นะ นะนี่คงจะไม่ใช่ร้านขายของเล่นผู้ใหญ่หรือห้องใต้ดินที่พวกซาดิสต์เอาไว้ใช้กักขังหน่วงเหนี่ยวหรอกนะ?
บริเวณที่สายตาสามารถมองเห็นถูกโอบล้อมไปด้วยแสงโทนอุ่นตำแหน่งที่ติดกับผนังมีโซ่เหล็กสองเส้นห้อยลงมา ดูจากความยาวและความเงาแล้ว ก็สามารถบอกได้เลยว่ามันมีไว้เพื่อพันธนาการคนด้านที่ถัดจากโซ่เหล็กมีชั้นเหล็กอยู่แถวหนึ่งบนชั้นนั้นมีแท่งหยกหรรษาหลากหลายรูปแบบถูกจัดเรียงอย่างเป็ระเบียบเรียบร้อยแม้จะทำมาจากหยกขาวอันโปร่งแสงแวววาว แต่เมื่อนึกถึงการใช้งานของเขาผมก็อดกลืนน้ำลายไม่ได้ นอกจากนั้นอีกสองแถวด้านล่างยังเต็มไปด้วยพวกขวดและกระบอกจำนวนนับไม่ถ้วนและบนแจกันกระเบื้องสีขาวยังมีตัวอักษรสีดำสลักอยู่ผมหยิบมันขึ้นมาดูอย่างอยากรู้อยากเห็น คำว่า “ปลุกอารมณ์”สามคำนี้กระแทกตาสุนัขไทเทเนียม 24k[1] ของผมบอดในทันใด
มารดามันเถอะ! อวี๋เคอ นายมันโรคจิต!ไอ้ปีศาจบ้าซาดิสต์! ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าทำไมอาจิ่วถึงมองผมด้วยสายตาแบบนั้น ผมไม่โทษเขาเลยสักนิดเพราะคนปกติ (นก)คนไหนที่รู้จักสถานที่แบบนี้ก็รู้สึกละอายและกระดากปากที่จะพูดกันทั้งนั้นแล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึงเ้าเด็กอาจิ่วนี่เลย...
เมื่อมองขึ้นไป ก็เห็นตะขอตัวหนึ่งติดอยู่เหนือชั้นวางที่ตะขอนั่นมีแส้งานดียาวประมาณเมตรครึ่งเส้นหนึ่งแขวนอยู่ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าแส้นี้มีไว้ทำอะไร
ผมมองไปที่อาจิ่ว ก็เห็นเขากำลังยืนอยู่บนตู้หลังหนึ่งโดยหันหน้าเข้าหากำแพงอย่างสงบเสงี่ยม จากนั้นผมจึงอุ้มซ่งฉียวนที่อยู่ในอ้อมกอดวางลงบนเตียงสีเืที่มีขนาดใหญ่ผิดปกติเมื่อวางเขาให้นอนลงแล้ว ต่อมาผมจึงเดินเข้าไปแล้วเอื้อมมือไปเปิดประตูตู้ราวกับต้องมนตร์ ในวินาทีนั้นเองผมรู้สึกเหมือนตัวเองได้เปิดประตูสู่โลกใบใหม่...
สิ่งที่สะดุดตาคือเสื้อผ้าเนื้อบางเบามากมายหลายแบบซึ่งส่วนใหญ่เป็สีแดงและสีขาว แต่ละชุดมีช่องโหว่ วาบหวิวเสียจนหากสวมใส่แล้วก็ดูไม่ต่างจากไม่ได้ใส่สักเท่าไรผมหันกลับไปมองเตียงสีเืขนาดใหญ่นั้นที่ซ่งฉียวนนอนอยู่แล้วจินตนาการถึงภาพสาวสวยในชุดผ้าโปร่งสีขาวที่กำลังนอนมองผมอย่างเย้ายวนใจบนเตียง
โอ้ ไม่นะ พระเ้าช่วย... เืกำเดาจะไหลหมดตัวแล้ว!
“นายท่าน นี่ นายท่านท่านกำลังคิดสิ่งใดอยู่...”
