คำพูดของมู่เฉิงอินดังก้องและกระแทกหัวใจของมู่เสวียนเย่อย่างรุนแรง เดิมทีเขาก็ไม่เก่งเื่แสดงออก มาตอนนี้กลับถูกสตรีที่มีความรู้สึกดีๆ ด้วยสารภาพรัก เขารู้สึกเพียงใบหน้าตนร้อนผ่าว ทั้งมิอาจเอื้อนเอ่ยอธิบายความรู้สึกใดออกมาได้
“คุณชายมู่อาจคิดว่านั่นคือหน้าที่ที่ท่านต้องรับผิดชอบ แต่สถานการณ์ในตอนนั้นอันตรายเป็อย่างยิ่ง ด้านหลังมีหน้าผาสูงชัน ด้านหน้ามีม้าพยศบ้าคลั่งจนเสียการควบคุม จะมีสักกี่คนที่กล้าะโออกมาเล่า? หากไม่ระวัง ย่อมต้องดิ่งลงเหวเป็แน่
ท่านปราบม้าพยศที่บ้าคลั่งด้วยตัวคนเดียว สองมือของท่านไหลอาบด้วยเืที่ถูกสายบังเหียนบาด ข้ามองเห็นได้อย่างชัดเจนจากในรถม้าเ้าค่ะ”
มู่เสวียนเย่เม้มริมฝีปาก “นั่น...”
“เฉิงอินเริ่มสนใจคุณชายมู่ั้แ่นั้นเป็ต้นมา”
เห็นได้ชัดว่าเวลานี้มู่เฉิงอินอยู่ในห้วงอารมณ์กระวนกระวายใจ นางไม่ฟังมู่เสวียนเย่เลยสักนิด ปรารถนาเพียงสารภาพความในใจที่ตนเก็บซ่อนไว้มาตลอดหกปีออกมาทั้งหมดในคราเดียว
“คุณชายมู่พูดไม่เก่ง แต่ท่านเป็บุรุษที่มีจิตใจกว้างขวาง มีความยุติธรรมและมีหัวใจ มิกริ่งเกรงในอำนาจ ไม่รังแกผู้อ่อนแอ เฉิงอินเคยเห็นคุณชายให้ความช่วยเหลือเด็กกำพร้าและคนชราบนถนน อีกทั้งยังเคยเห็นท่านสั่งสอนเหล่าคุณชายตระกูลสูงศักดิ์ที่ข่มเหงรังแกประชาชน จึงทราบว่าท่านเป็บุรุษที่ดีผู้หนึ่งเ้าค่ะ”
เมื่อได้ยินคำของมู่เฉิงอิน ใบหน้าที่เ็าของมู่เสวียนเย่พลันปรากฏสีแดงระเรื่อ นี่เป็ครั้งแรกที่เขารู้จากปากของอิสตรีว่าเขามีข้อดีอยู่มาก
และเป็ครั้งแรกที่เขารู้ว่าตัวเขาเองได้รับความสนใจจากสตรีผู้หนึ่งอย่างเงียบๆ มาเนิ่นนาน
หัวใจของเขาสั่นไหว ดวงตาที่พินิศคนตรงหน้าก็ยิ่งนุ่มนวลมากขึ้นเรื่อยๆ
ก่อนนี้ที่สานสัมพันธ์ผ่านจดหมาย เขารู้สึกว่าแม่นางจากตระกูลมู่ผู้นี้มีความรู้ทั้งยังอ่อนโยน เป็ดั่งภรรยาในอุดมคติ เมื่อรวมกับความเห็นของผู้อื่นและเขาเองก็เห็นด้วย ดังนั้นเขาจึงรู้สึกว่าทัศนคติของพวกเขาทั้งคู่เข้ากันได้ดียิ่ง แต่เวลานี้ดูเหมือนเขาจะได้เรียนรู้และเข้าใจแม่นางที่อยู่ตรงหน้านี้มากกว่าเดิม
อ่อนโยนทว่าแข็งแกร่ง ทั้งยังมีความดื้อรั้นที่ฝั่งอยู่ในกระดูก
“คุณชายมู่คงไม่ทราบ ว่าวันที่เฉิงอินได้เจรจาเื่งานแต่งกับท่าน ข้ามีความสุขมากเพียงใด คืนนั้นข้าเอาแต่นอนพลิกตัวไปมา รู้สึกราวกับอยู่ในห้วงฝัน โดยเฉพาะหลังจากที่ได้เขียนจดหมายโต้ตอบกับท่าน ก็ยิ่งรู้สึกว่า์มีตา มองเห็นความในใจของข้าแล้ว
ก่อนนี้เราสองสนทนากันอย่างราบรื่น ทว่าจู่ๆ ท่านกลับให้คนส่งจดหมายฉบับนั้นมา ข้า ข้า...”
