“ระบบ แต้มบารมีของผมในตอนนี้ สามารถแลกยาอะไรได้บ้าง จะยื้อชีวิตของจ้าวอู๋จี๋ให้นานหน่อยได้ไหม?”
จู่ๆ เจียงไป๋ก็คิดอะไรออก และเอ่ยถามขึ้น
ไปช่วยจ้าวอู๋จี๋ ตอนนี้เจียงไป๋ไม่มีความสามารถอย่างนั้น และเขาก็ยอมรับว่าไม่ได้ใจกว้างอย่างนั้น ความสัมพันธ์ของคนทั้งสองถือว่าไม่เลว จ้าวอู๋จี๋ก็ดูแลเจียงไป๋พอสมควร แต่ก็ยังไม่ถึงกับที่เจียงไป๋จะนำแต้มบารมีแสนกว่าแต้มมอบให้ เพื่อช่วยเขา
เขาก็ไม่ใช่พ่อแม่แท้ๆ เจียงไป๋ก็ไม่ได้มีมากมายเหลือล้น เป็ธรรมดาที่จะไม่ทำอย่างนั้น
แต่ … ด้วยความสัมพันธ์ของคนทั้งสองแล้ว การจะช่วยเขาให้ยื้อชีวิตออกไปได้นานหน่อย เจียงไป๋รู้สึกว่ายังคงต้องทำมาก ถือว่าเป็การแสดงน้ำใจ
“อืม อันนี้มี ตอนนี้เ้าสามารถแลกยาต่อชีวิตจากข้าได้หนึ่งเม็ด สรรพคุณไม่เลว ด้วยการสังเกตของข้า ร่างกายของจ้าวอู๋จี๋หากใช้ยานี้แล้ว ก็จะสามารถยื้อชีวิตไปได้อย่างน้อยประมาณหนึ่งปี ต้องใช้แต้มบารมีสามพันสองร้อยแต้ม”
ไม่นานระบบก็ให้คำตอบแล้ว
ก็เป็ตามที่พูด ไม่มีอะไรที่ระบบทำไม่ได้
เมื่อเจียงไป๋ได้ยินคำนี้แล้ว สายตาก็เป็ประกาย
ในที่สุดธุรกิจของเขาก็พัฒนาไปได้ไม่เลว พนักงานสองพันกว่าคน ทุกๆ วันสามารถจัดสรรแต้มบารมีให้ได้วันละยี่สิบกว่าแต้ม หนึ่งเดือนก็มีสี่ร้อยกว่าแต้ม และเขายังมีลู่ทางต่างๆ ที่จะได้รับแต้มบารมีอีก สามพันกว่าแต้มไม่มากจริงๆ ต่อไปทุกปีเขาจะให้แต้มบารมีแก่จ้าวอู๋จี๋ปีละสามพันกว่าแต้ม รับประกันความปลอดภัยของเขา ก็น่าจะทำได้
แต่น่าเสียดายไม่นานระบบก็สาดน้ำเย็นใส่แล้ว “ยาประเภทนี้สามารถใช้ได้แค่คนละครั้ง ก็แค่บรรเทาอาการาเ็ ไม่มีคุณสมบัติในการรักษา ดังนั้น หนุ่มน้อย ล้มเลิกความคิดลมๆ แล้งๆ ของเ้าเสียเถอะ”
“แลกหนึ่งเม็ด”
เจียงไป๋คิดไปคิดมา ยังคงตัดสินใจแลกหนึ่งเม็ดก่อน
สำหรับว่าจะให้จ้าวอู๋จี๋เมื่อไรนั้น เจียงไป๋ยังไม่ได้คิด
อย่างไรก็ไม่ใช่ตอนนี้ เมื่อวานจ้าวอู๋จี๋เพิ่งจะพูดเื่นี้กับเจียงไป๋ ตอนนี้เขาก็เอายาต่อชีวิตออกมา?
เมื่อวานทำไมไม่พูด?
เื่นี้ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ล้วนพูดไม่ออก สู้รออีกสักหน่อย ถึงเวลานั้นหาเหตุผลดีๆ แล้วหยิบออกมาก็ยังไม่สาย
ดังนั้นเจียงไป๋จึงแลก “ยาต่อชีวิต” สีทองมาหนึ่งเม็ดก่อนแล้ว หลังจากนั้นก็เก็บรักษาไว้อย่างระมัดระวัง
หลังจากที่จัดการทุกอย่างนี้แล้ว เจียงไป๋เตรียมที่จะออกไปกินข้าว และถือโอกาสไปหาเหยาหลานที่ไม่ได้พบกันนานแล้ว แต่เพิ่งจะเดินไปที่หน้าประตู ยังไม่ทันได้ออกไป โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาก่อน
“เจียงไป๋ สวัสดี ผมหวงชาน ไม่ได้รบกวนคุณใช่ไหม?”
