เจียงถิงเปิดปากกล่าวอย่างจริงจัง
่นี้เขาอ่านหนังสือภาพค่อนข้างเยอะ ประเภทที่กล่าวถึงเื่ช่วยชีวิตล้วนมีทั้งสิ้น ที่ตอนจบล้วนกล่าวถึงการสัญญามอบชีวิตและหัวใจให้กันและกัน
“ท่านพ่อ เกิดอันใดขึ้นกับท่าน? สมองของท่านพังพินาศไปแล้วหรือ? ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่มีอันใดเกี่ยวข้องอะไรกับมู่อันเหยียน แล้วกับเด็กเองก็ไม่เกี่ยวข้องเช่นกัน ท่านช่วยกลับมาเป็ปกติหน่อยได้หรือไม่? ”
เจียงจือเฮ่าไม่สามารถทนได้อีกต่อไป ขาของะโย้ำไปมาพร้ะโกนเสียงดัง ใบหน้าของเขาแดงก่ำ
มู่เอ้าเทียนก็จ้องเขม็งไปที่เจียงถิงด้วยความโกรธเช่นกัน
ฮวาเหยียนค้นพบว่าท่านแม่ทัพเหล่ยถิงเป็วัวกระทิงโง่งม เื่ที่เขาปักใจเชื่อไปแล้ว ไม่ว่าจะพยายามอธิบายอย่างไรเขาก็ย่อมไม่รับฟัง
“สมองข้าเพี้ยนไปแล้วเช่นนั้นหรือ? สมองของข้ารู้ตื่นขึ้นกว่าตอนแรกเสียอีก เ้าลูกหน้าเหม็น เมื่อไหร่เ้าจะรู้จักโตขึ้นเสียที เพราะเ้า หน้าของบิดาเ้าจึงเสียหาย ทั้งชีวิตข้าไม่เคยพูดเสียงเบาเช่นเวลาที่กล่าวต่อหน้าแม่หนูมู่มาก่อนเลย
แต่เพราะว่าเ้าให้กำเนิดเ้าหลานตัวน้อยที่แสนน่ารัก บิดาสามารถยกโทษให้เ้าได้
ดังนั้น จงไสหัวไปเดี๋ยวนี้"
เจียงถิงกล่าวขึ้นอย่างจริงจัง เขาโบกมือไล่อีกครั้ง
เจียงจือเฮ่าตะลึงงัน "ให้ข้าไสหัวไปที่ใด? "
“ไปที่จวนตระกูลมู่ หากเ้าไม่สามารถพาลูกสะใภ้และลูกของเ้ากลับมาได้ ไม่ได้การอภัยจากตระกูลมู่ ก็จงอย่ากลับมา”
เจียงจือเฮ่า "...! "
ฟ้าผ่าตอนกลางวันแสกๆ [1]
เขาบอกไปแล้วว่าบุตรสาวของตระกูลมู่ไม่มีส่วนใดเกี่ยวข้องกับเขา บุตรชายของนางก็ไม่ใช่บุตรของเขาด้วย
อะไรคือสิ่งที่น่าผิดหวังที่สุดในใต้หล้า?
