แสงแดดยามเหมันต์สาดส่องลงบนเวที ฮูหยินซ่งถอนหายใจ หรี่ตาลงพลันเอนกายบนเก้าอี้ไท่ซือ
การแข่งขันทั้งสองรอบดำเนินไปอย่างรวดเร็ว เวินเยียนที่มีความมั่นใจอยู่เต็มเปี่ยมเดินขึ้นเวทีอีกครา
ในขณะนั้น ธูปที่ใช้จับเวลาก็ถูกจุดขึ้น
“คงมิใช่ว่าพอเวินซีรู้ว่าคู่แข่งเป็ตระกูลเวินจึงหนีไปหรอกนะ?”
“นั่นน่ะสิ นี่ก็ทั้งเช้าแล้ว ยังมิเห็นวี่แววนางเลย”
“ข้าพนันข้างนางไปด้วยนี่สิ ครานี้ต้องแพ้ย่อยยับแน่”
“เครื่องหอมของเวินซีคงจะเป็เหมือนกับตัวตนของนางแน่ๆ”
...
“เงียบ!” ฮูหยินซ่งขมวดคิ้วและเอ่ยปากด้วยความไม่พอใจ สนามแข่งขันที่เต็มไปด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์ก่อนหน้านี้พลันเงียบลงจนน่าขนลุก
สีหน้าของนางสงบนิ่ง แต่มือที่อยู่ภายในแขนเสื้อนั้นกำแน่น
“ฮูหยินซ่ง ข้าเกรงว่าจะยืดเวลาต่อไปมิได้นานนะขอรับ” โจวอวี่ชางมองไปยังธูปที่มอดไปแล้วครึ่งหนึ่งด้วยสายตาที่เป็กังวล
“ส่งคนออกไปตามหาเวินซีเดี๋ยวนี้!” นางลดเสียงลงพูด กระวนกระวายใจเสียจนร่างกายสั่นไปหมด
แต่เวลาผ่านไปนานก็ยังมิได้ความคืบหน้าใด ธูปเหลือแสงสว่างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จนกระทั่งขี้เถ้าก้อนสุดท้ายหล่นลง ผู้ดำเนินการแข่งขันจึงกลับขึ้นไปบนเวที
ดวงตาของเวินเยียนเป็ประกาย นางมองไปที่ผู้ชมอย่างภาคภูมิใจ
นางชนะแล้ว
ถึงแม้จะช่วยเวินซีได้ แล้วจะทำอันใดได้ สุดท้ายก็ยังต้องแพ้ให้นาง
“ฮูหยินซ่ง ข้าน้อย...” ผู้ดำเนินการแข่งขันมองไปที่นาง และรอให้นางตัดสินใจ
ฮูหยินซ่งใช้มือประคองหน้าผากอย่างอ่อนล้า หลับตาและพยักหน้าอย่างยอมจำนน
ผู้ดำเนินการบนเวทีจึงต้องเอ่ยคำตัดสิน “การแข่งขันของตระกูลเวินที่แข่งกับเวินซีในครั้งนี้ ข้าขอประกาศว่า...”
“นั่นอันใดน่ะ หลบทางเร็วเข้า!”
“นางเข้ามาแล้ว เร็วเข้า!”
“เร็ว!”
ในขณะนั้นเองม้าตัวหนึ่งก็วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว พลันเกิดความชุลมุนขึ้นกับผู้คนนับร้อย พวกเขาส่งเสียงดังจนขัดคำพูดของคนบนเวทีและพากันหลีกทางให้ม้า
ม้าะโเข้าไปในสนาม ฉับพลันนั้นเวินซีก็ดึงสายบังเหียน หยุดม้าลงตรงด้านล่างเวที ก่อนจะะโลงมาอย่างคล่องแคล่ว แต่กลับกระเทือนาแ จนนางต้องสูดปากถอนหายใจ
“ขอโทษที่ทำให้ทุกท่านต้องรอเ้าค่ะ” นางกลับมามีสติ เดินขึ้นเวทีไปพร้อมกับจ้องมองเวินเยียน “แต่ในเมื่อคุณหนูเวินเยียนยังอยู่ ข้าคิดว่ามันคงยังไม่สายเกินไปหรอกเ้าค่ะ!”