มู่เฉิงอินมิอาจควบคุมตนเองได้อีกต่อไป หยาดน้ำตาที่อดกลั้นไม่ให้ไหลมาเนิ่นนานหลั่งรินลงในที่สุด
นางรู้ดีว่าเป็เช่นนี้คงไม่น่าดูนัก ช่างขายหน้าบุตรีตระกูลสูงศักดิ์เช่นตน ทว่าใจของนางเ็ปยิ่ง หากมิเคยได้รับ เช่นนั้นนางก็แค่มีความหวัง แต่หากเคยได้รับแล้วกลับสูญเสียไป เช่นนั้นย่อมเศร้าโศกเสียใจเกินทน น่าสิ้นหวังเหลือคณานับ
มู่เสวียนเย่เห็นน้ำตาของมู่เฉิงอิน ทั้งร่างพลันตื่นตระหนก มิใช่ว่าไม่เคยเห็นน้ำตาของสตรีมาก่อน เขาเติบโตมาจนอายุยี่สิบปี มิรู้ว่ามีสตรีกี่คนแล้วที่เคยอิงแอบแนบชิดในอ้อมกอดหรือร้องไห้ต่อหน้าเขา แต่หัวใจของเขากลับเ็าราวเหล็กกล้า ไม่เคยรู้สึกอันใด
ทว่ายามนี้เมื่อได้เห็นน้ำตาของมู่เฉิงอิน เขารู้สึกเพียงลมหายใจของตนขาดหาย รวดร้าวจนปรารถนาจะดึงรั้งร่างสตรีตรงหน้าเข้ามาในอ้อมกอด
“แม่นางมู่”
มู่เสวียนเย่ร้องเสียงดังพลางพุ่งเข้าหานางอย่างร้อนรน ทว่ามู่เฉิงอินกลับยกมือขึ้นหยุดเขา นางส่ายหัว ก่อนยกผ้าเช็ดหน้าไหมขึ้นซับน้ำตา ท่าทางเข้มแข็งดื้อรั้น นางรู้ว่าวันนี้นางสูญเสียการควบคุมมากพอแล้ว หากผู้อื่นพบเข้า ยากจะกล่าวได้ว่าพวกเขาจะหัวเราะเยาะนางเช่นไร
ทว่ามู่เฉิงอินราวกับจะทุบขวดโหลที่แตกแล้วให้แตกละเอียด [1] ดวงตาของนางแดงก่ำ สูดจมูกฟุดฟิด ท่าทางดั่งเด็กที่กำลังงอน นางกล่าวกับมู่เสวียนเย่ว่า “คุณชายกล่าวในจดหมายว่าท่านยังไม่มีแผนจะสร้างครอบครัว และขอให้ข้าเปลี่ยนใจไปแต่งงานกับบุรุษอื่นเสีย ทว่าข้าทำไม่ได้ วันนี้เฉิงอินยอมเสียหน้าทั้งหมดแล้ว ดังนั้นจึงขอกล่าวให้เข้าใจตรงกัน
แม้คุณชายจะกล่าวว่าตอนนี้ยังไม่มีแผนจะออกเรือน เช่นนั้นเฉิงอินก็จะรอจนกว่าท่านปรารถนาจะแต่งงาน วันนี้ท่านไม่้า เฉิงอินก็จะรอไปอีกวัน หากวันใดคุณชาย้าคนเคียงคู่ ก็ขอให้ท่านลองพิจารณาเฉิงอินผู้นี้เป็พิเศษก่อน แล้วถ้าวันใดคุณชายพบสตรีที่พึงใจ เช่นนั้นเฉิงอิน...จะไม่ตอแยพัวพัน กล่าวโดยสรุปคือ ข้าจะไม่ขอยอมแพ้ตอนนี้เ้าค่ะ!”
