เจียงไป๋อยู่ในห้องสมุดของมหาวิทยาลัยเทียนตูจนถึงตอนเย็น หลังจากผ่านอาหารเย็นไปแล้ว จากนั้นก็ตรงไปที่ “โรงแรมเหิงเฉิง” อย่างคุ้นทาง
เขาเคาะประตูแล้วเปิดออก ซูเหมยที่ไม่พบกันนานรออยู่ที่นั่นแล้ว เธอสวมชุดกระโปรงยาวสีแดงร้อนแรงเซ็กซี่น่าประทับใจ
เจียงไป๋ยังไม่ทันรอให้อีกฝ่ายพูดก็ตรงไปกอดซูเหมยไว้ในอ้อมอกแล้วริมฝีปากทั้งคู่ก็ประสานกันอย่างเร่าร้อน
“นายทำอะไร?” จู่ๆ ซูเหมยก็ปริปากถาม
“ผม? อืม สังคมมืดน่ะ” เจียงไป๋คิดสักพัก และทำท่าทางดุดันพูดกับซูเหมย
น่าเสียดายที่ท่าทางอย่างนี้ของเขา จะแสร้งทำอย่างไรก็ไม่เหมือนลูกพี่ใหญ่ของสังคมมืด
จริงๆ แล้วเจียงไป๋ก็ไม่ใช่คนอย่างนั้น แต่ไหนแต่ไรมาเขาก็ไม่เคยคิดที่จะเป็คนอย่างนั้น
คนใหญ่คนโตที่แท้จริงก็ล้วนเป็คนอย่างจ้าวอู๋จี๋ อู่เทียนซี จอมอหังการที่มีอำนาจครอบคลุมถึงทางรัฐบาลและธุรกิจ จัดการทั้งทางดำทางขาว นั่นต่างหากจึงจะเป็สิ่งที่เจียงไป๋้า จริงๆ แล้วเขาก็กำลังพัฒนาไปในทางนี้
เขาพูดอย่างนี้ แค่ก่อนที่เขาจะทำตัวเองให้สมบูรณ์จะต้องจัดการกับคำพูดของคนรอบข้างเสียก่อน
“ฉันไม่เชื่อ”
ซูเหมยเม้มปากหัวเราะขึ้นมา เธอหัวเราะได้อย่างสดใสและน่าประทับใจมาก
เจียงไป๋ไม่ได้ออกไปจากโรงแรม เช้าตรู่วันนี้ หลังจากที่ตื่นขึ้น เขาเตรียมที่จะไปช่วยสาวน้อยอย่างจู้ซินซินพบคุณครู
คิดไปคิดมาเธอก็ไม่มีทางอื่น และร่างกายของแม่เธอก็ไม่แข็งแรงจริงๆ จู้ซินซินไม่กล้าให้ท่านรู้เื่เมื่อวาน จึงอยากจะให้เจียงไป๋มาช่วย
เื่นี้เป็ธรรมดาที่จะช่วย “กิ๊ก” ของตนเองจัดการให้ดี อย่างไรเื่เมื่อวาน เขาก็เหมือนจะเป็หนึ่งในตัวหลัก
หลังจากที่ตื่นนอนล้างหน้าบ้วนปากแล้ว เจียงไป๋ก็ออกไปจากโรงแรม เขาให้เสี่ยวเทียนไปส่งที่โรงเรียนมัธยมห้าสิบหกที่จู้ซินซินเรียนอยู่
เพิ่งจะมาถึงหน้าประตูโรงเรียนก็ถูกยามหยุดไว้ เมื่อพูดถึงเจตนาที่มา หลังจากที่โยนบุหรี่ที่ราคาไม่ธรรมดาไปให้หนึ่งกอง จากการนำทางอย่างกระตือรือร้นของยาม เจียงไป๋ก็มาถึงที่ห้องทำงานของครูระดับ ม.4 ชั้นแปดอาคารเจ็ดทางซ้าย
เจียงไป๋ยืนอยู่หน้าประตูโยนบุหรี่ทิ้งไปแล้วจัดเสื้อผ้า เขาก้าวเข้าไปในห้อง พอเข้าประตูมาก็ต้องตะลึงงัน
ตัวเอกสองสามคนของเื่เมื่อวาน จู้ซินซินยังมีหวางหยาง รวมทั้งกู้ไค่ที่ถูกต่อยคนนั้นล้วนอยู่ที่นี่ทั้งหมด นอกจากนี้แล้วยังมีเซียวหลานหลานในฐานะที่เป็เพื่อนสนิทของจู้ซินซินและเป็พยานของเื่นี้
แน่นอนว่าคนพวกนี้ไม่สำคัญ ที่สำคัญที่สุดคือเวลานี้ในห้องทำงานยังมีคนที่คุ้นเคยอีกหนึ่งคน … คนที่คุ้นเคยจนไม่รู้จะคุ้นเคยอย่างไรได้อีก เมื่อวานเพิ่งจะไปจากอ้อมอกของเขา ซูเหมย!