ไม่ว่าคนอื่นจะอธิบายอย่างไรหรือจะมีคนอธิบายสักกี่คน คนที่อยู่ข้างหน้าก็เอาแต่จมอยู่ในความจริงที่เขาคาดเดา อยู่ตามลำพังในเส้นทางของตนเองและเพิกเฉยต่อทุกสิ่ง
เจียงจือเฮ่ารู้สึกว่าตนเองกำลังจะเป็บ้า
ใบหน้าของฮวาเหยียนไร้อารมณ์เป็ที่เรียบร้อย
มู่เอ้าเทียนรู้สึกอยากตีคนอีกแล้ว! อารมณ์ของเขารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ท่านอ๋องหวาดกลัวเหลือเกินว่าจะถูกเจียงถิงครอบงำจิตใจ
“ท่านปู่เจียง ข้าไม่ใช่หลานชายของท่าน และข้าก็ไม่ใช่บุตรของบุตรชายท่าน ท่านเข้าใจผิดแล้ว เพราะแม้แต่หยวนเป่าเองก็ไม่ทราบว่าผู้ใดคือบิดาของข้า”
ในตอนนั้นเอง หยวนเป่าได้เปิดปากกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ
ท่านตาและท่านแม่ของเขาล้วนขมวดคิ้วด้วยความพิโรธ ดังนั้นเ้าตัวน้อยจึงพยายามอธิบายออกมาดังๆ
ทันทีที่เจียงถิงได้ยินเสียงของหยวนเป่าน้อย ใจของเขาก็ละลายเหือดแห้ง และยิ่งรู้สึกเสียใจกับหลานตัวน้อย เพราะแม้แต่บิดาของตนเองเป็ใครก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ แต่นั่นไม่ใช่เ้าลูกหน้าหมีของเขาหรอกหรือ? เจียงถิงรีบพุ่งเข้ามาข้างหน้าหยวนเป่าน้อยและ้าอุ้มเขาขึ้นมากอดปลอบ แต่มู่เอ้าเทียนกลับสูดลมหายใจเข้าลึกและเบี่ยงกายเข้าขัดขวางโดยตรง
เจียงถิงไม่รำคาญ อารมณ์ของเขาดีมากในขณะนี้ เมื่อจ้องมองไปที่ดวงตาโมโหราวกับวัวคู่หนึ่งนั้น เขาก็รีบแสดงท่าทางที่คิดว่าใจดีมีเมตตาที่สุดออกมา “เ้าหยวนเป่าตัวน้อย เป็เพราะบิดาของเ้าไม่ดี ต่อไปเ้าจงเรียกข้าว่าท่านปู่ ไม่จำเป็ต้องเรียกว่าท่านปู่เจียง ส่วนบิดาของเ้าคือเจียงจือเฮ่า จากนี้ไปเ้าจะมีทั้งท่านปู่และท่านย่า”
หยวนเป่า "...! "
การแสดงออกของท่านปู่เจียงดูจริงจังมากเกินไป เพราะเขาคิดอย่างนั้นจริงๆ และเพราะท่าทางเช่นนี้ทำให้เด็กตัวน้อยเริ่มสงสัยว่าบิดาของเขาคือเจียงจือเฮ่าจริงๆ ใช่หรือไม่
...
หมดแรง
เส้นเืสีน้ำเงินบนหน้าผากของมู่เอ้าเทียนกระตุกไม่หยุด
“ตระกูลมู่และตระกูลเจียงกำลังจะเกี่ยวดองกัน”
“คุณชายตระกูลเจียงและแม่นางตระกูลมู่ช่างเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก ประหนึ่งคู่แท้์สร้าง”
“เด็กน้อยคนนั้นที่แท้แล้วเป็คนของตระกูลเจียง…”
ฝูงชนต่างพูดกันเจี๊ยวจ๊าว กระซิบส่งข่าวหูต่อหู ปากต่อปาก
“ทุกคนเข้าใจผิดแล้ว ตระกูลมู่ของเราไม่มีอันใดเกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลเจียง และจะไม่มีการแต่งงานใดๆ เกิดขึ้นทั้งสิ้น! ”
มู่เอ้าเทียนอธิบายด้วยใบหน้ามืดครึ้ม
"ขอแสดงความยินดีกับท่านอ๋องมู่"
"ขอแสดงความยินดีกับท่านแม่ทัพเหล่ยถิง"
ไม่รู้ว่าผู้ใดเป็ผู้นำกล่าว เมื่อมีเสียงดังออกมาก็มีคนรับและร้องตาม ดังนั้นเสียงจึงดังขึ้นเรื่อยๆ ทีละคนๆ
“ทั้งแม่ทัพเหล่ยถิงและท่านอ๋องมู่กำลังจะเปลี่ยนอาวุธให้กลายเป็หยกไหม [2] ทั้งสองกำลังจะกลายเป็ทองแผ่นเดียวกัน”
“แน่นอนว่ามิใช่ ทั้งสองต่อสู้กันมานานหลายปีแล้ว แต่พวกเขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าจะกลายเป็ทองแผ่นเดียวกัน ทั้งเื่ที่บุตรีคนโตของตระกูลมู่กับคุณชายตระกูลเจียงมีลูกด้วยกันอีก”
"ช่างเป็เหตุการณ์ที่น่ายินดี"
...
