“ซุบซิบ...”
“จริงหรือเท็จกันแน่?”
“เดิมทีข้าอยู่ข้างคุณชายใหญ่ตระกูลมู่และแม่นางมู่เฉิงอิน แต่สิ่งที่จวิ้นจู่ฉู่หลิวซวงกล่าวมาก็น่าคิดไม่น้อย”
“ก็ใช่น่ะสิ ตกลงแล้วเกิดอันใดขึ้นกันแน่?”
“แต่หน้าตาและชื่อเสียงของตระกูลมู่เสียไปเพราะคุณหนูใหญ่ ข้าได้ยินว่านางพาลูกชายกลับมาด้วย ไม่รู้ว่าเป็บุตรของผู้ใด?”
เกิดการถกเถียงขึ้นทีละคน และทิศทางลมก็ถูกฉู่หลิวซวงหันเหไปทันที
สีหน้าของมู่เสวียนเย่เ็าดั่งน้ำค้างแข็ง เขาชักดาบในมือขึ้นชี้ไปที่ฉู่หลิวซวงทันที “ขอโทษเดี๋ยวนี้!”
เสียงนั้นเย็นะเื พยายามระงับความโกรธที่ะเื์อย่างเต็มที่
“ขอโทษหรือ? เื่ใดกัน จวิ้นจู๋ผู้นี้กล่าวผิดที่ใดหรือ? เพราะข้าปรักปรำน้องสาวของผู้บัญชาการมู่ หรือเพราะข้าเข้าใจความสัมพันธ์ของเ้ากับลูกพี่ลูกน้องของข้าผิด?”
ฉู่หลิวซวงหรี่ตาถามกลับ สีหน้าของนางไม่มีแม้แต่ร่องรอยของความหวาดกลัว นางมองตรงไปที่มู่เสวียนเย่ มั่นใจว่าเขามิกล้าลงมือ
“น้องสาวของข้าจะเป็เช่นไร เื่คงไม่ต้องให้ท่านเข้ามาสอด ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ ไร้ยางอายยิ่งนัก”
ดวงตาเ็าของมู่เสวียนเย่กวาดมองไปทั้งฉู่หลิวซวงและฉู่รั่วหลาน ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ที่ว่าก็หมายถึงนางทั้งสองคน
“เฮอะ... จวิ้นจู่ผู้นี้ไร้ยางอายหรือ? คำพูดนี้มิกล้ารับไว้ หากข้าไร้ยางอายจริง เช่นนั้นมู่อันเหยียนแห่งตระกูลมู่ที่ทรยศต่อสัญญาการแต่งงาน มั่วโลกีย์ในหอนางโลม และให้กำเนิดเด็กที่ไม่รู้ว่าบิดาเป็ใคร นั่นต่างหากที่เรียกว่าสำส่อนไร้ยางอาย ทว่าการที่เ้าเอาเปรียบลูกพี่ลูกน้องของข้า ล่วงเกินนาง แต่กลับไปหมั้นหมายแม่นางมู่ เช่นนั้นเ้าเองก็ไร้ยางอายต่อลูกพี่ลูกน้องของข้าเช่นกัน”
ฉู่หลิวซวงต่อปากต่อคำ ในดวงตาของนางฉายประกายยินดี คำพูดอาบยาพิษเช่นนี้เมื่อออกมาจากปากนาง ไม่ต้องพูดถึงว่าหัวใจของนางมีความสุขเพียงใด
“พูดอันใดของเ้า!”