“เวินซี!”
ฮูหยินซ่งเอ่ยเรียกด้วยความประหลาดใจ เมื่อนางเห็นเสื้อสีขาวของเวินซีที่ถูกย้อมไปด้วยเืก็รีบลุกขึ้นเดินไปที่เวที
“เหตุใดเ้าถึงได้าเ็? ไปอยู่ที่ใดมา?”
“เื่นี้เกรงว่าจะต้องถามคุณหนูเวินเยียนเองแล้วเ้าค่ะ” เวินซีส่งสายตาให้
เดิมทีเวินเยียนกำลังยืนนิ่งเพราะใที่เวินซียังมีชีวิตอยู่ แต่ยามนี้นางถูกชี้ตัว สีหน้าจึงเปลี่ยนไป นางมองดูเหตุการณ์รอบๆ ก็บังคับให้ตนเองสงบจิตสงบใจ
“เวินซี อย่าได้ใส่ร้ายกันซื่อๆ นะ ต้องใช้หลักฐานว่ากันสิ ที่เ้าาเ็มีความเกี่ยวข้องกับข้าได้เช่นไรกัน?”
“เช่นนั้นหรือ?”
“ตุ้บ--”
เวินซีโยนป้ายโองการลงบนพื้นแล้วมองเวินเยียนอย่างเ็า จากนั้นหยิบซองจดหมายออกมาจากกระเป๋า “คุณหนูเวินเยียนจะให้ข้าเปิดมันออกหรือไม่?”
“เช่นนั้นคุณหนูเวินซีก็เปิดเลยเถิดเ้าค่ะ” เวินเยียนมั่นใจมาก
เวินซีเห็นเช่นนั้นก็เปิดจดหมายออก ข้างในนั้นเป็กระดาษสีขาวหนึ่งใบ จึงขมวดคิ้วพลันตรวจสอบกระดาษซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ไม่มีอักษรใดในจดหมาย? เป็เช่นนี้ได้อย่างไร?
“คงจะเป็เพราะคุณหนูเวินซีกลัวมากจนมาพูดไร้สาระถึงที่นี่สินะ? กระดาษสีขาวจะเป็หลักฐานได้อย่างไร? ป้ายโองการพวกนี้ก็เห็นได้ชัดว่ามิได้เป็ของช่างในเมือง จะมีความเกี่ยวข้องกับข้าได้เช่นไรกัน”
“เ้ามาสายก็รับว่ามาสาย แพ้ก็ยอมรับสิ มิต้องมาคิดอุบายหลอกลวง...เวินซี เ้า...เ้าเอาสิ่งใดให้ข้าทานกัน?”
ขณะที่เวินเยียนกำลังพูด เม็ดยาก็ถูกดีดออกจากฝ่ามือของเวินซีเข้าไปในปากของเวินเยียนและละลายทันที นางก้มหน้าลงอย่างหวาดกลัว ใช้มือล้วงคอเพื่อที่จะให้อาเจียนออกมา
“ยาพูดความจริง”
เวินซีเม้มริมฝีปาก ในเมื่อไม่มีหลักฐานเอาผิดนาง เช่นนั้นก็ให้นางพูดความจริงเอง
สติของเวินเยียนหายไปอย่างรวดเร็ว ดวงตาของนางเหม่อลอยราวกับศพเดินได้
“คนที่ตามฆ่าข้าเป็คนที่เ้าส่งไปใช่หรือไม่?”
“...”
