บทที่ 29 พบซ่งตงอีกครั้ง
ลั่วถูได้แต่ด่าอยู่ในใจ มารดามันเถอะนี่มันเื่บ้าบออะไรกัน เขาเริ่มโมโหตัวเองว่าทำไมถึงขนศพมาทับตัวเองไว้มากเสียจนจะเป็กำแพงศพขนาดย่อมๆ อยู่แล้ว แต่พอมาคิดดู เกรงว่านี่จะไม่ใช่ฝีมือเขา แต่เป็ผลงานของผู้หญิงโง่คนนี้ต่างหาก หญิงโง่กลัวว่าจะปิดบังได้ไม่มิดชิดพอ จึงดันศพหลายศพมากองเพิ่มเป็เสียสูง แถมยังดึงศพบนร่างเขาไปอีก... หลังจากนั้นก็เป็เพราะเวลาที่กระชั้นชิดทำให้พวกเขาไม่มีเวลาจัดการนอกกำแพงศพอีกเลย ทำให้ตอนนี้มันกลายเป็ที่ตั้งแนวรบของคนพวกนี้ไปแล้ว ราวกับเสียงธนูยิงเฉี่ยวหนังศีรษะของพวกเขาไปอย่างไรอย่างนั้น ช่างเป็ความรู้สึกที่ไม่น่าพิสมัยหาใดเปรียบ
ราวกับเจียงิ่รู้สึกถึงความผิดของตนเข้าแล้ว กำแพงศพที่คนกลุ่มพวกนั้นใช้ทำแนวป้องกันอย่างง่ายขึ้นมานั้น เป็นางเองที่ก่อมันขึ้นมา ทว่าตอนนี้พวกเขากลับไม่กล้าส่งเสียงเลยสักนิด เพราะอยู่ใกล้กันเกินไป หากส่งเสียงฝ่ายตรงข้ามต้องรู้ที่อยู่ของพวกเขาทั้งสองแน่ ใครจะไปรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามที่จริงแล้วเป็ทหารของฝ่ายไหน ลั่วถูเป็ผู้ชายบางทีจุดจบคงไม่เลวร้ายนัก ทว่าตัวนางเป็สตรี ถ้าตกอยู่ในมือของฝ่ายตรงข้าม ผลลัพธ์ต้องแย่กว่าที่คิดไว้แน่ เว้นเสียแต่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็ทหารของเผ่าิญญา ไม่เช่นนั้นต่อให้เป็เผ่ามนุษย์ ก็ยังอันตรายมากอยู่ดี
ลั่วถูหยิบหน้าไม้คันหนึ่งอย่างตื่นตระหนก วางไว้ในมือของเจียงิ่ แล้วทำท่าทางนิดหน่อย เจียงิ่ก็ราวกับเข้าใจความหมายของมันได้ ถือหน้าไม้ไว้ในมืออย่างหวาดกลัว และลั่วถูก็เอาหน้าไม้ออกมาถือไว้ในมือตัวเองอีกคัน... ถึงเขาจะวางกับดักไว้แถวนี้แล้ว ทว่าฝ่ายตรงข้ามมีอย่างน้อยหลายสิบคน กับดักที่เขาวางไว้เกรงว่าคงมีประโยชน์ไม่มากนัก อีกทั้งมีเพียงฟ้าเท่านั้นที่รู้ว่าในกลุ่มคนเหล่านี้มีนักรบยอดฝีมืออยู่เท่าไร
“ซ่งตง ตั้งกำแพงศพให้สูงขึ้นอีก... ” ขณะที่ลั่วถูและเจียงิ่ตื่นตระหนกถึงขีดสุด น้ำเสียงหนักแน่นที่ลอยเข้าหูของลั่วถู กลับทำให้ใจของลั่วถูบีบรัด
“ซ่งตง... ” ไม่ผิดแน่ คนคนนั้นกำลังเรียกซ่งตง เพียงแต่เขายังไม่กล้ามั่นใจนัก ถึงการได้ยินเสียงนี้จะหมายถึงนักรบเผ่ามนุษย์ก็ตาม ทว่าเมื่อสิบกว่าวันก่อนซ่งตงไม่ได้กลับเตรียมตัวเปิดิญญาครั้งที่ห้าหรอกหรือ จะมาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไรกัน? ทำให้เขายังลังเลยังไม่กล้าตัดสินใจอยู่ดี แต่ว่าแค่คนกลุ่มนี้เป็นักรบเผ่ามนุษย์ เช่นนั้นเื่ก็ง่ายขึ้นเยอะแล้ว อย่างน้อยคงไม่สังหารตนแน่ ขณะกำลังครุ่นคิด เขาก็รู้สึกว่าบริเวณเหนือร่างของเขาสว่างขึ้นทันที ศพที่ทับหลุมอยู่ถูกดึงไปแล้ว
“ในหลุมยังมีสองศพ เร็วเข้า ดึงขึ้นมา... ” ในขณะที่ศพบนปากหลุมถูกดึงออกไป ลั่วถูและเจียงิ่ก็ถูกเจอตัวแล้ว เพียงแต่ตอนนี้ใบหน้าของทั้งสองเต็มไปด้วยเื ปลอมตัวจนเหมือนศพจริงๆ
“อ๊ะ... ” ทันทีที่ร่างของลั่วถูถูกลากออกไป เขาก็ลืมตาขึ้น แต่หน้าไม้แกร่งในมือของเขากลับไม่ได้ยิงออกไป จังหวะที่เขาลืมตาขึ้นนั้นเอง ดวงตาทั้งคู่จ้องไปที่คนลากศพ ทำเอาคนลากศพใจนร่วงลงไปกองกับพื้น นี่มันผีดิบหรือ...