มู่เสวียนเย่กัดฟันกรอด ดวงตาของเขาเปี่ยมด้วยความเ็าอาบย้อมขึ้นทีละชั้น ดาบในมือพลันพุ่งตรงไปที่คอหอยของฉู่หลิวซวงทันที
สีหน้าของฉู่หลิวซวงไม่เปลี่ยนแปลง ร่างกายนางไม่สั่นไหวแม้แต่น้อย นางสบตามู่เสวียนเย่กลับไป มิได้ปิดบังการยั่วยุในดวงตาเลยสักนิด นางจงใจยั่วโมโหเขา ขอเพียงมู่เสวียนเย่ลงมือ นางมีนับร้อยนับพันวิธีที่จะให้เขารับผิดชอบการกระทำของตนเองและผลที่ตามมา
คุณชายใหญ่ลงมือกับจวิ้นจู่ฉู่หลิวซวง เื่เช่นนี้มิอาจจบลงได้ง่ายๆ ไม่ต้องพูดถึงว่าสาเหตุเพราะนางแค่พูด ‘ความจริง’ เท่านั้น
แม้มู่เสวียนเย่จะโกรธจัด ทว่าเขายังไม่ละทิ้งเหตุผลและสติ เขามองเห็นจิตใจของสตรีชั่วร้ายผู้นี้ ปลายดาบจ่ออยู่ตรงหน้าคอหอยของนางเพียงหนึ่งนิ้ว ไม่ขยับเคลื่อนไปข้างหน้าอีก
มู่เฉิงอินขมวดคิ้ว นับว่านางมองออกแล้วเช่นกัน เจตนา้าเป็ศัตรูของฉู่หลิวซวงเด่นชัดยิ่งนัก นางต้องคิดหาวิธีที่จะคลี่คลายวิกฤตินี้ แต่นางไม่มีเงื่อนงำใดเลยสักนิด
“อย่างไรเล่า? สิ่งที่จวิ้นจู่เช่นข้ากล่าวมาไม่จริงหรือ? ผู้บัญชาการมู่้าลงมือกับข้าหรือ?”
ฉู่หลิวซวงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงของนางกระแหนะกระแหนเป็อย่างยิ่ง
มู่เสวียนเย่หรี่ตาลงอย่างเ็า ดาบในมือของเขากำลังจะขยับ แต่ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงพลังปราณอันลึกล้ำที่หลั่งไหลอยู่ข้างหลังเขา จากนั้นก็มีวัตถุหนึ่งถูกโยนออกมาจากฝูงชนโดยฉับพลัน พุ่งตรงไปที่ใบหน้าของฉู่หลิวซวง
ฉู่หลิวซวงมิใช่คนโง่งม นางหันศีรษะหนี ก้าวถอยหลังหลบวัตถุที่โยนมา
เสียงกระแทกดังลั่น วัตถุถูกฝังลึกเข้าไปในผนังของทางเดิน ทุกคนหันมองตาม ที่แท้เป็เศษเงินก้อน
"เป็ผู้ใด?”
ใบหน้าของฉู่หลิวซวงเ็าเป็อย่างยิ่ง นางพูดอย่างเคร่งขรึมเฉียบขาด ดวงตาของนางกวาดมองไปทางฝูงชนอย่างดุร้ายทันที
ผู้คนที่ได้รับสายตาเฉียบคมนั้นพากันแหวกออกจากกันเป็สองฝั่ง ด้วยเกรงว่าจะโดนลูกหลงโทสะของฉู่หลิวซวงเข้า อีกทั้งยังเบิกตากว้างเพื่อรอดูว่าเป็ผู้ใดที่ช่างกล้าหาญขนาดลอบโจมตีจวิ้นจู่กัน
มวลประชาแหวกทางออกทีละคน เผยให้เห็นเงาร่างของฮวาเหยียนที่ซ่อนอยู่ท่ามกลางฝูงชน
นางแต่งกายด้วยชุดกระโปรงสีขาว หุ่นเพรียวบาง ผิวพรรณเรียบเนียน เส้นผมดำขลับ แต่งกายงดงาม ใบหน้าละเอียดอ่อน รูปลักษณ์งดงามเย้ายวน
“ไอ้หยา สตรีผู้นี้เป็ใครกัน ช่างงดงามเป็เอกในใต้หล้า”
“เหตุใดคุณชายเช่นข้าจึงไม่รู้ว่าในต้าโจวมีแม่นางที่งดงามเช่นนี้มาก่อน”
“ไม่รู้ว่าสตรีนางนี้ออกเรือนแล้วหรือไม่?”
