บทที่ 45 ข้าจะสอนพวกเ้าอย่างหนึ่ง
“พอกันที พวกเ้านี่มันช่างไม่รู้จักใช้สมองเอาเสียบ้าง เดี๋ยวพี่ชายอย่างข้าจะสอนอะไรพวกเ้าอย่าง ดูนี่ ข้ามีสามสิบเหรียญฟ้า เห็นไหม แล้วอย่างไรน่ะหรือ? ข้าก็ไปหาแขกที่พักอยู่ที่นี่ แล้วยกเงินสามสิบเหรียญฟ้าให้ แลกกับห้องพักของพวกเขา พวกเ้าเดาสิ ในคนพวกนั้นจะมีกี่คนที่ยอมให้ห้องพักกับข้า?” ลั่วถูยิ้มอย่างเรียบเฉย จากนั้นเอียงศีรษะและกล่าวกับเถ้าแก่ว่า “เถ้าแก่ อย่างนี้คงไม่ผิดกฎการค้าของท่านกระมัง หากยินยอมให้ห้องเอง ก็เป็การค้าระหว่างลูกค้า ฝ่ายหนึ่งยอมขายอีกฝ่ายยอมซื้อ ข้อแรกท่านไม่ได้เสียความน่าเชื่อถือ ข้อสองคือท่านไม่เสียผลประโยชน์อะไร...”
“เื่นี้ ไม่ได้ผิดกฎของที่นี่จริงตามนั้น ห้องพักหากให้ปล่อยให้แขกเช่าแล้ว แขกจะจัดการอย่างไรก็เป็เื่ของแขก ไม่เกี่ยวข้องกับโรงเตี๊ยม แน่นอนว่าตัวข้าเถ้าแก่ของโรงเตี๊ยมขอรับประกันความปลอดภัยของแขกที่พักในโรงเตี๊ยมแห่งนี้ไม่ให้ได้รับการข่มขู่ ส่วนเื่อื่นขอเพียงไม่ทำลายผลประโยชน์ของที่นี่ ข้าจะไม่ถามไถ่เลยสักคำ!” เถ้าแก่คิดไปคิดมา ใบหน้าที่เต็มไปด้วยไขมันก็ขยับเป็รอยยิ้มเห็นเป็ชั้นๆ แววตาที่มองลั่วถูเปี่ยมด้วยท่าทีชื่นชมอย่างมาก
“เถ้าแก่ก็กล่าวแล้วว่ามีแขกมาพักหกสิบแปดห้อง ถ้าศิษย์พี่หม่าจะไล่ข้าออกจากโรงเตี๊ยมแห่งนี้จริง เพื่อทำให้ข้าไม่อยู่ที่นี่ เ้าคงต้องเตรียมเงินสองพันสี่สิบเหรียญฟ้าซิงเหินเชียวหรือ?” ใบหน้ายิ้มแย้มของลั่วถูถามกลับไปยังหม่าทงเทียน... ทำเอาสีหน้าของหม่าทงเทียนหมองลงในทันที
หลิ่วฉิงคงกับพวกศิษย์ของสำนักตูหลิงก็ล้วนพูดไม่ออกไปตามๆ กัน บัญชีที่ลั่วถูคิดให้พวกเขา ทำเอาพวกเขาดูโง่งมขึ้นอย่างเฉียบพลัน นี่มันไม่ใช่แค่สี่สิบเหรียญฟ้า แต่เป็สองพันสี่สิบเหรียญ ต่อให้ตระกูลหม่ากับตระกูลหลิ่วจะมีเงินมากมาย ก็ไม่มีทางปล่อยให้พวกเขาพกเงินมากขนาดนี้แน่ อีกทั้งถ้าเกิดคนในตระกูลรู้เข้าว่าพวกเขาใช้เงินถึงสองพันสี่สิบเหรียญฟ้าเพื่อไล่คนที่ยังไม่แม้แต่จะเปิดิญญาออกจากโรงเตี๊ยมแห่งนี้ พวกเขาคงโดนตระกูลตัดแขนสะบั้นขาเข้าจริงแน่!
