เมื่อฮูหยินซ่งเห็นพวกเขา แววตาของนางก็เต็มไปด้วยความกังวล จากนั้นมองไปที่เวินซี “พวกเขาคือผู้ใดกัน?”
“มิทราบเ้าค่ะ เราระวังไว้ดีกว่า”
เวินซีตอบ ตั้งสติพลันลุกขึ้นยืน ทำให้ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความอ่อนโยน ก่อนจะเดินตามจ่างกุ้ยเข้าไปในร้าน
“ทุกท่าน มาซื้อเครื่องหอมหรือเ้าคะ?”
“เ้าเป็ภรรยาของจ้าวต้านใช่หรือไม่?” บุรุษที่เป็หัวหน้าเอ่ยขึ้นพร้อมกับคอยสังเกตนาง
ที่แท้ก็มาเพราะจ้าวต้าน แววตาของเวินซีแวบเป็ประกายดุร้าย แต่นางก็เก็บซ่อนมันไว้ทันที “เ้าค่ะ ไม่ทราบว่าพวกท่านมีธุระอันใด?”
“เราเป็เพื่อนจ้าวต้าน อยากจะพบเขาน่ะ”
“ยามนี้จ้าวต้านมิได้อยู่ที่ร้าน หากจะพบเขาคงต้องรอ”
“เขาไปที่ใด? เมื่อใดถึงจะได้เจอเขา?”
“เขาออกไปล่าสัตว์ ไม่รู้เช่นกันว่าจะกลับมาเมื่อใด ยามนี้อากาศหนาว จะล่าสัตว์ก็ยากนัก หนทางก็เป็อุปสรรค เขาอาจจะอาศัยอยู่บนูเาสักไม่กี่วันก็เป็ไปได้”
เวินซีตอบทุกคำถามอย่างใจเย็น
คนพวกนั้นจึงขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าเริ่มไม่พอใจแล้ว
“คุณหนู ให้ข้าพูดตามตรงก็คือ เมื่อวานเราทำนักโทษหายไป เขาหน้าตาคล้ายกับสามีเ้ามาก พวกเราอยากจะพบเขา พิสูจน์ให้มั่นใจว่าเขาใช่คนเดียวกันหรือไม่”
ขณะนั้นมีบุรุษผู้หนึ่งเดินออกมา ในมือถือหมายจับที่ลงนามโดยเ้าอำเภอ
เวินซีเห็นเช่นนั้นก็มีสีหน้าไม่ดี คนพวกนี้มาเพื่อยืนยันตัวตนของจ้าวต้าน เกรงว่าจะเป็คนกลุ่มเดียวกับที่ตามล่าเขา เช่นนี้แล้วในยามนี้นางจะพาเขากลับมาได้อย่างไร?
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนั้น ฮูหยินซ่งก็เดินไปด้านหน้าเวินซี “จ้าวต้านออกไปล่าสัตว์ ทุกท่านค่อยกลับมาวันอื่นดีหรือไม่? ร้านก็อยู่ที่นี่ เขาคงไม่หนีไปหรอก”
“พวกท่านทำตัวลับๆ ล่อๆ เช่นนี้ หรือว่ากำลังปิดบังอันใดอยู่”
คนที่เป็หัวหน้าพูดอย่างเฉียบขาด ทำให้คนที่เหลือต่างก็ชักดาบออกมาแล้วจี้ไปที่พวกเขา
แววตาของเวินซีเ็า ในมือของนางกำผงกระดูกอ่อนไว้แล้ว
“ข้ากลับมาแล้ว”
ในเวลานั้นที่ด้านนอกประตู จู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
เวินซีมองไปด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะพบว่าเป็จ้าวซานที่เปลี่ยนชุดเป็จ้าวต้าน ในมือข้างหนึ่งของเขาถือซากกระต่ายตัวหนึ่ง
ทุกคนหันไปมองที่เขา แล้วกลับมามองเวินซี บรรยากาศเงียบไปนาน ในที่สุดหัวหน้าของคนกลุ่มนั้นก็ยืนขึ้น “ขออภัยด้วย ข้าผิดเอง ในเมื่อเขามิใช่ พวกเราก็จะไปทันที”
พวกเขาหันหลังกลับ กระทบไหล่จ้าวซานที่ประตูแล้วเดินผ่านไป
ในที่สุดวิกฤตก็คลี่คลาย เวินซีถอนหายใจโล่งอก
จ้าวซานเข้ามาในร้าน ก่อนจะล้มลงทันทีที่ประตูร้านปิดลง
เขายังาเ็อยู่ เวินซีรีบพยุงเขาขึ้นมาเพราะกลัวว่าคนพวกนั้นจะกลับมาอีก นางจึงพาเขาไปที่ห้องด้านหลัง
“เ้าคือผู้ใดกัน? คล้ายกับคุณชายจ้าวมาก คล้ายมากจริงๆ” ฮูหยินซ่งมองเขาอย่างสงสัย
“ฮูหยิน ข้าน้อยคือจ้าวซานขอรับ” เขาตอบ
“จ้าวต้านตัวจริงน่ะหรือ?”