ตอนนี้อาจิ่วบินลงมาจากตู้และยืนอยู่บนไหล่ของผมอีกครั้งหนึ่ง ไม่รู้ว่าอ่านจากสายตาผมออกหรืออย่างไร เพราะถามประโยคนี้ยังไม่ทันจบเขาก็ะโขึ้นมาว่า “อ้า!!! ข้ารู้แล้ว นายท่าน ทะ ทะ ท่านนี่แย่เกินไปแล้ว! ”
ผมตื่นขึ้นมาจากความคิดอันหื่นกามแล้วรีบทำทีกระแอมไอสองครั้ง “สถานที่แห่งนี้ไม่เลวเลย เหมาะแก่การซ่อนคนยิ่งนัก”
พอผมพูดประโยคนี้จบ ในใจก็พลันรู้สึกถึงลางสังหรณ์อันเลวร้ายขึ้นมาจากนั้นจึงมองไปยังซ่งฉียวนที่ยังหลับเป็ตายอยู่ผมลากอาจิ่วแล้วรีบเดินขึ้นบันไดมา ก่อนจะสั่งให้เขากระทืบเท้าเพื่อเปิดประตูและมายืนอยู่บนพื้นที่ราบเรียบของโรงเก็บฟืนอีกครั้ง ผมจำวิธีการเสกคาถาคุ้มกันได้ความทรงจำที่ถูกส่งผ่านมายังมือของผมพุ่งตรงไปยังพื้นที่ว่างเปล่าบริเวณนั้นเพื่อวาดสัญลักษณ์แปลกๆขึ้นมา จากนั้นก็มีบางสิ่งค่อยๆ ก่อตัวขึ้นกลางอากาศ จนในที่สุดก็มลายหายไป
ตอนนี้ผมสามารถวางใจได้มากพอแล้ว ว่ากู้จิ่นเฉิงจะไม่มีวันหาที่นี่เจอตราบใดที่เขาไม่พยายามพลิกแผ่นดินหาหลังจากทำสิ่งเหล่านี้เสร็จสิ้น จิตที่เป็กังวลของผมในที่สุดก็ผ่อนคลายลงได้บ้างทันใดนั้นผมก็รู้สึกว่าคาถาง่ายๆ ที่ผมร่ายเอาไว้หน้าประตูเรือนถูกัั
“อาจิ่ว เรารีบออกไปกันเถิด”
สุดท้ายลางสังหรณ์ของผมก็ไม่ผิดจริงๆความเร็วของกู้จิ่นเฉิงเร็วขนาดนี้เลยเหรออาจิ่วรู้ว่าเื่ที่ผมซ่อนซ่งฉียวนไว้จะให้คนอื่นรู้ไม่ได้ จึงไม่พูดพร่ำทำเพลงพวกเราสองคนรีบไปที่โถงหลักด้วยความเร็วสูง
ระหว่างทางก็บังเอิญปะทะเข้ากับกู้จิ่นเฉิงพอดีเมื่อเขาเห็นผมก็รีบคุกเข่าลงข้างหนึ่งเพื่อทำความเคารพโดยอัตโนมัติแล้วเงยหน้าขึ้นมองผม น้ำเสียงอันเ็าดังก้องไปทั่วเรือนฟังดูเย็นสบายไปตามกระแสลมของฤดูใบไม้ร่วง “นายท่าน เหตุใดท่านจึงมาที่นี่คิดถึงนักแสดงบุรุษคนก่อนหรือขอรับ?หรือว่านายน้อยตระกูลโม่ที่เพิ่งพาเข้ามาในวังปีศาจจะไม่เป็ที่สนใจของท่านแล้ว?จนบัดนี้ยังคิดถึงคนตายอยู่อีกหรือขอรับ? ”
คำถามที่มาเป็ชุดของเขาทำให้ผมสับสนไปชั่วขณะเมื่อพินิจมองแล้ว มือที่กุมอยู่บนหัวเข่าของเขากำเป็หมัดแน่นจนสามารถเห็นเส้นเืปูดโปนอยู่ภายในได้รางๆ
เขากำลังซักไซ้ผมอยู่หรือ? และคำถามเหล่านี้ก็ดูสับสนวุ่นวายไปหมดผมจะไปฟังเมฆฟังหมอก [2] รู้เื่ได้อย่างไร? นักแสดงบุรุษอะไร? คิดถึงคนตายอะไร? พี่ใหญ่ ช่วยขยายความหน่อยได้ไหม?
“เ้ากำลังพูดเหลวไหลอะไรอยู่” ผมชะงักไปครู่หนึ่งแล้วเปลี่ยนน้ำเสียงให้เ็า “กู้จิ่นเฉิง เ้าล้ำเส้นไปหรือเปล่า? ”
นิยามของอวี๋เคอถูกกำหนดไว้ว่าเขาไม่มีทางรับได้หากมีคนพูดกับเขาแบบนี้และเพื่อเล่นให้สมบทบาทตามต้นฉบับ ผมจะต้องดุกู้จิ่นเฉิงสักหน่อย ถือเป็การกู้หน้าตัวเองกลับมาด้วยผมไม่อยากยอมรับเลยว่า เมื่อครู่ผมถูกน้ำเสียงและท่าทางของเขาข่มขวัญไปเล็กน้อย...
กู้จิ่นเฉิงนิ่งอึ้งไปก่อนครู่หนึ่งทันใดนั้นก็เหมือนเพิ่งตื่นจากภวังค์ สีหน้าฉายแววเศร้าสลดจากนั้นจึงก้มหน้าตอบเสียงเบาว่า “ผู้น้อยล้ำเส้นไปแล้วจริงๆขอนายท่านโปรดอภัยด้วยขอรับ”
ไม่รู้ว่ากู้จิ่นเฉิงก่อเื่วุ่นวายอะไรไปแต่เมื่อเห็นท่าทางก้มหน้าก้มตาของเขาแล้ว ใจก็อดไม่ได้ที่จะให้เขาคุกเข่าต่อไปอันที่จริงเขาเองก็ไม่ได้ทำผิดอะไรมากมาย
......
เชิงอรรถ
[1] ตาสุนัขไทเทเนียม 24k บอด หมายถึง เห็นในสิ่งที่เลวร้ายมาก จนทำให้ตาที่เป็ถึงโลหะไทเทเนียมบอดได้
[2] ในเมฆในหมอก หมายถึง สับสนไม่เข้าใจ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้