นางยังคงไม่ตอบสนอง คงเป็เพราะสัญชาตญาณการป้องกันตัวของเวินเยียนนั้นสูง แม้ว่าสติจะหลุดลอยไปแล้วก็ตาม
เวินซีเข้าไปใกล้ เกรงว่ายาจะหมดฤทธิ์เสียก่อนจึงจับปากนาง แล้วใส่ยาเข้าไปอีกเม็ด
ด้วยฤทธิ์ยาถึงสองเท่า ในที่สุดคำว่า “ใช่” เบาๆ จากปากของเวินเยียนก็ดังออกมา
“เข้ามา นำเวินเยียนออกไปเดี๋ยวนี้”
ฮูหยินซ่งจ้องมองนางอย่างเ็า ในตอนที่เวินเยียนกลับมาได้สติก็ถูกเ้าหน้าที่อำเภอกดลงกับพื้น ขัดขืนมิได้แล้ว
“เวินซี เ้าใช้กลใดกับข้า? ยาเม็ดเดียวจะมาคาดโทษข้าได้เช่นไร?”
“ข้ามิได้สติ จะเชื่อคำพูดของข้าได้เช่นไรกัน?”
นางจ้องมองเวินซีอย่างไม่ยอมแพ้และยังคงดิ้นรน
“นำนางลงไป ขังนางไว้ก่อน เื่นี้มอบหมายให้เป็หน้าที่ของเ้าอำเภอ เขาจะจัดการเอง” ฮูหยินซ่งโบกมือไล่เวินเยียนไปอย่างไม่ชอบใจ จนกระทั่งเวินเยียนถูกนำตัวไปท่ามกลางผู้คนมากมาย
“การแข่งขันในวันนี้ถูกเลื่อนออกไป ค่อยตัดสินเวลาที่ชัดเจนอีกที ขอให้ทุกท่านวางใจ เื่ในวันนี้เราจะหาความจริงมาให้จงได้ จะไม่มีทางทำร้ายผู้บริสุทธิ์คนใด”
ฮูหยินซ่งจับมือเวินซี เมื่อเห็นว่าาแของนางยังมีเืไหลอยู่ แววตาของนางก็เป็ทุกข์ “ไปทำแผลที่จวนซ่งก่อนเถิด”
เวินซีรู้ว่าฮูหยินซ่งมีเจตนาเช่นไร จึงพยักหน้าเดินตามไป
การแข่งขันทำเครื่องหอมในวันนี้กลายเป็เื่วุ่นวาย หลังจากที่พวกนางจากไป ทุกคนก็พากันแยกย้าย
ที่จวนตระกูลซ่ง ฮูหยินซ่งนั่งข้างๆ เวินซี นำผ้าขาวที่แช่ยาไว้พันรอบาแของนาง เมื่อเห็นว่าไม่มีเืไหลออกมาแล้วจึงถอนหายใจ
แม้จะไม่รู้ว่าเวินซีประสบกับเื่ราวเช่นไรมา แต่าแกับรอยเืเช่นนี้ล้วนแสดงให้เห็นว่านางเพิ่งหนีรอดจากความตายมาได้
“ฮูหยิน รู้หรือไม่ว่าเหตุใดถึงเป็กระดาษเปล่าเ้าคะ?”