คนที่โทรศัพท์มาหาก็คือเศรษฐีแห่งกูซู หวงชาน
หลังจากที่เจียงไป๋ไปปินไห่กลับมารอบหนึ่งแล้ว หวงชานยิ่งกระฉับกระเฉง ไม่ใช่แค่เอาของกลับมาแล้ว แต่ยังเปลี่ยนจากร้ายกลายเป็ดีด้วยเหตุนี้ คู่อริคนนั้นยอมจำนนในที่สุด และไปขอโทษขอโพยหวงชานถึงที่ แล้วรับปากว่าจากนี้เป็ต้นไปจะติดตามหวงชาน ให้หวงชานเป็ที่หนึ่งในกูซู กำลังของหวงชานก็ยิ่งเหมือนกับชื่อของเขาทุกทีแล้ว
แน่นอนว่า เ้านี่เป็น้ำขึ้นเรือสูง ในขณะเดียวกันก็ยิ่งเคารพเจียงไป๋ สามวันห้าวันก็มักจะโทรศัพท์มาหาถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ และพยายามเอาใจใส่
“ไม่เป็ไร ตอนเที่ยงยังทานไม่อิ่ม เตรียมที่จะออกไปทานของว่างสักหน่อย ทำไม มีธุระหรือ?” เจียงไป๋ตอบไปตามใจชอบ
สำหรับหวงชานก็ไม่ได้เกรงใจอะไรมาก และทั้งสองคนก็สนิทกันมากขึ้น การพูดจาของเจียงไป๋ก็เป็ไปตามใจชอบมาก
“เหอะๆ ไม่เป็ไร ก็แค่เช้าวันนี้เงินค่าของเข้าบัญชีหมดแล้ว หนึ่งพันสองล้านหกแสนสองหมื่นหยวนเต็มๆ ผมก็แค่จะแจ้งให้คุณทราบ หรือไม่ … คุณเอาเลขบัญชีมาให้ผมตอนนี้” ทางหวงชานพูดเอาอกเอาใจ
จริงๆ แล้วไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้เลขบัญชีธนาคารของเจียงไป๋
เื่นี้สำหรับคนธรรมดาแล้วก็ลำบากมาก แต่หากหวงชานอยากจะหาจริงๆ จะหาไม่ได้เลยหรือ?
แต่นี่ก็เกี่ยวข้องกับมารยาท ที่สำคัญที่สุดคือหวงชานเพื่อแสดงความสามารถ เป็ธรรมดาที่จะโทรศัพท์มาหาเอง
ก็เป็อย่างที่คิดจริงๆ ทางเจียงไป๋เมื่อได้ยินข่าวนี้แล้ว สายตาของเขาเป็ประกายทันที ความกลัดกลุ้มภายในใจก่อนหน้านี้ได้หายไปแล้ว
หนึ่งพันสิบล้าน …
เศษส่วนไม่นับ นี่ก็เป็เงินสดหนึ่งพันล้าน!
มีเงินสดหนึ่งพันล้านนี้แล้ว เจียงไป๋ก็สามารถพัฒนาไปได้อย่างเต็มที่ ถึงแม้ว่าธุรกิจที่เขาได้รับก่อนหน้านี้จะพัฒนาไปได้ไม่เลว สองสามเดือนนี้ก็หารายได้ให้เจียงไป๋เป็สิบล้าน แต่สำหรับเจียงไป๋ที่รีบจะขยายธุรกิจของตนเองแล้ว ก็ยังคงไม่เพียงพอ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเงินก้อนนี้ของหวงชานเหมือนส่งถ่านให้กลางหิมะ
“ทำได้ดี ใช่แล้ว ธุรกิจอย่างนี้ยังทำได้อีกไหม?” เจียงไป๋หัวเราะเสียงดัง และชมอีกฝ่ายอย่างไม่ตระหนี่แม้แต่น้อย ต่อมาคิดอะไรออกจึงถามไปอย่างนี้