ทันทีที่ฮวาเหยียนปรากฏตัว ดวงตาของชายหนุ่มทุกคนในโรงน้ำชาก็สว่างไสวขึ้น ทุกคนล้วนจ้องมองไปที่นาง คิดเพียงว่านางรูปโฉมงดงาม ดูคุ้นตานัก
อย่างไรก็เป็บุรุษ ั้แ่โบราณมาย่อมโปรดปรานสตรีงาม
โดยเฉพาะสาวงามสะท้านแผ่นดินเช่นฮวาเหยียน เพียงมองก็ทำให้คนสูญเสียิญญาได้ในพริบตา
ก่อนหน้านี้นางสวมผ้าคลุมเพื่อซ่อนตัวในฝูงชน นอกจากนี้ในโรงน้ำชาเดิมก็มีคุณชายและคุณหนูสูงศักดิ์มากมายอยู่แล้ว นางจึงไม่ได้รับความสนใจใดๆ เป็พิเศษ ทว่าการปรากฏตัวครั้งนี้กลับดึงดูดความสนใจของทุกคนได้ทันที
“น้องหญิง?”
ใบหน้าของมู่เสวียนเย่เ็า คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่น เนื่องจากคำพูดของฉู่หลิวซวง พาให้ทั้งร่างเขาเปี่ยมด้วยโทสะ โกรธจนถึงจุดเยือกแข็ง
หากไม่ใช่เพราะมู่เฉิงอินกดเข้าที่แขน เขาผู้สงบนิ่งอยู่เสมอคงมิอาจต้านทานฉู่หลิวซวงได้แล้วตบนางจนกระเด็น
แต่ในเวลานี้ จู่ๆ ก็มีคนลงมือ
เขามองตามสายตาของฝูงชนไปและเห็นดวงหน้างามล่มเมืองของผู้เป็น้องสาว เพียงแต่ตอนนี้ใบหน้านางเ็าเหลือแสน ไร้รอยยิ้ม ทั้งั์ตาก็เย็นเฉียบดั่งน้ำค้างแข็ง ต่างกันเป็อย่างยิ่งกับั์ตาฉลาดเฉลียวแสนเ้าเล่ห์ซึ่งปรากฏยามอยู่ที่จวน ดังนั้นเขาจึงส่งเสียงร้องออกมาโดยไม่รู้ตัว
ด้วยเสียงนี้ ฮวาเหยียนจึงเงยหน้าขึ้น มุมปากของนางหยักโค้งเป็รอยยิ้มบาง “พี่ใหญ่”
รอยยิ้มนี้ราวกับมวลบุปผานับร้อยบานสะพรั่ง งดงามเกินพรรณนา
เกิดเสียงสูดลมหายใจเข้าเบาๆ จากฝูงชนโดยรอบ บรรดาคุณชายสูงศักดิ์ราวกับได้ยินเสียงหัวใจของตนเองสั่นไหว
หลังจากผ่าน่เวลาตื่นตาตื่นใจ อารมณ์อื่นก็ะเิขึ้นในสายธารแห่งความคิดทันที น้องสาว? น้องสาวของมู่เสวียนเย่? นั่นคือผู้ใด? มู่เสวียนเย่มีน้องสาวกี่คน? คนเดียว! เช่นนั้นสตรีนางนี้ก็คือมู่อันเหยียนแห่งตระกูลมู่
ซุบซิบ
ไอ้หยา
ขึ้นลงพลิกผัน แปรปรวนเป็อย่างยิ่ง ทั้งสุขและเศร้า
เมื่อครู่ยังคิดอยู่ว่าแม้ต้องเสียแรงและกำลังมากมายเพียงใดก็ต้องทำให้แม่นางผู้นี้ปรายตามองให้จงได้ แต่พริบตาเดียวกลับรู้ว่านางคือคุณหนูใหญ่ตระกูลมู่ผู้มีชื่อเสียงฉาวโฉ่โด่งดังไปทั่วเมืองหลวง
ช่าง...เกินคำบรรยายจริงๆ
เช่นนั้นทุกอย่างล้วนถูกต้องแล้ว!
