หนิงมู่ฉือมองจดหมายที่เคยอยู่ในอกเสื้อที่ถูกแย่งเอาไปด้วยสีหน้าตระหนก นางยื่นมือออกไปหมายจะแย่งเอาจดหมายคืนมา “หลินมู่ เอาจดหมายคืนมาให้ข้า!”
หลินมู่มีสีหน้าเ็า “ท่านต้องจำเอาไว้ว่าท่านคือคุณหนูใหญ่แห่งจวนแม่ทัพ! ไม่ใช่แม่ครัวของตำหนักอ๋องของพวกสกุลจ้าว ใต้หล้านี้เดิมทีเป็ของท่านแม่ทัพ!”
หนิงมู่ฉือสะดุ้งด้วยความใ “เ้าพูดอันใดของเ้า! รู้หรือไม่ว่าพูดเยี่ยงนี้เท่ากับเป็ฏ!”
“ในใจของข้าน้อย ท่านแม่ทัพต่างหากคือเ้านายของใต้หล้านี้!” หลินมู่ยังคงเอ่ยด้วยน้ำเสียงคับแค้นใจ หนิงมู่ฉือมองหลินมู่ที่ตอนนี้ราวกับกลายคนบ้าไปแล้วอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง หลินมู่หยิบจดหมายออกมาจากในอกเสื้อของตัวเอง ยิ้มพร้อมกับเอ่ยว่า “นี่ต่างหากถึงจะเป็จดหมายของจริงที่ฮูหยินทิ้งไว้ให้ท่าน! ฮูหยินตายก็เพื่อท่าน คุณหนูยังไม่เข้าใจอีกหรือ!”
หลินมู่ขว้างจดหมายลงบนพื้นต่อหน้าหนิงมู่ฉืออย่างแรง หนิงมู่ฉือมองจดหมายที่อยู่บนพื้นด้วยตัวสั่นเทา
ตัวนางยังคงสั่นเทาขณะขบคิด เพื่อท่านแม่หรือเพื่อตัวเอง ในใจนางตอนนี้สับสนยิ่งนัก
หลินมู่ยังไม่หยุดอาละวาด จับตัวนางขึ้นมาพร้อมกับเขย่า “ท่านทำเช่นนี้เท่ากับเป็คนทรยศของสกุลหนิง เท่ากับกลายเป็สุนัขรับใช้ของสกุลจ้าว เท่ากับมีชีวิตอยู่ไปวันๆ โดยไม่สนใจสิ่งใด เท่ากับกลายเป็สตรีที่ลืมความแค้นเพียงเพราะหลงรักบุรุษผู้หนึ่ง ท่านไม่ใช่คุณหนูแห่งจวนแม่ทัพ ท่านคือหนิงมู่ฉือตัวปลอม ท่านบอกมาสิว่าท่านคือใครกันแน่!”
“ไม่ใช่! ข้าคือหนิงมู่ฉือ! ข้าคือคุณหนูผู้สูงศักดิ์แห่งสกุลหนิง! ชีวิตนี้ข้าอยู่เพื่อแก้แค้นเท่านั้น!”
นางะโอย่างดุดันด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ก่อนจะสะบัดให้หลุดจากการเกาะกุมของหลินมู่ แล้ววิ่งหนีออกจากบ้านกลับไปที่ประตูด้านหลังตำหนักอ๋อง
นางหอบหายใจด้วยความเหนื่อย นางพยายามอย่างยิ่งที่จะบังคับลมหายใจให้กลับมาเป็ปกติ เมื่อนางเดินเข้าไปในตำหนักอ๋อง นางกลับไปยังห้องของตัวเอง ครั้นเข้ามาอยู่ในห้อง นางหยิบจดหมายออกมาอย่างระมัดระวัง
ด้านหน้าจดหมายเขียนเอาไว้ว่า ถึงมู่ฉือลูกรัก
นางเปิดจดหมายออกอ่าน บนนั้นคือตัวหนังสือสละสลวยของมารดาซึ่งเขียนเอาไว้ว่า มู่ฉือลูกรัก เมื่อใดที่เ้าได้อ่านจดหมายฉบับนี้ นั่นหมายความว่าแม่ไม่ได้อยู่ข้างกายเ้าอีกแล้ว เื่ที่เกิดขึ้นมันเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เพื่อปกป้องชีวิตของลูก แม่ได้ส่งคนไปคอยรอรับเ้าอยู่ที่เยี่ยนฉือแล้ว สกุลหนิงบริสุทธิ์ ลูกรัก ลูกต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้แก่สกุลหนิง ให้สกุลหนิงของเราสามารถเผชิญหน้ากับคนใต้หล้านี้ได้อีกครา!