ในขณะที่หม่าทงเทียนเห็นเถ้าแก่อ้วนยกนิ้วโป้งให้ลั่วถู เขาแทบกระอักเืแล้ว เดิมทีเขาเพียงอยากให้ลั่วถูต้องอับอาย ทว่าตอนนี้กลับเป็ฝ่ายถูกลั่วถูสร้างความอัปยศคืนให้อีกครั้ง มิหนำซ้ำยังดูถูกความรู้ด้านธุรกิจของพวกเขาว่าสมองใช้การไม่ได้อีกจนพวกเขาถึงกับพูดไม่ออก... ตอนนี้ของพวกเขาถึงขนาดลอบตัดสินใจไปแล้วว่าต้องไม่ปล่อยให้เ้าตัวน่ารังเกียจนี่กลับไปถึงสำนักจ๋าเสวียได้เท่านั้นถึงจะล้างแค้นครั้งนี้ได้!
“บางทีข้าอาจไม่ต้องใช้ถึงสามสิบเหรียญเพื่อซื้อห้องต่อจากคนอื่น จ่ายแค่สองเหรียญก็คงพอแล้ว หรือไม่แค่เหรียญเดียวก็คงทำให้มีคนยอมยกห้องให้แล้วก็ได้ แต่ถ้ามีคนคิดจะแข่งราคากับข้า ข้าก็อาจต้องจ่ายสักยี่สิบหรือสามสิบเหรียญ แต่ก็เป็ไปได้ว่าบางทีทั้งตัวของข้าอาจแค่สามสิบเหรียญก็ได้ แต่ศิษย์พี่หม่าจะยอมเล่นกับศิษย์น้องอย่างข้าจริงหรือ?” ลั่วถูเก็บเงินของตัวเองที่อยู่บนโต๊ะกลับไป หลังจากนั้นเหลือเพียงสองเหรียญไว้บนโต๊ะ พลางถามกลับด้วยใบหน้าจริงจัง
“ไป... ” หม่าทงเทียนไม่มีคำใดจะกล่าวออกมาอีก สะบัดชายเสื้อพลางหมุนตัวเดินขึ้นสู่ชั้นบน ตอนนี้เขารู้ดีว่าไม่ว่าเขาจะกล่าวอะไรออกไปก็มีแต่จะทำให้ตัวเองอัปยศยิ่งกว่าเดิม แค่แรกเริ่มก็เหมือนตกลงไปในแผนการของลั่วถูแล้ว ทำให้เขาเสียเงินไปถึงสี่สิบเหรียญฟ้าเพียงเพื่อเหมาห้องคืนหนึ่ง อีกทั้งห้องส่วนใหญ่ก็ยังว่างอยู่ ถ้าเสียเงินก้อนนี้ไปแล้วเอาชนะลั่วถูได้ก็นับว่าคุ้ม ทว่าสิ่งที่น่าโมโหที่สุดคือไม่เพียงไม่อาจสร้างความอัปยศให้ลั่วถูได้ แต่กลับถูกลั่วถูมอบความอัปยศคืนให้เสียอีก แล้วแบบนี้จะห้ามไม่โมโหได้อย่างไร
เมื่อเห็นหม่าทงเทียนที่เดินขึ้นไปอย่างหัวเสีย ลั่วถูจึงอดหัวเราะไม่ได้ จากนั้นยักไหล่พลางกล่าวกับเถ้าแก่ว่า “เถ้าแก่อ้วนข้าขอสองห้องในคืนนี้ ส่วนนี่ค่าอาหารของท่าน”
“ฮ่าฮ่า ไม่มีปัญหา ลุงอ้วนของเ้าวันนี้อารมณ์ดี จะให้เ้าพักสองห้อง ส่วนค่าใช้จ่ายทั้งหมดข้าออกให้เอง อย่างไรเสียก็มีคนจ่ายให้เ้าแล้ว! นี่เป็เลขห้องกับกุญแจของทั้งสองห้อง สองห้องนี้ไม่รวมกับห้องที่พวกเขาเหมาไว้ ไม่นับว่าเป็การทำลายชื่อเสียงของข้าแน่นอน” ใบหน้ายิ้มแย้มของเถ้าแก่ เห็นได้ชัดว่าคุ้นเคยกับลั่วถูอยู่พอสมควรทีเดียว
“แต่ว่าเ้าต้องระวังตัวให้ดีด้วย คนที่เ้าล่วงเกินเป็ถึงตระกูลหม่ากับตระกูลหลิ่ว เื่ที่จะทำให้เ้ากลับไปไม่ถึงสำนักจ๋าเสวียคงไม่ได้พูดเล่น” เถ้าแก่อ้วนเตือนลั่วถู