“อย่า... ” ลั่วถูผงะเพราะใบหน้าที่เขาเห็นก็คือซ่งตง และตอนนี้เจียงิ่กำลังจะยิงหน้าไม้ออกไปแล้ว เขาจะปล่อยให้เจียงิ่ยิงซ่งตงตายได้อย่างไร ขืนทำเช่นนั้นมีแต่จะทำให้พวกเขาสองคนถูกฆ่า ดังนั้นเขาจึงแย่งหน้าไม้จากมือของเจียงิ่อย่างไม่ลังเล
“ซ่งตง นี่ข้าเอง... ” เมื่อริบหน้าไม้จากมือของเจียงิ่ได้ ลั่วถูก็รีบกล่าวอย่างร้อนรน ในขณะที่ซ่งตงในทีแรกก็ใจนเกือบลงมือแล้วเช่นกัน แต่พอได้ยินเสียงของลั่วถูก็ชะงักมือทันที
“ซ่งตง เกิดอะไรขึ้น... ” ในเวลานี้ กลับมีน้ำเสียงเข้มงวดเสียงหนึ่งดังขึ้น
“หัวหน้า สองศพตรงนี้เป็เพื่อนของข้า ไม่สิ พวกเขายังไม่ตาย... ” ซ่งตงกล่าวตะกุกตะกัก เขาไม่มีทางมองออกเลยว่าใบหน้าที่เต็มไปด้วยเืคือลั่วถู แต่เสียงของลั่วถูไม่ใช่อื่นใกล้สำหรับเขา ดังนั้นแค่ลั่วถูเอ่ยปาก เขาก็มั่นใจแล้วว่าเป็ลั่วถู เพียงแต่ลั่วถูมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ทั้งยังหลบอยู่ในหลุมจนทำเขาใแทบแย่ จนคิดไปว่าเป็ผีดิบเสียด้วยซ้ำ แต่เมื่อได้เห็นลั่วถูขยับตัว เขารู้ได้ทันทีว่าเ้านี่ยังมีชีวิตอยู่
“ฟุ่บ ฟุ่บ... ” ในเวลานี้ ลูกศรยาวหลายดอกแทบจะยิงผ่านข้างตัวลั่วถูแล้ว ซ่งตงรีบย่อตัวลงทันที ขืนยืนขึ้นทั้งอย่างนี้ได้กลายเป็เป้ายิงแน่...
