ชายหนุ่มตระกูลเฉินคนนั้นหน้าซีดเผือด วาจาที่เฉียบคมของเย่เฟิงทำให้เขาต้องกระอักเือีกครั้งก่อนจะหมดสติไป
ฉากนี้ทำให้สายเืตรงของตระกูลเฉินที่อยู่บนอัฒจันทร์เผยสีหน้าอึมครึม และมองเย่เฟิงด้วยสายตาอาฆาต สีหน้าของเฉินเซี่ยงเทียนก็เปลี่ยนไปดูไม่สู้ดีนัก ชายหนุ่มที่เหลืออีกสามคนเผยสีหน้าบิดเบี้ยว และมีไอสังหารแผ่ออกจากร่าง
“เ้ากล้าทำร้ายเขา?”
ได้ยินเช่นนั้น เย่เฟิงก็แสยะยิ้มเย้ยหยันกล่าวว่า “เขายั่วโมโหข้าก่อน อยากกำจัดข้า กลับถูกข้าจัดการเสียเอง เป็เขาที่ไม่ได้เื่ ส่วนเ้าก็มาถามข้าเนี่ยนะ หรือนี่คือนิสัยของคนตระกูลเฉินเ้า? ช่างน่าเวทนานัก!”
“เ้า...” เพียงเวลาสั้น ๆ ทั้งสามคนจากตระกูลเฉินถึงกับพูดไม่ออกเพราะคำพูดจาของเย่เฟิง สีหน้าต่างพากันยิ่งบิดเบี้ยว
คำพูดของเย่เฟิงทำให้คนไม่น้อยแอบเห็นด้วย เป็อย่างที่เย่เฟิงกล่าวเช่นนั้น คนของตระกูลเฉินยั่วโมโหก่อน หรือเขาต้องยอมให้อีกฝ่ายรังแกเขาโดยไม่ทำการไม่ตอบโต้?
“เ้าอะไร? อยากสู้ก็เข้ามา ไม่สู้ก็ไสหัวไป!” เย่เฟิงกล่าวเสียงเย็น เขาไม่อยากเสียเวลากับสามคนนี้
“ช่างโอหังยิ่งนัก ดูจากท่าทางของเขาเหมือนจะไม่สนใจสามคนนั้นจากตระกูลเฉินเลยสักนิด” เหล่าผู้คนนิ่งงัน พวกเขายังไม่เคยได้ยินว่ามีผู้ใดในเมืองหลวงที่กล้ายั่วยุตระกูลเฉิน
“วาจาโอหัง!” ชายหนุ่มหนึ่งในสามคนนั้นตวาดเสียงดัง ก่อนจะเห็นชายหนุ่มคนนั้นเดินออกมา พลังปราณแข็งแกร่งกว่าคนนั้น ที่ถูกเย่เฟิงซัดกระเด็นจนตกเวทีประลองไม่น้อย
“อย่าคิดว่าเอาชนะได้แค่คนเดียวแล้วจะทำตัวอวดดีได้! เจอหมัดของข้าหน่อยเป็ไง” สิ้นเสียงชายหนุ่มคนนั้น เขาก็ปล่อยหมัดเข้าโจมตีเย่เฟิง
“รนหาที่ตาย!” เย่เฟิงแค่นเสียงเ็า จากนั้นปล่อยหมัดออกไป ก่อนหมัดทั้งสองจะเข้าปะทะกันกลางอากาศ ตามมาด้วยเสียงะเิดังสนั่น
“แครก” มีเสียงหนึ่งดังขึ้น กระดูกที่แขนของชายหนุ่มคนนั้นแตกร้าว ก่อนจะร้องเสียงโหยหวนอย่างเ็ป!
“คนผู้นี้แข็งแกร่งมาก! กำราบคนของตระกูลเฉินได้อย่างง่ายดายเลย” เหล่าผู้คนต่างหัวใจเต้นแรง
บนอัฒจันทร์ คนของตระกูลเฉินเผยสีหน้าเย็นเยียบ ทั้งยังทำให้คนรุ่นเยาว์ของตระกูลเฉินอับอายเพราะคนผู้นี้ ทำให้พวกเขาตระกูลเฉินได้รับความอัปยศอดสู เฉินเซี่ยงเทียนลุกขึ้นฉับพลัน เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยพลางในดวงตาเผยประกายแสงเยือกเย็น เขาเกลียดเย่เฟิงเข้ากระดูก
“ไม่รู้ว่าข้าอวดดี หรือเ้ามันเศษสวะกันแน่!” เย่เฟิงไม่สนใจสายตาอาฆาตของเหล่าคนตระกูลเฉิน เพียงกล่าวเย้ยหยันเช่นนั้น
“ถึงตาพวกเ้าแล้ว!” กล่าวจบ เย่เฟิงหันไปมองชายหนุ่มตระกูลเฉินอีกสองคนที่เหลือ
เขาไม่อยากมีปัญหา แต่อีกฝ่ายกลับเริ่มยั่วยุก่อน เช่นนั้นเขาก็จะทำให้คนพวกนี้จดจำไม่มีวันลืม
ตระกูลเฉินแห่งเมืองหลวงแล้วอย่างไรเล่า? ล่วงเกินเย่เฟิงก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนเช่นกัน!