“ไม่ใช่ยังมีผู้พิทักษ์อยู่หรือ? ข้าเป็เพียงคนธรรมดา... ” ลั่วถูไม่สนใจ ที่จริงเขารู้อยู่แล้วว่าที่เถ้าแก่อ้วนกล่าวมาไม่ใช่เื่หลอกลวง หากหม่าทงเทียนกับหลิ่วฉิงคงคิดสังหารเขา ก็มีโอกาสมากมายระหว่างทางกลับสำนักจ๋าเสวีย และผู้พิทักษ์ก็ไม่ได้เป็ิญญาเทพ ไม่อาจรับรู้เื่ราวทั้งหมดในป่านอกเมืองเว่ยยางได้
“ถ้าเ้าจะไปจริงๆ จะรออีกสักสองสามวันก็ได้ ได้ยินว่าเ้าสำนักเหมยแห่งสำนักจ๋าเสวียจะมาที่เมืองเว่ยยาง ถึงเวลานั้นถ้ากลับพร้อมกลุ่มของเขา ก็ไม่มีใครกล้าวางแผนชั่วแล้ว... ”
“เื่นั้นเอาไว้ก่อน ท่านทำธุรกิจของท่านไปเถอะ แล้วพวกวัตถุอาคมครั้งที่แล้วใช้แทนได้ไหม มีอะไรต้องปรับแต่งหรือไม่?” ลั่วถูคิดสักพักแล้วจึงถามออกไป
“ก็พอใช่ได้ ตอนนี้ยังไม่มีปัญหาอะไร หลังจากใช้ของลงอาคมพวกนั้นในสนามรบแทน ก็ปรากฏว่าประสิทธิภาพของอาคมเพิ่มขึ้นถึงสามเท่า เ้าหนุ่มน้อย บอกข้ามาเสียดีๆ ของพวกนั้นเป็กระดูกของสัตว์อสูรใช่หรือไม่? เ้ารู้ได้อย่างไรว่าของพวกนี้ลงอาคมได้... ”
“ข้าบอกท่านไปตั้งนานแล้ว นายน้อยอย่างข้ามาจากโลกชั้นสูง ถึงจะไร้ประโยชน์ไปเสียหน่อย แต่เื่ที่รู้ก็มากกว่าคนอื่นเท่าตัว ส่วนเื่ของวัตถุว่าแท้จริงแล้วคือสิ่งใด เป็ความลับทางธุรกิจ ขืนบอกท่านไป หลังจากนี้ข้าจะไปหาเงินจากไหนกันเล่า แต่ว่าก็ว่าเถอะ ต่อให้ข้าบอกท่านว่าเป็กระดูกสัตว์อสูร ท่านก็ไม่มีทางรู้อยู่ดีว่าเป็สัตว์ชนิดไหนไม่ใช่หรือ? สัตว์อสูรทุกชนิดมีความพิเศษของมัน กระดูกของสัตว์อสูรที่ต่างกันประโยชน์ก็ต่างกัน หากพลาดไปสักชิ้น ก็จะทำให้วัตถุอาคมทั้งหมดพังทลายได้ ข้าขอเตือนเ้าอย่าไปทดลองเลยจะดีที่สุด!” ลั่วถูกล่าวอย่างสงบนิ่ง
“ก็ได้ รู้แล้วว่าเ้าฉลาด มีหัวด้านทำธุรกิจ ไม่เช่นนั้น จะสะสมยาเปิดิญญาจนพอเปิดิญญาครั้งที่เจ็ดได้เร็วขนาดนี้ได้อย่างไร เสียดายก็แต่รากิญญาของเ้ามันช่างไร้ประโยชน์เสียเหลือเกิน คนที่ทนเปิดิญญามาถึงครั้งที่เจ็ดแต่ยังไม่สำเร็จอยู่อีก เท่าที่ข้าเคยเห็นมา เ้าเป็คนที่ไร้พร์ที่สุด หาแย่กว่านี้ไม่มีแล้ว” ดวงตาของเถ้าแก่อ้วนสำรวจไปทั่วร่างของลั่วถู จากนั้นได้แต่ถอนหายใจอย่างหมดคำพูด