“ลั่วอูฐ เ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร เ้าบ้า ที่นี่มันอันตรายนะ!” ซ่งตงอดด่าไม่ได้
“ข้าแค่มาทำภารกิจที่นี่เท่านั้น เป้าหมายภารกิจก็อยู่ในหุบเขาแห่งนี้ แต่ข้ายังไม่ทันหนีออกไป พวกเ้าก็มาแล้ว แถมข้าไม่รู้ว่าพวกเ้าเป็ใคร ก็เลยทำได้แค่แกล้งตายอยู่ในหลุมน่ะสิ! ” ลั่วถูกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์
“อีกเดี๋ยวตามข้ามา คนพวกนั้นคือเผ่ามาร ครั้งนี้โชคร้ายมาก เ้าพวกนั้นคงเสียสติไปแล้ว ไล่ตามพวกเราไม่ปล่อย ถ้ามีอะไรใช้ขยี้ให้พวกมันถอยทัพได้เ้าค่อยพูด!” ซ่งตงทนไม่ไหว ในเวลานี้ทหารไล่ล่าของเผ่ามารเข้าสู่หุบเขาเรียบร้อยแล้ว และพวกเขาทำได้เพียงอาศัยศพพวกนี้กำบังตัวตอนที่เพิ่งเข้ามาในหุบเขาแรกๆ จากนั้นโจมตีกลับ จากการที่นักรบเผ่ามนุษย์โจมตีสายฟ้าแลบ เพียงครู่เดียวก็ยิงม้าศึกของอีกฝ่ายได้ไม่น้อย ตัดกำลังทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่อาจโจมตีอย่างเต็มประสิทธิภาพได้ ช่วยให้พวกเขาได้เปรียบอยู่หลายส่วน อีกทั้งที่นี่ก็ไม่มีสิ่งกีดขวางที่ช่วยป้องกันได้เลย หากทหารม้าฝ่ายตรงข้ามพุ่งเข้าโจมตีโดยตรง ก็คงทำลายแนวป้องกันของพวกเขาได้ในระยะเวลาสั้นๆ แน่ ทว่าตอนนี้ทั้งสองฝ่ายเหลือม้าศึกเพียงไม่กี่ตัว ภายใต้การปิดล้อมของธนูและหน้าไม้ จึงยากจะชิงความได้เปรียบจากการพุ่งโจมตีโดยตรงได้
ในใจของลั่วถูเต็มไปด้วยความสงสัย ซ่งตงเพิ่งเริ่มเปิดิญญาครั้งที่ห้า ต่อให้เปิดิญญาสำเร็จ ก็ไม่น่าถูกส่งเข้าสู่สนามรบเร็วขนาดนี้ อีกทั้งสถานการณ์ตอนนี้ยังอยู่ในจุดที่ยากลำบากเสียยิ่งกว่าตอนที่เป็คนขนศพอีก
“ซ่งตง นี่คือเพื่อนของเ้าหรือ? คนธรรมดาสองคน?” ศิษย์าคนหนึ่งถามขึ้นด้วยความใ
“นี่พี่หลาง น้องเล็กอย่างข้าเพิ่งเปิดิญญาสำเร็จได้ไม่กี่วัน สหายผู้นี้ชื่อลั่วถู เป็คนตระกูลลั่ว ก่อนหน้านี้พวกข้าเป็คนขนศพเหมือนกัน หาทางกลับบ้านให้วีรบุรุษที่ตายในสนามรบ และครั้งนี้ภารกิจของสหายของข้าก็อยู่ที่นี่พอดี... ”
“พอได้แล้ว ให้เขาตามพวกเราดีๆ เ้าลูกสุนัขเผ่ามารพวกนี้ท่าจะเสียสติไปแล้ว... ” คนที่ถูกเรียกว่าพี่หลางกล่าวด้วยความโกรธ
ลั่วถูตามซ่งตงมายังข้างกำแพงศพ กวาดสายตามองหุบเขาแห่งนี้ แต่ในพื้นที่พันกว่าจั้งนี้ นักรบเผ่ามนุษย์กระจายออกเป็หลายกลุ่ม ดูแลกันและกัน แม้จำนวนของเผ่ามารจะเหนือกว่ามาก ทว่าศิษย์าเผ่ามนุษย์ส่วนใหญ่เป็ยอดฝีมือ พลังรบและโอกาสมั่นใจว่าสูงมากแน่นอน ภายใต้การโรมรันครั้งนี้เผ่ามารไม่สู้ได้เปรียบสักเท่าไรนัก และพรรคพวกของฉีหลางรวมซ่งตงแล้วมีอยู่แปดคน พวกเขาตกอยู่ในตำแหน่งที่จะบุกก็ไม่รอดจะถอยก็ไม่ได้ และศิษย์าคนอื่นก็หลบอยู่หลังศพม้ากันหมด ในสถานการณ์ที่ทั้งสองฝ่ายต่างยิงแลกลูกดอกกันเช่นนี้ ใครกล้าพุ่งออกไป ก็เรียกว่าไปหาที่ตายของแท้ แต่คาดการณ์จากจังหวะการยิงแบบนี้ เกรงว่าลูกศรของฝ่ายเขาคงใกล้หมดแล้ว
