้”
รอยยิ้มที่เคยประดับอยู่บนใบหน้าซูเฟยแข็งค้างในทันที สายตาพลันดุดัน “สองสามวันมานี้น้องสาวมาที่ตำหนักิฉือของข้าหลายครั้งหลายครา เ้ามาเพราะคิดถึงตำหนักของข้าหรือมาเพื่อจะมาโอ้อวดกันแน่!”
เต๋อเฟยเห็นซูเฟยมีท่าทีโกรธเคืองยิ่งรู้สึกได้ใจ กระแอมก่อนจะแกล้งพูดอย่างเคารพนบน้อม “ขอพี่สาวอย่าคิดมาก ฝ่าาเพียงให้น้องมาดูแลแม่นางหนิงเท่านั้น เพราะถึงอย่างไรนางก็เป็คนของน้อง ทว่าน้องมองหาจนทั่วก็ไม่เจอแม้แต่เงาของนาง”
ซูเฟยมีสีหน้าไม่ดีนัก เวลานี้เองที่ชุนเถาเดินเข้ามาในตำหนัก นางจึงกวักมือเรียกให้มาหา
ชุนเถาเดินเข้าไปหาซูเฟย กระซิบบางอย่างที่ข้างหู จากนั้นสีหน้าซูเฟยก็เปลี่ยนเป็แย้มยิ้มอย่างมั่นอกมั่นใจ “น้องสาวอย่าเพิ่งร้อนใจ เ้ากล่าวเช่นนี้กำลังจับผิดข้าหรือ หรือเ้ากลัวว่าข้าจะทรมานแม่นางหนิง? ตอนนี้นางกำลังทำอาหารอยู่ในห้องครัวต่างหากเล่า”
เต๋อเฟยถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะนั่งลงด้านข้างองค์หญิงซีเยวี่ย นางถลึงตามองอีกฝ่ายด้วยประกายตาดุดัน น่าจะรู้ว่าตำแหน่งเฟยของนางสูงกว่าของอีกฝ่ายหนึ่งขั้น แต่อีกฝ่ายกลับนั่งอยู่ข้างหน้านางอย่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง
องค์หญิงซีเยวี่ยหาได้มีปฏิกิริยาใดไม่ นั่งนิ่งด้วยสีหน้าราบเรียบ เต๋อเฟยจึงมีสีหน้ากระอักกระอ่วนไปครู่หนึ่ง
หนิงมู่ฉือในตอนนี้ยังคงอยู่ในอาการตื่นตระหนกขณะถูกบ่าวรับใช้ที่มีเรี่ยวแรงเยอะลากตัวออกมาจากห้องมืดทึบ จากนั้นนำนางไปทิ้งไว้ในห้องครัว ในใจของนางตอนนี้รู้สึกหวาดกลัวอย่างหาใดเปรียบ
สภาพของนางสกปรกมอมแมม ผมเผ้ายุ่งเหยิง หน้าตาเหม่อลอย ครั้นเห็นนางกำนัลรับใช้พาตัวนางมาที่ห้องครัวซึ่งเป็สถานที่ที่นางคุ้นเคย นางถึงค่อยรู้สึกโล่งใจ
นางลูบเข่าที่อ่อนแรงขณะค่อยๆ ลุกขึ้นยืน จัดผมเผ้าของตัวเองให้เรียบร้อย ขณะที่หูได้ยินเสียงของเต๋อเฟยอยู่ด้านนอก ในใจนางรู้สึกสงบขึ้นมาทันที
นางมองร่องรอยสกปรกที่งูตัวนั้นเหลือทิ้งเอาไว้ให้ เพียงแค่คิดเส้นขนบนแขนและขาพลันลุกตั้งชัน นางยกศอกขึ้นมาดู เนื้อตรงส่วนที่ถูกชุนเถาหยิกตอนนี้เปลี่ยนเป็สีม่วงคล้ำ
นางเอามือลูบแผล น้ำตาแทบจะไหลออกมา
ทันใดนั้นเองนางได้ยินเสียงกุกกักตรงประตู นางมีท่าทีระแวดระวังตัวขึ้นมาทันที ประตูถูกผลักเปิดเข้ามาโดยชุนเถา ที่ตามมาด้านหลังคือพระสนมซูเฟยผู้มีใบหน้าร้ายกาจ และพระสนมเต๋อเฟยผู้มีใบหน้าอ่อนโยน
