หลายคนรีบยกหูโทรศัพท์ และเริ่มโทรศัพท์หาคน แต่น่าเสียดายเพิ่งเริ่มต้นสนทนาอีกฝ่ายก็ยังคงกระตือรือร้น แต่เพียงแค่ได้ยินเขาพูดถึงเื่นี้แล้ว แต่ละคนต่างก็อึ้งจนเงียบกริบ และบางคนก็วางสายใส่
เพื่อนคนเมื่อครู่ที่ตี๋หู่พูดว่ามีตำแหน่งอยู่ในรัฐบาลของกูซู หลังจากที่ได้ยินคำพูดของตี๋หู่แล้ว ก็เงียบกริบอยู่นานแล้วพูดอย่างหนักใจว่า “ไม่ใช่ว่าฉันไม่สน แต่เื่นี้ฉันยุ่งไม่ได้ หวงชานคนนั้นจัดการไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นฟังความหมายของนายแล้ว เื่นี้มันเลี่ยงไม่ได้ ถึงฉันจะออกหน้า เขาก็ใช่ว่าจะไว้หน้า”
เมื่อพูดถึงตรงนี้แล้ว ความหมายก็ชัดเจนมาก อีกฝ่ายไม่ยอมที่จะล่วงเกินหวงชานเพื่อตี๋หู่ ยิ่งไปกว่านั้นเื่นี้ก็ยังไม่ใช่เื่ของตี๋หู่ ก็แค่เื่ของเพื่อนตี๋หู่เท่านั้น
ทางด้านเฉิงเต้าหยุนก็เริ่มโทรศัพท์ไปหาคนมากมายแต่ก็เป็เหมือนกับโจวฟาและตี๋หู่ คิดไม่ถึงว่าจะไม่มีใครพอที่จะช่วยได้
เพื่อนคนหนึ่งของโจวฟากลับบอกว่ารู้จักกับหวงชาน บอกว่าจะช่วย แต่แค่สองนาทีก็โทรศัพท์กลับมาว่า “โจวฟา เื่นี้นายอย่ายุ่งเลย ออกห่างได้มากเท่าไรก็ยิ่งดี หวงชาน้าจะประจบคน และคนคนนั้นฉันก็จัดการไม่ได้”
แค่่เวลาหนึ่ง แต่ละคนใช้ทุกวิถีทาง แต่กลับจนปัญญา แล้วก็ค้นพบอย่างเศร้าใจว่า คนที่ปกติแล้วเรียกกันเป็พี่เป็น้อง ตอนนี้ไม่มีประโยชน์แล้ว
ปกติคนเ่าั้จะโอ้อวดอำนาจว่า รู้จักใครบ้าง ใครเป็ใครบ้าง เวลานี้ราวกับระเหยไปจากโลกแล้ว และหายไปอย่างไร้ร่องรอย พวกเขาหาคนมากมายแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะไม่มีประโยชน์แม้แต่คนเดียว
“นี่ … ”
แค่ฉับพลันคนทั้งสามต่างก็เงียบกริบ มองดูเจียงไป๋และเย่ชิงเฉิงที่มาอยู่ข้างกายแล้ว ทั้งสามคนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
ทางด้านหวางเฉียงก็ทนไม่ไหวแล้ว เห็นได้ชัดว่ามีเวลาไม่มาก เสียดายที่พวกเจียงไป๋ไม่มีโอกาสหนีแล้ว ดูเวลายิ่งใกล้เข้ามาทุกที พวกเขากลับจนปัญญา อาการร้อนใจ เป็กังวล ละอายใจค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขา
“ไม่อย่างนั้น … ไม่อย่างนั้น … ฉันโทรศัพท์ไปหาพี่สาวของฉัน”
มองอาการของคนทั้งสามแล้ว เย่ชิงเฉิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ต่อมาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่มีเสน่ห์ ในน้ำเสียงไม่ค่อยมั่นใจนัก
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เธอจึงได้ต่อต้านเื่นี้ แต่ก็ไม่มีทางแล้ว ตอนนี้ไม่มีทางเลือกอื่น ดังนั้นเย่ชิงเฉิงจึงปลุกความกล้าพูดประโยคนี้ออกมา
“พี่สาวเธอ?”