คำพูดของฮูหยินซ่งทำให้เวินซีประหลาดใจ แต่นางก็ปรับสีหน้าให้กลับมาเป็ปกติได้อย่างรวดเร็ว
ฮูหยินซ่งรู้จักจ้าวต้าน ย่อมรู้จักตัวตนของเขาเป็ธรรมดา
“ขอรับ ฮูหยิน”
“คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะคิดวิธีนี้ได้ สมกับเป็...”
ฮูหยินซ่งเกือบจะหลุดปากไปอีกครั้ง ยังดีที่หยุดไว้ได้ทันจึงหัวเราะกลบเกลื่อน เมื่อเห็นว่าเวินซีเปลี่ยนยาให้จ้าวซานเสร็จแล้ว นางก็ลากเวินซีไปที่การแข่งขันทำเครื่องหอม
การแข่งขันรอบที่สองเริ่มด้วยการจับฉลาก แต่เวินซีไปช้าจึงเหลือฉลากเพียงใบเดียว นางไม่มีทางเลือกจึงเปิดฉลากออกดู
“ตระกูลเวิน”
คำนี้ทำให้นางต้องเลิกคิ้ว โชคชะตาของนางนี่เป็เช่นไร? หยิบฉลากใบที่เหลือก็ยังหยิบได้ตระกูลเวิน
ฮูหยินซ่งก็ไม่คาดคิดว่าจะเป็ตระกูลเวิน นางมองเวินซีอย่างเป็กังวล “เจอตระกูลเวิน เ้ามีความมั่นใจหรือไม่? จากการแข่งขันรอบแรก พวกเขาไม่ธรรมดาเลย”
“ไม่มั่นใจเ้าค่ะ”
เวินซีฉีกป้ายฉลากลงบนโต๊ะ พูดตามตรงว่านางไม่รู้วิธีเอาชนะสูตรเครื่องหอมของเวินอี๋เหนียงจริงๆ
“ไม่เช่นนั้น ข้าให้เ้าเจอกับตระกูลอื่นก่อน เราหลบเลี่ยงตระกูลเวินไปก่อนเถิด”
ฮูหยินซ่งทำทีจะไปแก้ไขตารางการแข่งขัน แต่ก็ถูกเวินซีขัดไว้
“เอาเช่นนี้เถิดเ้าค่ะ”
แม้จะให้ตระกูลอื่นสู้กับตระกูลเวิน ก็ล้วนเป็การเอาไข่กระแทกกับหิน อีกอย่าง ถึงอย่างไรนางก็ต้องเจอกับตระกูลเวินเข้าสักวัน จะหลบเลี่ยงพวกเขาไปตลอดมิได้
ฮูหยินซ่งเห็นเช่นนั้นจึงปล่อยให้เป็ไปตามผลลัพธ์
“ฮูหยินซ่ง ข้าขอกลับไปเตรียมตัวก่อนแล้วเ้าค่ะ” เวินซีขอตัว
“การแข่งขันรอบที่สองจะจัดขึ้นในอีกสามวันนะ”
“เ้าค่ะ”
เวินซีหาเหตุผลเพื่อปลีกตัวออกไป เมื่อกลับถึงร้านเครื่องหอมก็นำสมุนไพรกองใหญ่มาผสมกันอยู่เรื่อยๆ นางหมกมุ่นเสียจนแม้แต่เวลานอนกับทานอาหารก็น้อยลง
ที่ตระกูลเวิน ข่าวที่ว่าเวินซีเป็คู่แข่งในการแข่งขันรอบถัดไปนั้นแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว เวินเยียนก็ตกตะลึง หมากสีขาวในมือของตนตกลงบนกระดานหมาก
“น้อง เ้าแพ้แล้ว” โจวอวี่ชางเอ่ยปากพูดอย่างอ่อนโยนเมื่อหมากสีดำล้อมหมากสีขาวไว้ได้ทั้งหมด เขาเงยหน้าขึ้นเห็นสีหน้าของนางนิ่งไปราวกับสติหลุดลอย
“ท่านพี่ไม่ยอมอ่อนข้อให้น้องเลยนะเ้าคะ น้องแพ้มาทั้งวันแล้ว” เวินเยียนแสร้งตำหนิเขา
“หมากนี้จะยอมได้เช่นไร” โจวอวี่ชางจริงจังกับการเล่นหมากมากกว่าผู้ใด
เมื่อเห็นว่าพูดกับเขามิได้ เวินเยียนจึงไม่ต่อคำด้วย นางใช้มือเท้าโต๊ะเล่นหมากต่อไป แต่เห็นได้ชัดว่ามิได้มีใจอยู่กับเนื้อกับตัว
“น้องเป็อันใดไปหรือ?” โจวอวี่ชางสังเกตเห็นความผิดปกติ
“ก็เพราะเวินซีน่ะสิเ้าคะ นางเกลียดแค้นตระกูลเวิน ยามนี้กลายมาเป็คู่แข่งกันก็มิรู้ว่าจะเป็เช่นไร อีกทั้งตอนแรกนางมิได้เข้าร่วมการแข่งขันเสียหน่อย มิรู้ว่านางใช้กลอุบายอันใดถึงได้เข้าร่วมในตอนกลางคันมาได้”
“ข้าเป็พี่สาวย่อมคิดจะรังเกียจนางมิได้ นางมีหน้าตางดงาม แต่หากนางคิดทำอันใดโง่ๆ ล่ะเ้าคะ”
“เวินซียังมีอารมณ์เป็เด็ก หากนางหายโกรธก็คงจะกลับมาเอง ส่วนเื่การแข่งขัน ก็คงเป็เพราะความบังเอิญกระมัง?” โจวอวี่ชางคาดเดา “ตระกูลเวินร่ำรวยเสียเช่นนี้ นางจะทำเื่โง่ๆ อันใดได้?”