เต๋อเฟยเห็นสภาพของหนิงมู่ฉือก็รีบวิ่งเข้าไปหา เอามือกุมมือทั้งสองข้างซึ่งเย็นเฉียบของหนิงมู่ฉือเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยถามอย่างห่วงใย “แม่นางหนิง เ้าเป็อันใดไป เหตุใดมือถึงได้เย็นเช่นนี้”
ขอบตาหนิงมู่ฉือร้อนผ่าว แทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ ทว่านางเหลือบไปเห็นพระสนมซูเฟยที่ถลึงตามายังนางเสียก่อน นางจึงไม่อาจเล่าเื่ทั้งหมดออกไปได้ ทำได้เพียงส่งยิ้มบางๆ ให้พระสนมเต๋อเฟย “บ่าวไม่เป็อะไรเพคะ บ่าวร่างกายเย็นมาแต่ไหนแต่ไร ถึงฤดูหนาวทีไร มือเท้าก็จะเย็นเฉียบเช่นนี้เพคะ”
ซูเฟยรีบตัดบท เอ่ยกับเต๋อเฟยว่า “น้องสาว เมื่อครู่เ้าบอกว่าอยากจะมาลองชิมฝีมือแม่นางหนิงมิใช่หรือ เหตุใดพอได้เจอถึงกลายมาเป็พูดจาโอภาปราศรัยกันเล่า หรือเ้ากลัวว่าข้าจะทรมานนาง?”
เต๋อเฟยมองหนิงมู่ฉืออย่างไม่เชื่อในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดมา ก่อนจะเบนสายตาไปยังซูเฟย ยิ้มพร้อมกับตอบ “พี่สาวล้อเล่นแล้ว” เอ่ยจบหันมาส่งยิ้มให้หนิงมู่ฉืออีกครั้ง “แม่นางหนิง พี่ซูเฟยบอกกับข้าว่า นางอยากจะขอคำแนะนำเื่ปรุงอาหารจากเ้า นึกถึงกาลก่อน ภายในวังแห่งนี้ข้าคือคนที่ทำอาหารได้อร่อยที่สุด ไม่คิดเลยว่าตอนนี้จะถูกเ้าแย่งตำแหน่งนี้ไป”
หนิงมู่ฉือก้มหน้า หากแต่ในใจรู้สึกขอบคุณพระสนมเต๋อเฟยยิ่งนักที่ไม่ถือสากับเื่ราวก่อนหน้านี้ “เื่การทำอาหาร ข้าต้องยอมแพ้เ้าจริงๆ ถ้าเช่นนั้นเ้าช่วยแสดงฝีมือให้พี่ซูเฟยดูสักเล็กน้อยได้หรือไม่”
หนิงมู่ฉือพยักหน้า นางมองวัตถุดิบต่างๆ ในห้องครัว ภายในห้องครัวมีแค่แป้งสาลี ไข่ไก่และเครื่องปรุงรสอีกเล็กน้อยเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าพระสนมซูเฟย้าสร้างความลำบากให้แก่นาง หากนางทำอาหารที่ธรรมดาเกินไป พระสนมซูเฟยก็จะกล่าวหาว่านางตั้งใจกลั่นแกล้ง
นางส่งยิ้มให้แก่พระสนมซูเฟย “ทูลพระสนม ไม่ทราบว่าภายในห้องครัวมีผักจำพวกหอมหรือไม่เพคะ หม่อมฉันจำเป็ต้องใช้มัน”
ซูเฟยแกล้งอุทานอย่างใ “ไอ้หยา ข้าคิดแต่อยากจะลองชิมอาหารฝีมือเ้า จนลืมสั่งให้นางกำนัลไปเอาพวกวัตถุดิบมาจากในห้องเครื่องของวังหลวงไปเสียสนิท หอมหรือ มีแน่นอน ชุนเถา!”