หากกล่าวกันว่าเมืองหลวงของต้าโจวมีสตรีผู้ใดรูปโฉมงดงามเพริศแพร้วกว่าจวิ้นจู่ฉู่หลิวซวง เช่นนั้นคงมิอาจพลาดมู่อันเหยียนแห่งตระกูลมู่ไปได้แน่
ฮวาเหยียนยกเท้าขึ้นตั้งใจก้าวเดินเข้าไปในห้อง ผู้ชมที่อยู่รอบๆ ต่างถอยหลังแหวกสองข้างแยกเป็ทางให้โดยไม่รู้ตัว หลีกทางให้ฮวาเหยียนทันที
“ขอบใจ”
ฮวาเหยียนยิ้มให้คนที่อยู่ใกล้ตัวนาง
"มะ ไม่เป็ไรขอรับ”
ใบหน้าของคุณชายผู้นั้นแดงก่ำ หัวใจของเขาเต้นแรงดัง “ตึกตัก”
ขณะนี้ทุกสายตาที่อยู่บนชั้นสองของโรงน้ำชาซินเยว่พลันร่วงหล่นลงบนร่างของฮวาเหยียน ทว่าดูเหมือนนางจะไม่รู้สึกอันใดเลยสักนิด กลับค่อยๆ เดินไปหามู่เสวียนเย่ทีละก้าว
“พี่ใหญ่”
“พี่สะใภ้มู่”
ฮวาเหยียนยืนอยู่ตรงหน้ามู่เสวียนเย่ นางส่งยิ้มให้พี่ชายคนโตของตน จากนั้นก็หันศีรษะไปหรี่ตามองมู่เฉิงอิน เพียงเปิดปากก็ทำให้มู่เฉิงอินหน้าแดงก่ำ
พี่สะใภ้มู่? เรียกขานเช่นนี้ หมายความว่ายอมรับนางแล้วหรือ?
มู่เฉิงอินมองไปที่มู่เสวียนเย่โดยไม่รู้ตัว มู่เสวียนเย่เองก็หน้าแดงกับคำเรียกขานที่ตรงไปตรงมาของฮวาเหยียนเช่นกัน เขากระแอมไอ ก่อนจ้องนางอย่างมิได้น่ากลัวเลยสักนิด “น้องหญิง อย่าก่อเื่”
ฮวาเหยียนหัวเราะ พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ไม่ก่อเื่เ้าค่ะ ไม่ก่อเื่”
นางเดินเข้าไปหามู่เฉิงอินอีกครั้งและกอดแขนอีกฝ่ายอย่างสนิทสนม “พี่สะใภ้มู่ ข้าได้ยินทุกคำที่ท่านกล่าวเมื่อครู่แล้ว ขอบคุณที่ปกป้องพี่ใหญ่ของข้า ตัวข้า และตระกูลมู่ของเรา”
ตอนนี้มู่เฉิงอินรู้สึกตื่นเต้นมากจริงๆ
แต่เดิมนางก็ชื่นชมมู่อันเหยียนแห่งตระกูลมู่มานานปีแล้ว นับถืออีกฝ่ายเป็แบบอย่าง มิเคยแปรเปลี่ยนตลอดหลายปีมานี้ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะได้พบกันเช่นนี้ สตรีที่นางนับถือเป็แบบอย่างมายืนอยู่ตรงหน้านาง กอดแขนนางอย่างสนิทสนม เรียกขานนางว่าพี่สะใภ้ ทั้งกล่าวขอบคุณนางอย่างจริงใจ
อีกทั้ง...นางสังเกตเห็นความคุ้นเคยที่ปรากฏบนร่างของคุณหนูใหญ่ตระกูลมู่
เสียงนี้...ร่างนี้?
“น้องหญิงมู่อันเหยียน นี่คือคำกล่าวจากใจของเฉิงอิน ทุกคนในตระกูลมู่ของท่านควรค่าแก่การชื่นชมเช่นกัน”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้