เวินซีมองดูซองจดหมายในมือ
“หากข้าเดาไม่ผิด จดหมายนี้น่าจะถูกเขียนด้วยน้ำหญ้าว่างเย่ น้ำหญ้าว่างเย่นั้นไร้สีไร้กลิ่น เมื่อตัวอักษรแห้งแล้วจะปรากฏอยู่เพียงหนึ่งวันเท่านั้น หลังจากนั้นจะระเหยออกจนหมด กระดาษจึงกลายเป็กระดาษเปล่า”
“น้ำหญ้าว่างเย่เป็สิ่งหายาก เป็ของขวัญที่ราชวงศ์โหลวเยว่มอบให้เรา ในทุกๆ ปีจะมีไม่เกินหนึ่งพันชุด คนที่สามารถใช้มันได้ย่อมมีเพียงคนจากเมืองหลวง น่าจะเป็คนพวกเดียวกันกับที่ลอบฆ่าคุณชายจ้าวล่ะนะ”
ฮูหยินซ่งหยิบกระดาษเปล่ายกขึ้นมากางดู ก็สามารถมองเห็นตัวอักษรได้รางๆ นางจึงให้คำตอบกับเวินซี
ขณะนั้นเวินซีมีสีหน้ามืดมน หากเป็น้ำของหญ้าว่างเย่จริง เช่นนั้นเวินเยียนจะต้องร่วมมือกับกลุ่มคนพวกนั้นแน่ หากไม่ฆ่านางกับจ้าวต้านให้ได้ คนพวกนั้นก็คงจะไม่ยอมลดละเป็แน่
“จะไปหาคุณชายจ้าวหรือไม่?” ฮูหยินซ่งเอ่ยถาม
“ขอบคุณในความกรุณาของฮูหยินเ้าค่ะ แต่ข้ามิไปหรอกเ้าค่ะ”
เวินซียังไม่พอใจเขาอยู่
“คุณชายจ้าวตื่นมาทุกวันก็บ่นอยากเจอเ้า คิดถึงเ้ามาก หากมิได้กลัวว่าจะมีผู้ใดพบเข้า ข้าก็คงไม่เอ่ยห้ามเขาตลอดหรอก”
“ยามนี้เ้าก็มาที่จวนแล้ว ทั้งสองคนเจอกันหน่อยเถิด”
“มิเป็ไรเ้าค่ะ ฮูหยินซ่ง ข้ายังมีธุระอีก ข้ากลับก่อนนะเ้าคะ”
เวินซียืนขึ้นแล้วเตรียมตัวจะออกไป แต่ทันใดนั้นประตูที่ปิดอยู่ก็เปิดออก จ้าวต้านยืนอยู่ตรงนั้น หันหลังให้แสงที่ส่องเข้ามา
เขาได้ยินสิ่งที่นางพูดเมื่อครู่ สีหน้าจึงดูเศร้าสร้อย ริมฝีปากเผยอขึ้นเล็กน้อยแต่มิได้เอ่ยคำใด
เวินซีจงใจเมินเขา เบี่ยงตัวหลบแล้วเดินจากไป แต่เขาก็เดินตามไปโดยไม่พูดอันใด เมื่อได้กลิ่นยาฉุนออกมาจากร่างของนางจึงขมวดคิ้ว
“เ้าาเ็หรือ?”
เขาออกไปยืนขวาง
“เรามิได้เกี่ยวข้องกัน ข้าจะาเ็หรือไม่ก็ไม่เกี่ยวกับคุณชายจ้าวหรอกนะเ้าคะ?”
ถ้อยคำของเวินซีเต็มไปด้วยความเ็าและห่างเหิน แม้ว่าจะเตรียมใจมาบ้างแล้ว แต่ในใจของจ้าวต้านก็ยังเ็ปราวกับถูกดาบทิ่มแทง
“ที่เ้าช่วยชีวิตข้า...”
“มิจำเป็ต้องขอบคุณหรอกเ้าค่ะ หากมิใช่ว่าจ้าวซานอ้อนวอนขอร้องข้า ข้าก็คงไม่เข้ามาเหยียบน้ำขุ่นนี่ คิดเสียว่าเป็การตอบแทนบุญคุณที่ท่านซื้อข้าไว้ก็แล้วกัน พวกเรามิได้ติดค้างอันใดต่อกันแล้ว”
เวินซีมีสีหน้าเ็า นางกำลังจะเดินออกไปอีกครั้ง ทันใดนั้นสีหน้าของจ้าวต้านก็ดูเ็ป เขาจับหน้าอกพลันก้มตัวลง
“จ้าวต้าน?”
อุตส่าห์ช่วยให้เขารอดตายมาได้นะ เมื่อเห็นท่าทีของเขาเช่นนั้น นางก็ขมวดคิ้ว หยุดฝีเท้าแล้วใช้มือจับชีพจรให้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้