“สายตาของเ้าเฉียบคมนัก ถึงกับมองออกว่าข้าเปิดิญญาครั้งที่เจ็ดแล้ว... ” ลั่วถูใเล็กน้อย เขาเปิดิญญาล้มเหลว ถึงได้ยังเป็คนธรรมดาคนหนึ่ง แต่เ้าอ้วนนี่กลับรู้ว่าเขาลองเปิดิญญาอีกครั้งแล้ว ช่างมีสายตาเฉียบคมไม่เบา ตอนครั้งที่แล้วเขาเปิดิญญาครั้งที่หก เ้าอ้วนก็รู้เช่นกัน สำหรับเขาผู้เป็ขยะที่เปิดิญญาล้มเหลวมาแล้วถึงห้าครั้งแล้ว ก็คงไม่ใช่ความลับอะไรอีกต่อไป
“มันจะไปยากอะไร กลิ่นยาเปิดิญญาบนร่างของเ้าคลุ้งไปหมด จมูกของคนอ้วนอย่างข้ามีพร์เป็พิเศษ การที่กลิ่นยาเปิดิญญาของเ้ายังไม่จางไป แสดงว่าใน่หลายวันมานี้เ้าไม่ได้กินไปแค่เม็ดสองเม็ดแน่นอน ครั้งที่แล้วเ้าเปิดิญญาครั้งที่หกไป แถมการกินยาเปิดิญญาไปมากขนาดนั้นย่อมไม่ใช่เพื่อรักษาอาการาเ็ ดังนั้นต้องเป็การเปิดิญญาครั้งที่เจ็ดไม่ผิดแน่ ยาเปิดิญญาถึงหกสิบสี่เม็ดเชียวนะ เ้าหนุ่มน้อยเ้านี่มันหาเงินเก่งจริงๆ !” เถ้าแก่อ้วนอดกล่าวชมไม่ได้
“พอได้แล้ว อย่ามาคุยโวตรงนี้เลย พวกเรารู้ไส้รู้พุงกันดี คุยโวไปก็มีแต่จะทำให้คนอื่นหัวเราะเอาเปล่าๆ ครั้งนี้ข้านำของดีกลับมาหลายชิ้น ข้าเตรียมไว้ให้พี่อ้วนช่วยข้านำไปประมูลให้ที... ”
“ไป พวกเราไปคุยกันหลังร้านเถอะ!” เ้าอ้วนลากพนักงานมาคนหนึ่งแล้วออกคำสั่งว่า “วันนี้โรงเตี๊ยมแห่งนี้ห้องพักเต็มแล้ว ไม่รับแขกเพิ่ม เ้าเฝ้าข้างหน้านี่ไว้ให้ดี”
“ลุงอ้วนท่านไปจัดการธุระเถิด ตรงนี้มีข้าอยู่ ไม่เกิดเื่แน่!” ใบหน้าพนักงานยกยิ้ม รอยยิ้มนั้นดูแล้วคลับคล้ายคลับคลากับเ้าอ้วนผู้นี้อยู่หลายส่วนทีเดียว
……
สีหน้าของหม่าทงเทียนถมึงทึงจนน่ากลัว เขาไม่สนใจเหรียญฟ้าสี่สิบเหรียญแต่อย่างใด แต่เป็เพราะเขาพบว่าตนลั่วถูเล่นงานเข้าแล้ว อีกทั้งยังหยอกล้อและทำให้เขาต้องอัปยศอย่างไม่เกรงกลัวอีกต่างหาก
สีหน้าของหลิ่งฉิงคงเองก็ย่ำแย่จนดูไม่ได้ถึงขีดสุดเช่นกัน เขาหลิ่วฉิงคงไม่เพียงเป็อัจฉริยะของตระกูลหลิ่ว แต่ยังเป็ยอดฝีมือแห่งสำนักตูหลิงอีกด้วย ั้แ่เล็กจนโตไม่เคยรังเกียจใครมากขนาดนี้มาก่อน เมื่อครู่เขาโดนลั่วถูดูถูกอย่างเปิดเผยทว่าแทบไม่อาจตอบโต้ได้เลย
“เ้าลั่วถูนี่มันเป็ใครมาจากไหนกันแน่?” หลิ่วฉิงคงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หวังข่มความโมโหในใจลง ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยได้ยินชื่อลั่วถูมาก่อน ในสำนักจ๋าเสวียถึงจะมีคนดังอยู่บ้าง แต่ไม่มีเ้าลั่วถูผู้นี้แน่นอน แต่เมื่อเห็นหม่าทงเทียนเข้าไปหาเื่อย่างไม่มีเหตุผล ก็คาดว่าในสำนักจ๋าเสวียเ้าหมอนี่คงนับว่ามีชื่อเสียงอยู่บ้าง ไม่เช่นนั้นก็ไม่คู่ควรเป็ศัตรูกับหม่าทงเทียน