ครั้งนี้เย่เฟิงไม่รีรอ เขาเข้าโจมตีชายหนุ่มตระกูลเฉินสองคนนั้นทันที ผลลัพธ์ก็คาดเดาได้อย่างง่ายดาย ชายหนุ่มตระกูลเฉินสองคนถูกเย่เฟิงกำราบ ช่างน่าอนาถนัก
คนของตระกูลเฉินนั่งไม่ติดเก้าอี้ สายตาของเฉินอ้าวเทียนเผยประกายเยือกเย็นคล้ายจำเย่เฟิงได้
มีคนรุ่นเยาว์แห่งตระกูลเฉินอีกหลายคนส่งเสียงโห่ร้อง ทำให้เย่เฟิงขายหน้า แต่ก็ถูกเย่เฟิงเมินใส่
เงาหงส์ส่องประกายเจิดจ้าที่ด้านหลังหนานกงหลิงซวง นางมองเย่เฟิงด้วยสายตาเย็นเยียบ
“เ้า สุดท้ายก็ยั่วโมโหข้าจนได้” หนานกงหลิงซวงกล่าวเสียงเย็น ิญญาาหงส์ปลดปล่อยพลังอันแกร่งกล้า ก่อนจะพุ่งไปยังเย่เฟิง
“งั้นหรือ?”
เย่เฟิงแสยะยิ้ม เขาเอามือไพล่หลัง สีหน้าเรียบเฉย และไม่ได้รับอิทธิพลจากแรงกดดันของหนางกงหลิงซวงเลยสักนิด
“เ้ารู้หรือไม่ ว่าการกระทำของเ้ามันโง่เขลาเพียงใด? มันอาจทำให้เ้าถูกคัดออกได้”
หนานกงหลิงซวงมีท่าทีโอหัง ประหนึ่งองค์หญิงผู้สูงส่งเชิดหน้ามองสามัญชนที่ละเมิดกฎเกณฑ์
“แต่เ้าวางใจได้ รอบนี้ข้าไม่ทำอะไรเ้าหรอก แต่รอบต่อไปข้าจะทำให้เ้าได้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างเ้ากับข้า ยามนั้นเ้าต้องเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปในตอนนี้!” หนานกงหลิงซวงกล่าวก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป
ในสายตาหนานกงหลิงซวง เย่เฟิงเป็คนไร้ค่าที่ไม่มีชื่อเสียง อยากจัดการเมื่อใดก็ย่อมได้
“แล้วข้าจะรอ” เย่เฟิงกล่าวพลางมองแผ่นหลังของหนานกงหลิงซวง เขาผ่านการชำระล้างจากหยดน้ำสีเขียว ทำให้ร่างกายสมบูรณ์แบบ ทั้งยังปลุกิญญาาเทพัขั้นคราม เขาจะยังห่างชั้นกับหนานกงหลิงซวงอีกหรือ?
การทดสอบอันโเี้ยังคงดำเนินต่อไป หันไปทางไหนก็มีแต่การต่อสู้ดูวุ่นวายมาก เสียงโจมตีดังไม่หยุด ทั้งยังมีเสียงกรีดร้องโหยหวน และมีผู้ฝึกยุทธ์ถูกคัดออกอย่างต่อเนื่อง
ในเกมปลาใหญ่กินปลาเล็กนี้ มีเพียงผู้แข็งแกร่งจึงจะอยู่รอด ส่วนผู้อ่อนแอต้องถูกคัดออก
เนื่องจากเย่เฟิงแสดงพลังทำให้มีคนไม่น้อยไม่กล้ายั่วยุเขา อัจฉริยะเ่าั้จึงไม่เข้าปะทะกับเย่เฟิงเป็การชั่วคราว
ในที่สุดบนเวทีประลองก็เหลือ 3,000 คน หลังจากมีคนหนึ่งถูกซัดกระเด็นจนตกจากเวทีประลอง
“รอบที่หนึ่งจบลงแล้ว” มีคนหนึ่งเอ่ยขึ้น นั่นหมายความว่าการทดสอบรอบที่หนึ่งจบลงแล้ว ผู้คนที่ยืนบนเวทีประลองในตอนนี้ คือคนที่ผ่านเข้ารอบต่อไป
“การทดสอบรอบต่อไป ขึ้นอยู่กับพลังโจมตีและการป้องกันของพวกเ้า ใครอ่อนแอจะถูกคัดออก” ผู้าุโสำนักยุทธ์เทียนเสวียนมองสถานการณ์ของผู้คนด้านล่างก่อนกล่าวเช่นนั้น
“รอบที่สองเริ่มได้ ม่านกระจกจงปรากฏ!”