“มู่อันเหยียน เ้ารีบอธิบายเร็วเข้าสิ”
เจียงจือเฮ่าตกตะลึงกับเสียงอวยพรที่อยู่ตรงหน้า ในขณะนั้นเขาดูหมดหนทางและสิ้นหวังเป็อย่างยิ่งจนต้องะโใส่ฮวาเหยียน
เขาแค่รู้สึกว่าแม้จะะโลงแม่น้ำเหลืองเพื่อชำระใจกายก็คงไม่อาจล้างมลทินให้ตัวเองได้
ฮวาเหยียนและมู่เอ้าเทียนไม่คาดคิดว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็เช่นนี้ พวกเขาโกรธแทบตาย หากรู้เช่นนี้การเข้าไปในจวนตระกูลเจียงคงดีเสียกว่า ใครจะรู้ว่าสมองของเจียงถิงเติบโตขึ้นมาเป็เช่นนี้ได้อย่างไร เหตุใดถึงคิดว่าหยวนเป่าน้อยเป็หลานชายของเขาได้?
สุดท้ายก็มิอาจแก้ไขอะไรได้
แม้ว่าจะโต้เถียงไป เจียงถิงก็คงไม่รับฟัง
“เจียงจือเฮ่า ข้าอธิบายไปแล้วบิดาของเ้าจะยอมรับฟังหรือ? ชื่อเสียงของข้าล้วนถูกทำลายเพราะเ้า”
ฮวาเหยียนเหลือบมองเขาและพูดอย่างเ็า
เมื่อเจียงจือเฮ่าได้ยินฮวาเหยียนกล่าวเช่นนี้ นิ้วของเขาก็ยิ่งสั่นไปด้วยความโกรธจัดจนพูดไม่ออก เขาชี้ไปที่ฮวาเหยียน "เ้าเ้าเ้า เ้ายังกล้าพูดอีกหรือ เ้ายังเหลือชื่อเสียงอันใดอีก? ลูกชายของเ้าโตขนาดนี้แล้ว เ้า้าชื่อเสียงเช่นไรอีก? ตัวข้าช่างน่าสงสารนัก ข้ายังหนุ่มยังแน่น ยังไม่ทันผ่านมือสตรีคนใดก็ต้องกลายมาเป็พ่อคนแล้ว ข้าถูกเ้าทำร้ายแล้วยังต้องแต่งเ้าเข้าตระกูลอีก! ”
เจียงจือเฮ่าร้องโหยหวน
ฮวาเหยียนมองดูท่าทางของเขา หัวใจของนางก็ถูกปิดกั้นมากขึ้น ชายไม่เอาไหนคนนี้สามารถเป็พ่อของหยวนเป่าได้หรือ? แม้แต่คำพูดเช่นนี้ยังพูดออกมาได้!
"กลับไปหาบิดาของเ้า"
ฮวาเหยียนปล่อยคำพูดออกมาอย่างเ็า นางก้าวเท้าขึ้นไปข้างหน้า ในขณะที่เจียงจือเฮ่ายังคงร้องไห้ไม่ตอบสนอง นางดึงเงินออกจากมือของเขา จากนั้นก็หันหลังกลับและเอาสัญญาหนี้ในมือของมู่เอ้าเทียนยื่นไปตรงหน้าเขา "ข้ารับเงินใช้หนี้มาแล้ว ส่วนเงินสำหรับค่าช่วยชีวิต วันหน้าค่อยมาคุยกัน"
ฮวาเหยียนพ่นลมหายใจ
นางไม่สามารถทนอยู่ที่หน้าประตูจวนตะกูลเจียงได้อีกต่อไป นางจำเป็ต้องกลับบ้านให้เร็วที่สุด
“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ บุญคุณที่ช่วยชีวิตอันใด มู่อันเหยียน เ้าทำร้ายข้าจนเป็เยี่ยงนี้แล้ว ยังกล้าพูดเื่บุญคุณที่ช่วยชีวิตอีกหรือ เหตุใดข้าถึงโชคร้ายยิ่งนักที่ต้องพบเจอกับดาวหายนะเช่นเ้า”
เจียงจือเฮ่ากรีดร้องโหยหวน
เพียงพริบตามีดของฮวาเหยียนก็พุ่งทะยาน ร่างกายของเจียงจือเฮ่าสั่นสะท้าน ภาพของการถูกเตะจนบินละล่องกระทบจิตใจของเขาในทันที สมองของเขาเปิดใช้งานระบบป้องกันตนเองตามคำสั่งของจิตใต้สำนึก ปากของเขาพลันปิดสนิท