นางอ่านจดหมายด้วยใจเต้นแรง ใช้มือลูบตัวอักษรแต่ละตัวที่อยู่บนจดหมาย ราวกับััได้ถึงความอบอุ่นจากมารดาผ่านตัวอักษรเหล่านี้ นั้นทำให้นางกลั้นน้ำตาไม่อยู่ หลินมู่คงจะรู้เื่นี้นานแล้ว แล้วเหตุใดถึงไม่บอกนาง นางรู้สึกสงสัยยิ่งนัก
ทันใดนั้นเองประตูห้องถูกผลักเปิดเข้ามา นางรีบยัดจดหมายเข้าไปในแขนเสื้อ ผู้ดูแลห้องครัวพาร่างอันอุดมไปด้วยไขมันเดินเข้ามา ริมฝีปากยกเป็รอยยิ้มขณะเอ่ย “แม่นางหนิงช่างโชคดีเหลือเกิน ข้าไม่เคยได้ยินเลยว่า มีผู้ใดเข้าไปในคุกหลวงแล้วจะสามารถรอดออกมาได้”
นางส่งยิ้มให้อีกฝ่าย สีหน้าหม่นเศร้าอ้างว้าง
ผู้ดูแลห้องครัวรู้ได้ทันทีว่าตนเองเข้ามาไม่ถูกเวลา นางเดินตรงเข้าไปหาหนิงมู่ฉือก่อนจะเอ่ยถามอย่างเป็ห่วง “แม่นางหนิง เ้าเป็อันใดหรือไม่”
หนิงมู่ฉือส่ายหน้า ครั้นเห็นผู้ดูแลห้องครัวยื่นมือมาหยิบเขียง นางเอ่ยถามอย่างสงสัย “ท่านผู้ดูแลจะนำเขียงไปทำอาหารหรือ”
ผู้ดูแลยิ้มตอบ “ท่านอ๋องกล่าวว่า วันนี้เ้าได้รับความใมากแล้ว จึงอยากให้เ้าพักผ่อนให้เยอะๆ หลายวันต่อจากนี้เื่อาหารให้ข้าเป็ผู้รับผิดชอบแทน”
หนิงมู่ฉือส่ายหน้า ยื่นมือไปจะเอาเขียงจากในมือผู้ดูแลห้องครัวมาถือไว้เอง “ข้าไม่เป็ไรเ้าค่ะ ยกหน้าที่นี้ให้ข้า ข้ามีเื่อยากจะพูดกับท่านอ๋องอยู่พอดี”
ผู้ดูแลห้องครัวเห็นเช่นนั้น จึงยื่นเขียงคืนให้ จากนั้นเดินตามหนิงมู่ฉือเข้าไปในห้องครัว
ครั้นหนิงมู่ฉือเข้ามาในห้องครัว ได้เห็นบรรดาหม้อไหกระทะที่คุ้นเคยก็ถอนหายใจออกมา นางหยิบผักกาดขาวมาซอยเป็ชิ้นเล็กๆ ก่อนจะหยิบไก่ทั้งตัวที่ถูกทำความสะอาดแล้วมายัดด้วยโป๊ยกั๊ก ใบกระวาน สาลี่ เจินกั่ว[1] และเครื่องปรุงรสที่ทำการหมักเอาไว้นานแล้วเข้าไป จากนั้นนำไปใส่ในหม้อ จุดเตาถ่านเพื่อต้มมัน
ผู้ดูแลห้องครัวเห็นการทำอาหารอย่างคล่องแคล่วของหนิงมู่ฉือก็ตาโต ปรบมืออย่างชื่นชม
นางยิ้มให้ผู้ดูแลห้องครัว “นานแล้วที่ท่านอ๋องไม่ได้ทานอาหารฝีมือข้า ข้าจึงอยากจะทำอาหารสักหลายอย่างหน่อย”
ไม่นานทั้งห้องครัวก็อบอวลไปด้วยกลิ่นอาหารอันหอมหวน ผู้ดูแลห้องครัวถึงขั้นอดใจไม่ไหวน้ำลายไหลออกมา นางเห็นเช่นนั้นก็ถอนหายใจอย่างเอ็นดู ก่อนจะใช้ตะเกียบคีบเนื้อชิ้นเล็กๆ จากในหม้อขึ้นมา แล้วยื่นไปตรงหน้าผู้ดูแลห้องครัว “ลองทานสิเ้าคะ”
ผู้ดูแลห้องครัวมองหนิงมู่ฉืออย่างขอบคุณ “ขอบใจเ้ามาก” จากนั้นใช้ปากงับเนื้อชิ้นนั้นอย่างรวดเร็ว นางเห็นท่าทางเช่นนั้นของผู้ดูแลห้องครัวก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