สิ้นเสียงนี้ พลันมีแสงจ้าปรากฏเหนือเวทีประลอง คล้ายมีลำแสงพุ่งมาจากฟากฟ้า ก่อนจะกลายเป็ม่านกระจกขนาดใหญ่ และบนนั้นยังมีอักขระโคจร
“การบ่มเพาะของพวกเ้ายังคงถูกกดให้อยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 5 ทุกคนต้องโจมตีม่านกระจก พลังโจมตียิ่งแกร่ง แรงะเืจากม่านกระจกก็ยิ่งมาก พวกเ้าสามารถใช้ประโยชน์จากแรงสั่นะเืในการกำจัดคนอื่นได้ แน่นอนว่าภายใต้แรงะเืของม่านกระจก ผู้โจมตีอาจได้รับผลกระทบไปด้วย รอบนี้จะถูกคัดออก 2,900 คน ส่วน 100 คนที่เหลือจะได้เข้าสำนักยุทธ์เทียนเสวียน ในสถานการณ์เช่นนี้ต้องเผชิญหน้ากับพลังที่แข็งแกร่ง และข้าจะรอดูว่าใครในพวกเ้าจะอยู่รอดเป็คนสุดท้าย” ผู้าุโผู้ดำเนินการกล่าวช้า ๆ ทำให้ทุกคนนิ่งงันไปชั่วครู่
เมื่อเทียบกับรอบแรก รอบที่สองนี้ดูเหมือนจะโหดร้ายกว่า อัตราการคัดออกก็มากขึ้น แต่นี่เป็การทดสอบที่ยิ่งใหญ่ของผู้เข้าสอบ แน่นอนว่าต้องเป็การประลองฝีมือ
“ข้าต้องพยายามแล้วสิ!” บนเวทีประลองมีคนหนึ่งกล่าวเช่นนั้น ในดวงตาเผยความมุ่งมั่นแรงกล้า ภายใต้กฎอันโเี้นี้ พวกเขาทุกคนต้องทุ่มสุดกำลัง
หนานกงหลิงซวงยืนตระหง่านประหนึ่งองค์หญิงผู้สูงส่ง นางไม่ค่อยสนใจการทดสอบรอบที่สอง เพราะเชื่อมั่นว่าตัวเองจะผ่านเข้ารอบได้อย่างราบรื่น
“ทางที่ดีเ้าก็ยืนหยัดให้ได้ล่ะ การทดสอบรอบสุดท้าย ข้าจะพิสูจน์ให้เ้าเห็น!” หนานกงหลิงซวงกล่าวกับเย่เฟิงที่อยู่ไม่ไกล เขาต้องชดใช้ที่ไปทำร้ายผู้คุ้มกันของนาง
แต่สิ่งที่สำคัญคือ คนที่เย่เฟิงทำร้ายคือคนของตระกูลเฉิน หนานกงหลิงซวงที่จะแต่งเข้าตระกูลเฉิน นางย่อมโกรธเคืองแทนตระกูลเฉิน เช่นนี้แล้วรอบแรกจะเป็การพิสูจน์ความแข็งแกร่งของนาง ส่วนรอบที่สองคงต้องเอาใจตระกูลเฉินเสียหน่อย
“เ้าช่างมั่นใจเสียจริง” เย่เฟิงกล่าวเสียงเย็นและไม่พูดอะไรต่อ
หนานกงหลิงซวงหยิ่งผยองมากนัก เช่นนั้นเขาเย่เฟิงก็จะบดขยี้ความหยิ่งผยองของนางให้สิ้นซาก
“ม่านกระจกสามารถสะท้อนพลังโจมตีได้ งั้นข้าขอลองก่อนแล้วกัน”
เมื่อผู้าุโซึ่งเป็ผู้ดำเนินการบอกกฎจบ เหล่าผู้คนก็เริ่มลงมือ พวกเขารู้ว่าอัตราการกำจัดคนอื่นก่อนจะมีความสำเร็จสูง
เห็นว่ามีคนหนึ่งเดินตรงไปยังม่านกระจก ้าโจมตีม่านกระจกเป็คนแรก
“วูบ!” ทว่าตอนที่คนนั้นเข้าไปใกล้ม่านกระจก พลันมีแรงกดดันโผล่ออกมาจากความว่างเปล่าเข้าปกคลุมเขา แรงกดดันดุจภูผาที่หนักหลายหมื่นจิน