“ที่มาของเ้านั่นไม่ธรรมดาทีเดียว แต่กลับเป็ได้แค่ขยะคนหนึ่ง เคยได้ยินตระกูลลั่วแห่งเจียงหยินกล่าวว่า เ้านี่ถูกขับไล่มาจากโลกชั้นสูงจริง เหตุผลก็เป็เพราะรากิญญาของมันไร้ประโยชน์เกินไป แม้จะเปิดิญญาถึงห้าครั้งก็ไม่สำเร็จ ถึงได้ถูกตระกูลลั่วในโลกชั้นสูงทอดทิ้ง ซ้ำยังมีข่าวลือว่าเชื้อสายของครอบครัวหมอนั่นในโลกชั้นสูงถูกกดดันอย่างหนัก หมอนั่นถึงได้กลายเป็ผู้แพ้ เป็ขยะที่เปิดิญญาถึงห้าครั้งก็ไม่สำเร็จแต่กลับบังอาจแย่งที่นั่งในสำนักเทียนอี้ของข้า ข้าถึงได้บีบให้มันลาออกจากสำนักเทียนอี้ หลังจากนั้นเ้านี่ก็ไปยังสำนักซินตัน ยอมไปเป็ศิษย์รับใช้ จะดูอย่างไรข้าก็เห็นเ้านี่เป็ได้แค่ขยะรกหูรกตาเท่านั้น”
“ก็หมายความว่าเ้านี่เป็คนของตระกูลลั่วแห่งเจียงหยินเช่นนั้นหรือ? หากข้าจัดการเขาเสีย ตระกูลลั่วจะไม่ตอบโต้เอาหรือ!” หลิ่วฉิงคงใเล็กน้อย ถ้าเ้านี่เป็คนของตระกูลลั่วแห่งเจียงหยิน เช่นนั้นคงไม่ค่อยสะดวกลงมือเท่าไรนัก อย่างไรเสียตระกูลลั่วก็ไม่ใช่ตระกูลเล็กๆ ที่เที่ยวไปล่วงเกินได้
“ได้ยินมาว่าเ้านี่ไม่เป็ที่ยอมรับจากตระกูลลั่ว ไม่เช่นนั้นตอนที่อยู่ในสำนักเทียนอี้ตระกูลลั่วไม่มีทางปล่อยปละละเลยมันเช่นนี้แน่ ข้าคิดว่าต่อให้มันตายไป แค่จัดการให้เรียบร้อย ตระกูลลั่วไม่มีทางล่วงเกินอีกตระกูลที่ฐานะเท่าเทียมกันเพียงเพื่อขยะคนหนึ่งแน่!” หม่าทงเทียนตอบกลับอย่างมั่นใจ
“ได้ ข้าหลิ่วฉิงคงไม่เคยได้รับความอัปยศเช่นนี้มาก่อน เป็แค่ไอ้ขยะกลับกล้าหาเื่ข้าเช่นนี้ ข้าจะทำให้มันรู้ซึ้งถึงความห่างชั้นระหว่างคนที่เปิดิญญาแล้วกับคนธรรมดามันเป็อย่างไร!” หลิ่งฉิงคงกล่าวอย่างโเี้
“พี่หลิ่ว เ้าช่วยข้าตรวจสอบประวัติของโรงเตี๊ยมแห่งนี้ที เมื่อครู่เห็นเ้าหมอนั่นกับเ้าอ้วนสมควรตายคุยกันอยู่ตั้งนาน เกรงว่าพวกมันคงรู้จักกันมาั้แ่แรก เื่เมื่อครู่คงเป็เพียงหลุมพรางที่พวกมันขุดไว้ ความโกรธนี้ข้าไม่ยอมจบง่ายๆ แน่!” หม่าทงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึก ลั่วถูกับเ้าอ้วนต้องรู้จักกันอยู่แล้ว พอย้อนนึกถึงเื่เมื่อครู่ หม่าทงเทียนก็ยิ่งมั่นใจว่า ต้องเป็ลั่วถูกับเ้านั่นจงใจรวมหัวกันเล่นงานเขาไม่ผิดแน่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้