กลิ่นหอมจากในห้องครัวลอยไปถึงห้องของท่านอ๋อง ท่านอ๋องในตอนนี้รู้สึกปวดศีรษะยิ่งนัก อาจจะเป็เพราะว่าหลายวันมานี้เครียดเื่หนิงมู่ฉือมากก็เป็ได้ ร่างกายจึงรับไม่ไหว
ครั้นได้กลิ่นหอม สติกลับมาแจ่มชัดโดยพลัน เอ่ยถามพ่อบ้านซึ่งยืนอยู่ด้านข้าง “เ้าได้กลิ่นอะไรหรือไม่” ท่านอ๋องนึกว่าตัวเองกำลังฝันไป
พ่อบ้านยิ้มพร้อมกับตอบ “ได้ขอรับ ท่านอ๋องรู้สึกดีขึ้นแล้วหรือขอรับ”
ท่านอ๋องยิ้มแห้งออกมา “ดีขึ้นแล้ว สงสัยนางหนูหนิงจะคิดได้แล้ว จึงทำอาหารเพื่อแสดงความกตัญญูต่อข้า”
หนิงมู่ฉือตักอาหารใส่จาน ผู้ดูแลห้องครัวมองอาหารมากมายซึ่งวางอยู่บนโต๊ะอย่างไม่อยากจะเชื่อ มีทั้งหมูน้ำแดง เนื้อสับปั้นก้อนน้ำแดง เนื้อสันในเปรี้ยวหวาน ขาหมูเย็น และไก่หมักเหล้า…
นางส่งยิ้มบางๆ ให้ผู้ดูแลห้องครัว ก่อนจะเรียกให้สาวใช้ยกอาหารเหล่านี้ไปให้ท่านอ๋องที่ห้อง
ท่านอ๋องมองหนิงมู่ฉือที่กำลังยิ้มขณะเดินเข้ามาในห้อง เขาลุกขึ้นแล้วเดินไปนั่งรอที่โต๊ะ พบว่าอาหารที่สาวใช้กำลังยกเข้ามามีแต่อาหารที่เขาชอบทานทั้งนั้น จึงรู้สึกดีใจเป็ที่สุด
หนิงมู่ฉือเข้ามาในห้องก็คุกเข่าลงตรงหน้าท่านอ๋อง
ท่านอ๋องเห็นเช่นนั้นมีสีหน้าใยิ่ง “นางหนูหนิง ทำอะไรของเ้า เกิดเื่ใดขึ้นหรือ”
หนิงมู่ฉือคำนับก่อนจะเอ่ย “ฉือเอ๋อร์ขอบคุณท่านอ๋องมากเ้าค่ะที่ช่วยชีวิตฉือเอ๋อร์เอาไว้ หากไม่ได้ท่านอ๋องและซื่อจื่อช่วยเหลือ ป่านนี้ฉือเอ๋อร์คง…”
ท่านอ๋องส่งยิ้มบางๆ ให้หนิงมู่ฉือ “นางหนูหนิง เ้าเกรงใจเกินไปแล้ว ลุกขึ้นมาคุยกันเถิด”
หนิงมู่ฉือพยักหน้าก่อนจะลุกขึ้นยืนปรนนิบัติท่านอ๋องขณะทานข้าว นางมองท่านอ๋องที่รับตะเกียบมาจากพ่อบ้าน มองท่านอ๋องใช้ตะเกียบคีบเนื้อน้ำแดงเข้าปากแล้วหลับตาเคี้ยวอย่างดื่มด่ำ ก่อนจะลืมตาแล้วเอ่ยชม “นางหนูหนิง ข้าชอบทานเนื้อน้ำแดงฝีมือเ้าที่สุดเลย นานแล้วที่ข้าไม่ได้ทานเนื้อน้ำแดงฝีมือเ้า”
ท่านอ๋องเอ่ยพร้อมกับตบไหล่หนิงมู่ฉือ “ข้าคุยกับฝ่าาเรียบร้อยแล้ว ต่อไปเ้าไม่ต้องเข้าไปทำหน้าที่สองขันทีพ่อครัวรุ่นใหม่แล้ว หลังจากนี้เ้าอยู่ที่นี่อย่างสบายใจได้เลย”
หนิงมู่ฉือได้ยินเช่นนั้น สิ่งที่นาง้าจะพูดนางกลับพูดไม่ออก ยิ่งเห็นท่านอ๋องทานอย่างเอร็ดอร่อย นางยิ่งไม่กล้ารบกวน จึงทำได้แค่ยืนปรนนิบัติอย่างเงียบๆ อยู่ด้านข้าง
[1] เจินกั่ว คือเฮเซลนัท
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้