“แครก!” เสียงกระดูกแตกหักดังขึ้น ภายใต้แรงกดดันนั่นทำกระดูกขาของคนนั้นแตกหักในชั่วพริบตาเดียว ทำให้เขาเ็ปจนหน้าขาวซีดและกรีดร้องโหยหวน
ฉากนี้ทำผู้คนเบิกตาโพลงด้วยความใ และพากันตัวสั่นเทาเล็กน้อย
ม่านกระจกสามารถสะท้อนการโจมตีได้ กลับกันหาก้าโจมตีม่านกระจกให้สำเร็จนั่นเป็เื่ที่ยากมาก
ผู้คนเข้าใจได้ในทันที โจมตีม่านกระจกไม่ใช่ใครที่ไหนจะทำได้ ก่อนอื่นต้องทนรับแรงกดดันนั่นให้ได้ก่อน
ม่านกระจกอยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่กลับไม่มีใครขยับเขยื้อน เพียงกระซิบกระซาบกัน หลังจากนั้น ในที่สุดก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินไปหาม่านกระจก ก่อนแรงกดดันจะมาเยือน ชายหนุ่มคนนั้นพยายามกัดฟันสู้ ทำให้ผู้คนประหลาดใจ ในที่สุดก็จะมีคนผ่านแล้วหรือ?
ชายหนุ่มคนนั้นระบายยิ้มคล้ายพึงพอใจในตัวเองมาก เมื่อมาถึงด้านหน้าม่านกระจก ชายหนุ่มก็ปล่อยหมัดที่อัดแน่นไปด้วยพลังมหาศาล
“ตูม!” เสียงะเิดังกังวาน อักขระบนม่านกระจกโคจรเร็วขึ้น จากนั้นมีพลังอันน่าสะพรึงกลัวปะทุออกจากม่านกระจก ก่อนจะเข้าปกคลุมฝูงชนบนเวทีประลอง
นาทีต่อมา ผู้คนตัวสั่นเทาเหมือนถูกโจมตีอย่างรุนแรง มีคนไม่น้อยกระอักเืไม่ก็กระเด็นลงจากเวทีจากผลสะท้อนการโจมตีของคนนั้นที่ปล่อยออกไป
ขณะเดียวกันบนม่านกระจกมีพลังบางอย่างส่งผลกระทบถึงชายหนุ่มคนนั้น พลังโจมตีของชายหนุ่มคนนั้นไม่เลว แต่การป้องกันดูเหมือนจะลดลงทำให้โดนพลังสะท้อนกลับ ชายหนุ่มคนนั้นตัวสั่นเทาอย่างแรง สีหน้าขาวซีดราวกับกระดาษ ก่อนจะหมดสติไป
“ม่านกระจกนี่น่ามหัศจรรย์นัก ไม่คิดว่าจะสะท้อนการโจมตีได้ด้วย” เย่เฟิงครุ่นคิดในใจ
“พลังโจมตีของเด็กคนนี้แกร่งมาก แต่การป้องกันกลับแย่ ถูกคัดออกถือเป็เื่ปกติ” บนอัฒจันทร์ ผู้าุโพรรคเทียนเซียวขึ้นพลางรู้สึกผิดหวัง มีเพียงหนานกงหลิงซวงที่จะทำให้เขาไม่ผิดหวัง
“ตาข้าแล้ว!”
จงเทาอยากลองดูั้แ่ม่านกระจกปรากฏ เห็นเขาเดินออกมาพร้อมปลดปล่อยพลัง แม้แต่แรงกดดันก็หยุดเขาไม่ได้
“จงสั่นะเื!” จงเทาแผดเสียงะโ ก่อนจะปลดปล่อยิญญาาสิงโต เงาสิงโตหนึ่งหัวปรากฏขึ้นเลือนราง จากนั้นก็ปล่อยหมัดออกไป สิงโตคำรามพร้อมหมัดนั่นที่อัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้างพุ่งไปยังม่านกระจกในพริบตาเดียว
“ตูม ตูม ครืน!” เสียงสั่นะเืดังติดต่อสามครั้ง พิสูจน์ให้เห็นถึงพลังโจมตีของจงเทา เพียงครั้งเดียวก็ทำให้ม่านกระจกปล่อยแรงะเืได้ถึงสามครั้ง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้