“พวกเ้ายังมีลูกศรอีกเท่าไร?” ลั่วถูเห็นท่าทีของฉีหลางที่ละล้าละลังอยู่นานกว่าจะยิงออกไปสักดอก ก็รู้คงเหลือลูกศรไม่มากแล้ว ทั้งสองฝ่ายหวังจะหลอกล่อวิธีให้ฝ่ายตรงข้ามลงมือไม่หยุด ให้ลูกศรของฝ่ายตรงข้ามถูกใช้จนหมด แม้จะมีบ้างที่เก็บลูกศรของฝ่ายตรงข้ามมาใช้ซ้ำ ทำให้สถานการณ์ตอนนี้ช่างน่าอึดอัดทีเดียว ตลอดการตามล่าครั้งนี้ ลูกศรที่ยิงพลาดระหว่างทางก็ไม่ทันได้เก็บ ดังนั้นเมื่อถึงหุบเขาแห่งนี้ ทำให้ลูกศรที่ต่างฝ่ายต่างยิงออกมาต้องใช้อย่างระมัดระวังที่สุด
“คิดจะถ่วงเวลาไปถึงเมื่อไร ถ้ามืดแล้วจะทำอย่างไรได้? ” เจียงิ่ขมวดคิ้วพลางกับตัวเอง
“อะไรกัน ดูเหมือนสหายพวกเ้าตรงนี้จะมีคนาเ็สาหัสอยู่นะ?” ลั่วถูเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังผลัดเปลี่ยนกับรุมล้อมคนผู้หนึ่งไว้อยู่ไม่ไกล ราวกับกำลังทำแผล เสื้อของคนพวกนั้นมีสีสด อีกทั้งอุปกรณ์ก็ดูไม่ธรรมดา อย่างน้อยก็ต้องเป็ยอดฝีมือในกองทัพ ทว่าคนพวกนี้ราวกับกำลังล้อมคนที่าเ็สาหัสคนหนึ่งอยู่ เกรงว่าคงมีคนสำคัญได้รับาเ็
“แม่ทัพตงหลี่... ” ซ่งตงถอนหายใจ ถ้าไม่ใช้เพราะเขาโชคร้ายเข้ามาในทัพของหัวหน้ากองใต้บังคับบัญชาแห่งแม่ทัพตงหลี่ เกรงว่าตอนนี้เขาคงหนีไปถึงเมืองม่อหลานแล้ว บางทีเขาอาจกำลังหาร้านสุราสักร้านคลายความใ ทว่าตอนนี้กลับต้องติดอยู่ในที่รกร้างสู้รบอย่างสุดชีวิตเสียได้
“ทหารของเผ่ามารดูจะมีไม่มากนัก ไม่น่าถึงร้อยคนได้ พวกเ้าถูกล่าจากที่ไหนกับ ถึงได้หนีมาจนถึงที่นี่?” ลั่วถูมึนงงเล็กน้อย แม่ทัพคนหนึ่ง ฐานะไม่ได้ต้อยต่ำ แต่ดูท่าเป้าหมายของนักรบเผ่ามารคงเป็แม่ทัพตงหลี่ที่าเ็สาหัสผู้นั้น คะแนนที่ได้จากแม่ทัพคนหนึ่งนั้นมากพอจะให้คนกลุ่มเล็กเหล่านี้แลกยาเปิดิญญาได้คนละเม็ดแถมยังมีเศษเหลือเสียด้วยซ้ำ แน่นอนว่า คะแนนพวกนี้เป็เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ถ้าสามารถสังหารแม่ทัพต่างเผ่าคนหนึ่งได้ แค่รางวัลจากกองทัพเผ่ามารก็เพียงพอให้นักรบของพวกเขาใจสั่นได้แล้ว…
“หนุ่มน้อย เ้าอยู่ที่นี่มานานแค่ไหน? คุ้นเคยกับพื้นที่นี้หรือไม่?” ฉีหลางพิงกำแพงศพ นำอาหารแห้งออกมาฉีกเข้าปากแล้วเคี้ยวพลางเอ่ยถามขึ้น
“กับพื้นที่ตรงนี้ก็พอจะคุ้นเคยอยู่ส่วนสองส่วน ที่จริงการจะตอบโต้พวกมันก็ไม่ได้ยากอะไร!” ลั่วถูคิดแล้วพยักหน้า จะอย่างไรเสียกองทัพฝ่ายตรงข้ามก็เป็เผ่ามารที่เกือบทำให้เขาต้องทิ้งชีวิตไว้ในสนามรบแห่งนี้มาหลายครั้งหลายคราว ถ้าช่วยให้นักรบเผ่ามนุษย์ทำลายพวกศิษย์มารได้ ก็นับว่าเป็เื่น่าสนใจไม่หยอก!