“นายมาได้อย่างไร?”
คนที่เห็นเจียงไป๋แวบแรกคือซูเหมย
ตอนที่เธอเห็นเจียงไป๋มาปรากฏตรงหน้าตนเองอย่างปาฏิหาริย์ เธอตะลึงงัน และหน้าแดง หลังจากนั้นราวกับนึกถึงบางเื่ สีหน้าของเธอค่อยๆ ขาวซีดลงเล็กน้อย แทบจะใช้เสียงที่สั่นคลอนถาม
เพราะเธอกลัวเื่ต่อไปนี้ จะทำให้เธอยากที่จะรับได้ เจียงไป๋มาที่นี่เพื่อเธอ และสืบหาเธออย่างชัดเจน
ความสัมพันธ์ก่อนหน้านี้ที่สนิทกันขึ้นแล้ว นี่คือเธอในตอนนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถทนรับได้
“เหอะๆ ผมเป็อาของจู้ซินซิน ได้ยินว่าเมื่อวานเธอมีเื่เดือดร้อนนิดหน่อย ผมมาที่นี่เพื่อช่วยเธอพบคุณครู คิดไม่ถึงว่าจะได้พบคุณแล้ว ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่ล่ะ? หรือว่าคุณ?”
เจียงไป๋ก็ไม่ได้โง่ ทางซูเหมยมีอาการเปลี่ยนไป จู่ๆ เขาก็รู้สึกถึงอะไร และฉีกยิ้มพูดกับซูเหมยที่อยู่ตรงหน้า
ต่อมาก็นึกถึงอาชีพของอีกฝ่าย จึงถามไปอย่างนี้
เป็เช่นนั้นจริงๆ เมื่อซูเหมยได้ยินคำนี้แล้ว ก็โล่งใจอย่างเห็นได้ชัด หลังจากนั้นก็เก็บอาการที่ซับซ้อนพลางพูดอย่างยิ้มแย้มว่า “ฉันก็คือครูประจำชั้นของจู้ซินซิน”
“อ่า แบบนั้นก็ดี ดูแล้ววันนี้ไม่ต้องลำบากแล้ว สวัสดีคุณครู ซินซินอยู่ที่นี่สร้างความเดือดร้อนให้คุณแล้ว ต่อไปผมสัญญาว่าจะไม่มีอีก ตอนนี้ผมจะพาเธอไปได้ไหม … ” เจียงไป๋เกาหัว พลางพูดและหัวเราะ
จริงๆ แล้วเขากลัวการพบคุณครูมาก ตอนเข้าเรียนในสมัยเด็กๆ ก็ถูกเรียกผู้ปกครองมาไม่น้อย สำหรับครูก็มีความยำเกรงมาแต่เกิดนิดหน่อย ตอนนี้แอบอ้างมาในฐานะผู้ปกครองของคนอื่น เป็ธรรมดาที่จะตื่นเต้น และไม่รู้ว่าควรจะรับมืออย่างไร
ตอนนี้ดีแล้ว ในเมื่อครูประจำชั้นของจู้ซินซินคือซูเหมย เช่นนั้นเื่ก็จัดการได้แน่นอน ด้วยความสัมพันธ์ของทั้งสองคน หรือว่าซูเหมยจะหาเื่เขาได้หรือ?
“นี่ก็ไม่ได้ ฉันรู้ว่าเื่นี้จริงๆ แล้วก็ไม่ควรตำหนิจู้ซินซิน แต่เมื่อวานจู้ซินซินไปกับชายหนุ่มนอกโรงเรียนที่แก่กว่าคนหนึ่ง ในฐานะที่คุณเป็อาของเธอ หรือว่าไม่เป็ห่วงเื่นี้หรือ? พวกเราในฐานะผู้ปกครองก็น่าจะคำนึงถึงเด็ก … ”
สิ่งที่ทำให้คิดไม่ถึงคือ ถึงแม้ซูเหมยจะเกรงใจเจียงไป๋ แต่ก็ไม่ไว้หน้า และก็ไม่ให้เจียงไป๋ออกไปอย่างทันที ในระหว่างที่กลับเข้าสู่บทบาทของตนเองแล้ว ก็พูดกับเจียงไป๋อย่างอ่อนโยน
“เื่นั้น … คุณครูซู ชายหนุ่มที่แก่กว่าคนเมื่อวานที่คุณพูดถึงนั้นก็คือผม … ” เจียงไป๋ชูมือขึ้น พลางพูดอย่างเคอะเขิน
เมื่อซูเหมยพูดได้ครึ่งทาง ก็หยุดชะงัก และก็ไม่พูดต่ออยู่นาน
เดิมทีเตรียมข้ออ้างแล้ว แต่คำพูดนี้ของเจียงไป๋กลับทำให้เธอหยุดชะงัก และไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้