ประโยคที่กล่าวว่าจะไม่ยอมแพ้ ยังเพิ่มน้ำหนักของเสียงเพื่อเน้นย้ำ
เวลานี้มู่เสวียนเย่ไม่อาจกล่าวได้ว่าตนรู้สึกเช่นไร
เขาััได้อย่างแท้จริงถึงความรักเต็มหัวใจและความแน่วแน่ไม่ย่อท้อของสตรีตรงหน้า น้ำตาของนาง ความอ่อนโยนของนาง ความงดงามและความน่ารักเข้ากระดูกของนาง ล้วนดึงดูดเขาเป็อย่างยิ่ง
ความรู้สึกของมู่เสวียนเย่เต็มตื้นอยู่ในอก จนความอ่อนโยนฉายออกมาผ่านแววตาเขา
“เด็กโง่ หยุดร้องไห้เถิด”
น้ำเสียงของมู่เสวียนเย่แหบต่ำเล็กน้อย เขาเปิดปากกล่าวเสียงเบา
มู่เฉิงอินผู้ซึ่งควบคุมอารมณ์ของตนได้แล้ว จู่ๆ กลับได้ยินเสียงปลอบประโลมอันอ่อนโยนของมู่เสวียนเย่ ทั้งร่างไม่รู้ว่าควรจะตื่นเต้นหรือเสียใจ ที่สุดน้ำตาของนางจึงไหลออกมาอีกครั้ง
เด็กโง่ที่ว่า หมายถึงนางหรือ?
หัวสมองของมู่เฉิงอินหยุดชะงักด้วยความตกตะลึง และชั่วพริบตาต่อมา นางก็เห็นมู่เสวียนเย่ยื่นมือมาเช็ดขอบตานางอย่างแ่เบา
มู่เฉิงอินพลันแข็งทื่อไปทั้งร่าง นางมิอาจตอบสนองสิ่งใด เห็นเพียงเงาสายหนึ่งปรากฏสู่สายตา จากนั้นนิ้วหยาบกระด้างก็ลูบไล้ดวงตาของนางและปาดน้ำตาออกไป
มู่เฉิงอินจ้องอีกฝ่ายด้วยความงุนงง ใบหน้างดงามของนางพลันแดงก่ำไปจนถึงใบหู
“หยุดร้องไห้เถิด เ้าเป็เช่นนี้ทำให้ข้ายิ่งรู้สึกผิดและปวดใจนัก”
น้ำเสียงของมู่เสวียนเย่แหบแห้ง
เขารู้สึกผิดอย่างแท้จริง เพราะเขาจัดการไม่ถูกวิธี ทำให้สตรีดีๆ ผู้หนึ่งต้องโศกเศร้าเสียใจ และที่เ็ปเป็ที่สุด คือยามเห็นน้ำตาของสตรีตรงหน้า หัวใจของเขาก็บีบรัดยากเกินรับไหว เขาปรารถนาจะดึงนางเข้ามากอด ปลอบประโลมความเจ็บช้ำเ่าั้ให้หายไป
ปวดใจหรือ?
เมื่อมู่เฉิงอินได้ยินคำที่มู่เสวียนเย่เอ่ย นางก็รู้สึกราวกับตนอยู่ในความฝัน และกลัวว่านี่จะเป็เพียงจินตนาการที่สร้างจากความปรารถนาของนางเอง
เ็ปใจเพราะนาง?