“ท่านพ่อ หยวนเป่า กลับบ้านพวกเรากันเถิดเ้าค่ะ”
ฮวาเหยียนอุ้มหยวนเป่าน้อยขึ้นมาพร้อมกับเรียกมู่เอ้าเทียน
“ไม่ พ่อต้องอธิบายให้ชัดเจน ตระกูลเจียงไม่สามารถทำลายชื่อเสียงของเ้าเช่นนี้ได้ และต้องให้เจียงถิงชดใช้เงินเป็จำนวนหนึ่งล้านตำลึงเพื่อซื้อชีวิตของลูกชายของเขา พ่อจะบุกไปทุบจียงถิงให้ฟันหัก”
มู่เอ้าเทียนกล่าวด้วยความโกรธเคือง
เขาโกรธแทบตายแล้วจริงๆ
"ท่านพ่อ ไม่ต้องหรอกเ้าค่ะ"
ฮวาเหยียนเห็นคิ้วของมู่เอ้าเทียนที่ยับย่น หัวใจของนางพลันอบอุ่น นางรีบหยุดเขาไว้ทันที
“ท่านพ่อ ท่านไม่เห็นหรือว่าเจียงถิงมุ่งมั่นและหัวรั้นเพียงใด ตอนนี้แม้ทุกคนในใต้หล้าจะบอกว่าหยวนเป่าไม่ใช่หลานชายของเขา และข้าก็ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับบุตรชายของเขา เกรงว่าเขาก็คงจะไม่เชื่อแม้แต่นิด เว้นแต่ตัวเขาเองจะออกมาจากความยึดติดนี้เอง
ไม่เป็ไรหรอกเ้าค่ะ ไม่ต้องพูดถึงว่าข่าวลือหยุดอยู่ที่นักปราชญ์ [3] แม้ว่าพวกเขาจะพูดตามใจในสิ่งที่พวกเขา้าอย่างไร ข่าวลือจะถูกเล่าต่ออย่างไร รอจนกระทั่งพวกเขาหันหลังไปพบกับหลักฐาน พวกเขาจะโยนมันใส่ใบหน้าของเจียงถิงเอง สุดท้ายเขาก็จะหุบปากเองตามธรรมชาติ"
“เหอะ ที่แท้แล้วเจียงถิงคนนี้คือศัตรูตามธรรมชาติของพ่อจริงๆ ทำให้ข้าโกรธแทบตาย”
ยิ่งมู่เอ้าเทียนโกรธมากขึ้นเท่าใด ใบหน้าของเขาก็ยิ่งขมวดเกร็งมากขึ้นเท่านั้น พลังหยางทั่วร่างก็ยิ่งแผ่กระจาย
หยวนเป่าน้อยหัวเราะคิกคัก เขาคิดว่าท่านปู่เจียงน่าสนใจทีเดียว
“ท่านพ่อ ข้าแก้ไขปัญหาเื่เงินได้แล้วเ้าค่ะ พวกเรากลับบ้านกันก่อน อย่าให้คนมากมายแถวนี้รับรู้ได้”
ฮวาเหยียนกระซิบ
ตรงกันข้ามกับนาง มู่เอ้าเทียนใตาโต ได้เงินมาครบแล้วหรือ?
เชิงอรรถ
[1] ฟ้าผ่าตอนกลางวันแสกๆ 晴天霹雳 qíng tiān pī lì หมายถึง เกิดเื่ที่ไม่คาดฝันทำให้ใอย่างมาก เหมือนกับฟ้าฝ่าตอนกลางวันแสกๆ
[2] เปลี่ยนอาวุธให้กลายเป็หยกไหม 戈化玉帛 Gē huà yùbó เป็สำนวนที่มาจากเื่ราวทางประวัติศาสตร์ หมายถึง เปลี่ยนาให้กลายเป็สันติภาพ
[3] ข่าวลือหยุดอยู่ที่นักปราชญ์ 谣言止于智者 Yáoyán zhǐ yú zhìzhě หมายถึง หากไม่มีต้นตอ เมื่อคำนินทาว่าร้ายถูกส่งไปถึงนักปราชญ์ก็ย่อมจะไม่ถูกส่งต่อ เปรียบเปรยถึง ข่าวลือเป็แค่ข่าวลือเพราะไม่อาจวิเคราะห์ได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้