หนึ่งปีที่โจวอวี่ชางจากเมืองนี้ไป เขามิได้รู้เื่ในเมืองเลย จึงมิได้ใส่ใจ แต่สำหรับเขาแล้วเวินซีก็คือคนตระกูลเวิน
เดิมทีเวินเยียนคิดจะขายความสงสารให้โจวอวี่ชางรู้สึกอยากจะช่วยเหลือตน แต่คำพูดของเขากลับทำให้นางไม่พอใจจนแอบจ้องเขม็ง
แม้จะไม่รู้สาเหตุที่เวินซีมาเข้าร่วมการแข่งขันอย่างกะทันหัน แต่เวินเยียนก็จำเป็ต้องตระหนักถึงเื่นี้ เวินซีเป็บุตรสาวของเวินอี๋เหนียง ลำพังร้านเครื่องหอมนั่นก็บอกได้ว่าไม่ควรประเมินนางต่ำเกินไป นางต้องทำให้เวินซีแพ้การแข่งขันให้ได้
ในเมื่อโจวอวี่ชางไม่ช่วยนาง นางก็ต้องเป็ฝ่ายออกโจมตีก่อน
เวลาสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว เวินซีทำงานหามรุ่งหามค่ำ จนในที่สุดก็ทำเครื่องหอมที่มีคุณสมบัติใหม่ออกมาได้ก่อนวันแข่งขัน
รถม้าของการแข่งได้มาจอดที่หน้าประตู นางรีบนำเครื่องหอมใส่กระเป๋าเสื้อแล้วเดินออกไปด้านนอก แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าเวินอวิ๋นโปจะมาเดินอยู่รอบๆ รถม้า
เมื่อเห็นเวินซีเดินออกมา เขาก็รีบเดินเข้าไปหา
“ลูก เื่ที่จะกลับไปตระกูลเวิน เ้าได้คิดหรือยัง?” ขณะนั้นเขายืนบังทางขึ้นรถม้าอยู่พอดี
เวินซีไม่พอใจและมองกลับไปด้วยความรำคาญ
“ลูก ข้าได้ย้ายห้องของเ้าไปที่เรือนฮวาจวีที่ปรับปรุงใหม่แล้ว เสื้อผ้าของทั้งสี่ฤดูก็เตรียมให้เ้าใหม่ทั้งหมด เ้ากลับไปดูเถิดนะ”
“ห้องของเวินอี๋เหนียงก็ทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว เ้ากลับไปเลือกอยู่ได้เลย”
เวินอวิ๋นโปพูดพล่ามไปเรื่อยทำเอาเวินซีปวดหัว นางจึงใช้มือนวดหว่างคิ้ว เผยรอยยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ข้ายังมีเงื่อนไขอย่างสุดท้าย”
“ได้ๆๆ เ้าว่ามา ข้าในฐานะบิดาของเ้าจะทำให้ทุกอย่าง”
เมื่อได้ยินว่าเป็เงื่อนไขสุดท้าย เวินอวิ๋นโปก็ตกปากรับคำทันที
“เงื่อนไขสุดท้ายคือให้ใบไม้ที่ร่วงหล่นหวนคืนสู่ลำต้น”
“ใบไม้ที่ร่วงหล่นหวนคืนสู่ลำต้นหรือ? มันเป็ไปมิได้นี่”
“หากทำมิได้ก็อย่าได้มาหาข้าอีก ข้าไม่มีวันกลับไป” เวินซีเดินอ้อมเขาแล้วขึ้นรถม้าไป
เวินอวิ๋นโปมองแผ่นหลังที่แน่วแน่นั้นก็กำมือแน่นอย่างไม่พอใจ หลังจากที่ทุ่มเททำไปมากมาย ในที่สุดเขาก็มองออกแล้ว เวินซีมิได้อยากจะกลับไปที่ตระกูลเวิน นางปั่นหัวเขามาโดยตลอด
รถม้าเริ่มเคลื่อนตัวออกไปช้าๆ เวินอวิ๋นโปมีสีหน้ามืดดำ เขาฉีกยิ้มอย่างสุดจะพิสดาร
ในเมื่อเป็เช่นนี้ ก็ไปตายเสียเถิด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้