รู้สึกผิดเพราะนาง?
ไม่ ไม่ ไม่ คุณชายมู่หมายความว่าอย่างไร?
เป็ความหมายเช่นที่นางกำลังเข้าใจใช่หรือไม่?
มู่เฉิงอินเงยหน้าขึ้นมองมู่เสวียนเย่ นางทั้งงุนงงและไม่เข้าใจ จากนั้นในชั่วพริบตาต่อมา นางก็ได้ยินเสียงของบุรุษตรงหน้าดังก้องอยู่เหนือหัวนาง “ขออภัย ต่อไปข้าจะไม่ทำให้เ้าต้องเสียน้ำตาอีก”
“คุณชายมู่ ทะ ท่าน...ท่านหมายความว่าอย่างไรเ้าคะ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของมู่เสวียนเย่ หัวสมองของมู่เฉิงอินก็รู้สึกสับสนอยู่บางส่วน นางไม่กล้าคิดเดาสิ่งใดไปเอง จึงถามออกมาโดยไม่รู้ตัว
มู่เสวียนเย่ยื่นมือไปลูบผมของมู่เฉิงอินอย่างแ่เบา การกระทำเช่นนี้เขาเคยทำให้คนเพียงคนเดียว ซึ่งก็คือน้องสาวของเขา ทว่ายามนี้สายตาที่เขาใช้มองมู่เฉิงอินกลับเปี่ยมด้วยความอ่อนโยน “ข้าหมายถึง ต่อไปนี้ข้าจะปกป้องเ้า รักเ้า และดูแลเ้า จะไม่ทำให้เ้าต้องร้องไห้อีก”
มู่เฉิงอินเบิกตากว้างด้วยความใ ดวงตารื้นน้ำของนางจับจ้องเขาอย่างแน่วแน่โดยไม่กะพริบตา
มู่เสวียนเย่ไม่ใช่คนจำพวกชอบกล่าวคำหวานเอาใจ คำพูดเหล่านี้ล้วนเป็ความจริงที่ออกมาจากใจเขา
ั้แ่พริบตาแรกที่มู่เฉิงอินหลั่งน้ำตาและสารภาพอย่างจริงใจ เขาก็รู้แล้วว่าตนปรารถนาจะแต่งงานกับสตรีตรงหน้า และ้าให้นางเป็ภรรยาของเขา
งับ
มู่เฉิงอินใช้แรงกัดปลายลิ้นของตนเอง นางเจ็บจนน้ำตาเล็ด เมื่อครู่นางเพิ่งได้ยินสิ่งใดกัน?
บุรุษที่นางพึงใจกล่าวว่าต่อไปจะปกป้องนาง รักนาง และดูแลนาง? กล่าวเช่นนี้หรือ? ใช่หรือ? แต่นางไม่กล้าเชื่อ จึงทำเพียงกะพริบตาและไม่ตอบสนองอันใดกลับไป
มู่เสวียนเย่ถอนหายใจเสียงเบา มองสตรีที่อยู่ตรงหน้าตน เมื่อครู่นางช่างกล้าหาญนัก แต่ยามนี้กลับไม่กล่าวอันใดออกมาสักคำ ดังนั้นเขาจึงเอ่ยปากอีกครั้งว่า “ข้าหมายความว่า เฉิงอินเต็มใจจะแต่งงานกับข้าหรือไม่? ข้ามู่เสวียนเย่สามารถรับประกันกับเ้าได้ ว่าทั้งชีวิตข้าจะไม่รับอนุหรือสตรีอื่น จะครองคู่เพียงเ้าผู้เดียวไปตลอดชีวิต”
เชิงอรรถ
[1] ทุบขวดโหลที่แตกแล้วให้แตกละเอียด 破罐子破摔 (pò guàn zi pò shuāi) หมายถึง มีข้อบกพร่องหรือผิดพลาดแล้วปล่อยให้เป็ไปตามยถากรรม ไม่แก้ไขให้ถูกต้อง หรือตั้งใจทำให้แย่ลง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้