“เื่นี้ผมก็แค่ตามกระแส ่นี้ผมได้ยินว่ามีคนมากมายกำลังดำเนินการ ของนำเข้าจำนวนมากเพิ่มขึ้นทุกวัน ถึงแม้ตอนนี้จะทำต่อก็หาเงินได้แน่นอน แต่จะให้ได้กำไรมากอย่างนี้ก็เกรงว่าจะไม่ได้แล้ว คุณก็รู้ว่า ครั้งนี้ผมติดต่อคนไว้ก่อนแล้ว และนำเข้าของขาดตลาดมาลอตหนึ่ง ระหว่างนี้ก็เปลืองกำลังคนและทรัพยากรไปไม่น้อย ที่สำคัญที่สุดคือ ผมเริ่มดำเนินการั้แ่ปีที่แล้ว ก่อนหน้านี้หลายคนไม่ได้สนใจส่วนนี้ ตอนนี้คนที่ลงมือทำก็มีมาก และไม่มีทางหาเงินได้อย่างนี้อีกแล้ว หากคุณอยากทำ ผมรู้สึกว่าพวกเราสามารถร่วมมือกันเปิดบริษัทนำเข้าส่งออกด้วยกันได้ สินทรัพย์ไม่ต้องมาก ลงคนละประมาณหนึ่งร้อยล้าน คุณเป็เถ้าแก่ ผมช่วยคุณ บริษัทคุณถือหุ้นเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ ค่อยๆ ทำไป จะได้กำไรหรือขาดทุนก็ไม่มาก เชื่อว่าน่าจะทำได้นาน”
หวงชานกลับฉลาดมาก เขาไม่ได้พูดเพ้อเจ้อเพราะรีบร้อน แต่บอกทฤษฎีของตนเองกับเจียงไป๋ก่อน
จริงๆ แล้ว ก่อนที่จะโทรศัพท์มา เขาก็คิดคำพูดมาดีแล้ว
แน่นอนว่า นี่ไม่ใช่เจตนาของเขา แต่เป็กลุ่มที่ปรึกษาที่มีความรู้สูงกลุ่มหนึ่งก่อตั้ง และให้ข้อคิดเห็น เขาก็แค่ส่งต่อเท่านั้น
“เอาอย่างนี้ จัดการตามเจตนาของนายเลย คนละหนึ่งร้อยล้าน ลงทะเบียนบริษัทนำเข้าส่งออก นายจัดการ สำหรับเงินที่เหลือ ฉันจะให้เลขบัญชีนายสองบัญชี อันหนึ่งโอนเก้าร้อยล้าน นอกเหนือจากนี้ โอนมาเป็เงินใช้จ่ายส่วนตัวของฉัน ส่วนบริษัท ฉันถือหุ้นแค่หกสิบก็พอแล้ว”
เจียงไป๋คิดไปคิดมา จึงตัดสินใจออกไป หลังจากนั้นก็เปิดกระเป๋าสตางค์ และส่งเลขบัญชีธนาคารของตนเองให้หวงชาน
หุ้นของบริษัท เจียงไป๋คิดไปคิดมา ควรจะยึดหุ้นส่วนมาก
ไม่ใช่ว่าเขาละโมบ!
ก่อนหน้านี้ที่หวงชานพูดออกมา เขาก็เข้าใจความหมายของหวงชานแล้ว ต่อไปหากมีเื่เดือดร้อนอะไรอีก และ้าเอาใจ หากเขาปฏิเสธก็จะดูไม่งาม ดังนั้นจึงตกลงไป แต่ก็ไม่ได้โหดอย่างนั้น ก็แค่เอามาส่วนหนึ่ง
สักพักเงินสดก็โอนมาแล้ว
เงินเก้าร้อยล้านเต็มๆ แบ่งเข้าบัญชีของเจียงไป๋สองบัญชี
ต่อมาก็เลี่ยงไม่ได้ที่ทางธนาคารจะโทรศัพท์มาสอบถาม
เงินจำนวนมากขนาดนี้เข้าบัญชีส่วนตัว ก็เป็เื่ใหญ่ อีกฝ่ายต้องตรวจสอบแน่นอน
เจียงไป๋รับมืออยู่นาน ถึงจะถือว่าผ่านไปได้ หลังจากนั้นอีกฝ่ายก็พูดถึงการจัดการทางการเงิน หุ้นประกันอะไรประมาณนี้ เจียงไป๋จึงวางสายไป สำหรับของอย่างนี้ เจียงไป๋ไม่ชอบแต่กำเนิด
“แค่เดี๋ยวเดียวก็ได้เงินมากขนาดนี้แล้ว ฉันจะใช้อย่างไรดี?”
มองเลขศูนย์เรียงกันที่ส่งมาในข้อความโทรศัพท์มือถือ เจียงไป๋ตะลึงงันไปเลย
จำนวนเงินก้อนนี้มากเกินไปแล้ว มากจนเจียงไป๋ไม่รู้ว่าจะรับมืออย่างไร
ชาติก่อนรวมชาตินี้เขาก็ยังไม่เคยเห็นเงินมากมายขนาดนี้มาก่อน แค่ฉับพลันคิดไม่ถึงว่าจะตะลึงงันไปเลย และไม่รู้ว่าจะใช้เงินก้อนนี้อย่างไร
เขามีความรู้สึกที่ว่า “เงินพันล้านอยู่ในมือ ฉันก็ครองใต้หล้าได้”
ความรู้สึกอย่างนั้น … ไม่ต้องพูดว่ารู้สึกสบายมากเท่าไร
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้