หนิงมู่ฉือมองชุนเถาที่กำลังนำหอมลูกใหญ่มาให้นาง นางส่งยิ้มขอบคุณไปให้ โดยไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายจะรับน้ำใจครั้งนี้ของนางหรือไม่
นางรับหอมมาปอกเปลือกจนเหลือแต่ส่วนที่เป็สีขาวเกลี้ยงเกลา นางเหลือบมองพระสนมซูเฟยด้วยความแค้นใจ ในใจขบคิดหาวิธีแก้แค้น นางหยิบมีดขึ้นมา ก่อนจะยกมือเช็ดน้ำตาที่หางตา
นางหลับตาพลางสับหอมเป็ชิ้นเล็กๆ ไม่ไกลจากพระสนมซูเฟยมากนัก เมื่อลืมตาอีกครั้ง นางเบนสายตาไปยังพระสนมซูเฟย เห็นดวงตาของอีกฝ่ายแดงก่ำ แววตาคลอไปด้วยหยาดน้ำตา นางยกยิ้มมุมปากอย่างสะใจ
นางแกล้งทำเป็ไม่ได้ตั้งใจ เดินเข้าไปหาพระสนมซูเฟย ถามอย่างเป็ห่วงเป็ใย “พระสนม เหตุใดตาท่านถึงได้บวมแดงเช่นนี้ ให้บ่าวดูหน่อยนะเพคะ”
นางใช้มือข้างที่จับหอมลูบใบหน้าพระสนมซูเฟย ก่อนจะลูบไปรอบๆ ดวงตา นั่นยิ่งทำให้พระสนมซูเฟยร้องไห้หนักยิ่งกว่าเดิม พลางะโว่า “หยุดมือของเ้าประเดี๋ยวนี้ อย่ามาจับตาข้า!”
ก่อนจะะโด้วยน้ำเสียงปวดแสบอีกครา “ชุนเถา รีบไปเอาน้ำมาให้ข้า ไปเดี๋ยวนี้!”
ชุนเถามีน้ำตาไหลออกมาเช่นกัน ครั้นได้ยินคำสั่งก็พานางกำนัลไปหาน้ำที่ด้านนอก ชุนเถาและนางกำนัลกลับมาพร้อมกับน้ำหลายถัง ยกเข้าไปวางไว้ด้านข้างพระสนมซูเฟย
ชุนเถาหอบหายใจด้วยความเหนื่อยขณะเอ่ยกับพระสนมซูเฟย “พระสนม ให้บ่าวช่วยล้างตาให้นะเพคะ”
ซูเฟยเดินไปที่ถังน้ำ ก่อนจะก้มหน้าลงไปใกล้ๆ น้ำในถัง เวลานี้เองที่หนิงมู่ฉือเดินเข้ามาแย่งที่ฝั่งตรงข้ามกับพระสนมซูเฟยจากชุนเถา ก่อนจะจับศีรษะพระสนมซูเฟยกดลงไปในน้ำ พระสนมซูเฟยพยายามดิ้นรนขัดขืน ใบหน้าที่จมอยู่ในน้ำสำลักน้ำเข้าไปหลายคำรบ
หนิงมู่ฉือหันไปส่งยิ้มให้พระสนมเต๋อเฟย พระสนมเต๋อเฟยเห็นท่าทางเช่นนั้นของซูเฟยก็รู้สึกสะใจยิ่ง
ซูเฟยพยายามดิ้นรนและพยายามเอาหน้าขึ้นจากน้ำ เมื่อขึ้นมาได้ก็ใช้มือตบเข้าที่ใบหน้าชุนเถาอย่างแรง ก่อนจะใช้เท้าเตะซ้ำ จากนั้นตะคอกอย่างโมโห “นังบ่าวสุนัขรับใช้ไม่รักดี กล้าทำร้ายข้าอย่างนั้นหรือ!”
ซูเฟยจับใบหน้าชุนเถาให้หันมา ใบหน้าของชุนเถาตอนนี้มีรอยฝ่ามือทั้งห้าประทับอยู่ บางจุดถึงกับมีเืไหล แลดูน่ากลัวยิ่งนัก
ชุนเถายกมือลูบใบหน้าตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ เมื่อเห็นเืสีแดงสดก็กรีดร้องออกมาด้วยความใ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้