“ที่พูดมาจริงหรือ? หนุ่มน้อย ถ้าเ้ามีวิธีจริงๆ ตัวข้าจะขอรางวัลจากแม่ทัพตงหลี่ให้เ้าแน่นอน... ” เมื่อได้ยินเสียงของลั่วถู คนหนุ่มที่ดูจากลมปราณแล้วน่าจะเป็ศิษย์าขั้นสองผู้หนึ่งหันหน้ามากล่าวกับเขาอย่างจริงจังทันที
“นี่หัวหน้า ท่านอย่าฟังเขาพูดจาไร้สาระ เขายังไม่แม้แต่เปิดิญญา จะมีวิธีได้อย่างไร... ” เมื่อซ่งตงได้ยินแบบนั้น ก็ได้แต่ร้อนรน เื่นี้ไม่ใช่เื่ล้อเล่น กำลังรบของลั่วถูเขารู้ดีอยู่แล้ว แต่เกรงว่าตอนนี้ลั่วถูยังเทียบเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ เขาไม่คิดจะให้ลั่วถูออกไปเสี่ยงเด็ดขาด
“ซ่งตงรอเขาพูดจบก่อน ไม่ต้องกังวลไปเ้าหนู ต่อให้แผนไม่สำเร็จ ข้าก็ไม่ได้ทำอะไรเขาหรอก คนที่ขนศพของพี่น้องที่ทิ้งิญญาไว้ในสนามรบกลับบ้าน ในสายตาคนมากมายอาจต่ำต้อย แต่ในสายตาข้า คนเช่นนี้ต่างหากถึงคู่ควรจะได้รับความเคารพ ก่อนที่ข้าจะเปิดิญญา ก็เคยเป็คนขนศพมากก่อน”ผู้เป็หัวหน้าสูดลมหายใจเข้าลึกและเอ่ยขัดซ่งตง
ได้ยินหัวหน้ากล่าวเช่นนี้ ซ่งตงก็หุบปากทันที คิดไม่ถึงว่าหัวหน้าของตนเองก็เคยเป็คนขนศพมาก่อน หากนับว่าเป็ศิษย์พี่ก็ไม่ผิดนัก
“ที่จริงแล้วเื่นี้ก็ใช่ว่าจะเป็ไปไม่ได้เสียทีเดียว แต่เป็เพราะข้ามาถึงก่อนพวกเ้าเล็กน้อย ดังนั้นข้าก็เลยวางกับดักไว้ในหุบเขานี้แต่แรกแล้ว ศิษย์พี่ท่านเองก็เคยเป็คนขนศพต้องเข้าใจแน่ ที่ใดที่คนขนศพทุกคนทำภารกิจ ต้องเหลือทางหนีทีไล่ไว้ป้องกันตัวจากพวกสุนัขต่างเผ่าที่ชอบลอบกัดอยู่แล้ว ในหุบเขาลูกนี้ก็เลยมีของเล่นที่ข้าทิ้งไว้นิดหน่อย... ” ลั่วถูยักไหล่พลางกล่าวอย่างจริงใจ
ได้ยินลั่วถูกล่าวเช่นนี้ หัวหน้ากองก็ผุดรอยยิ้มออกมา เขายื่นมือออกมาทักทายลั่วถู และกล่าวอย่างสบายใจว่า “เ้าเรียกข้าว่าเฉิงอิงก็ได้ ถ้ารอดจากอันตรายนี้ได้อย่างราบรื่น ข้าจะขอรางวัลให้เ้าเอง!”
“ฉีหลาง ไปรายงานแม่ทัพ สหายน้อยลั่วถูมีแผน บอกทุกหน่วย เรียกผู้รับผิดชอบมารวมตัว ฟังแผนพร้อมกัน...”
“พี่เฉิง ไม่ต้องลำบากขนาดนี้ ท่านเพียงแค่ให้พี่น้องคนอื่นลงมือตามสถานการณ์ ถ้าพบว่ามีโอกาส ก็ลงมือโจมตี อย่าได้ลังเลเด็ดขาด!” ลั่วถูโบกมือพลางกล่าวออกมาอย่างใจเย็น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้