ตี๋หู่ที่อยู่ข้างๆ มองเย่ชิงเฉิงอย่างแปลกใจแวบหนึ่ง คนที่อยู่ข้างๆ อีกสองคนก็เช่นเดียวกัน
รู้จักเย่ชิงเฉิงมาหลายวันแล้ว ก็ยังไม่รู้ว่าเด็กสาวสวยคนนี้ยังมีพี่สาว?
คิดดูแล้วพี่สาวเธอก็ต้องสวยมากใช่ไหม ผู้หญิงสวยก็มักจะมีวิธีการกว่าผู้ชายธรรมดา บางที … พี่สาวเธออาจจะช่วยได้?
“อืม พี่สาวฉัน เขาอยู่ในกรมทหาร … ”
เย่ชิงเฉิงเพิ่งอยากจะปริปาก แต่พูดได้แค่ครึ่งหนึ่ง ยังไม่ได้เปิดเผยตัวตนของพี่สาวเธอ ทางด้านเจียงไป๋ก็ปริปากแล้ว ทุกคนต่างก็ยุ่งกันขนาดนี้ ในฐานะที่เป็ตัวการก็ไม่มีเหตุผลที่จะหดหัวอยู่ในกระดอง
“ผมจะลองโทรศัพท์ดู ผมมีเพื่อนคนหนึ่งมีอิทธิพลในเทียนตูมาก”
พูดๆ อยู่เจียงไป๋ก็เดินไปอีกด้านหนึ่งเพื่อโทรศัพท์ไปหาฉวีเจี๋ย
“อยู่ไหน?”
“อ้อ ลูกพี่ ฉันกำลังร้องเพลงอยู่กับสาวน้อยคนหนึ่ง อีกสักครู่เตรียมจะไปกินข้าว? พี่ไม่ใช่ว่าไปกูซูแล้วหรือ? ทำไมถึงโทรศัพท์มาหาฉันได้ล่ะ? อยู่ที่นั่นมีคนหาเื่หรือ?”
เสียงดนตรีที่ครึกครื้นดังออกมา สักพักเสียงด้านนั้นก็หายไปจนเงียบสงบขึ้น และเสียงของฉวีเจี๋ยก็ดังตามมา
“ไม่เลว มีมาหาเื่จริงๆ ”
เจียงไป๋ตอบกลับอย่างยิ้มแย้ม
จริงๆ แล้วตัวเขาเองก็สามารถออกไปเพียงลำพังได้ และซัดหวางเฉียงกับพวกทั้งหมดก็ยังได้ หลังจากนั้นก็ไปหาหวงชานคนนั้นไปสั่งสอนเขาอย่างยากที่จะลืมไปตลอดกาล แต่อย่างนี้ก็เลี่ยงที่จะเป็ที่ตกอกใไปไม่ได้ เจียงไป๋ไม่อยากทำอย่างนี้ต่อหน้าทุกคน นั่นไม่ใช่เื่ดีอะไร
“ใคร? ช่างกล้ามาก! ฉันจะไปจัดการมัน! ไม่ใช่ ฮ่าๆ ไม่ต้อง ไม่ต้อง ฉันนึกออกแล้ว ่นี้ฉันรู้จักเพื่อนอยู่คนหนึ่ง เขาเลื่อมใสพี่มาก และเห็นพี่เป็ไอดอล เขาก็เป็คนกูซู มีอำนาจในกูซูมาก และก็อยากจะรู้จักพี่มาตลอด เมื่อวานยังโทรศัพท์มาหาฉันอยู่เลย บอกว่า่นี้มาเทียนตูอยากจะพบพี่สักหน่อย และมีของจะมอบให้ ฉันจะโทรศัพท์ไปหาเขาเดี๋ยวนี้ ให้เขาไปจัดการ”
ทางด้านฉวีเจี๋ยเมื่อได้ยินคำนี้แล้วก็ใจนแทบจะะโ แต่จู่ๆ ก็นึกอะไรออก แล้วพูดพลางหัวเราะ
ตอนที่พูดถึงของขวัญที่คนคนนั้นจะให้ก็ดูลึกลับ และมีความหมายอื่นอยู่บ้าง แต่เวลานี้เจียงไป๋กลับไม่ได้สนใจ
“อยากรู้จักกับฉัน? เพื่อนของนายชื่ออะไร? เอาเบอร์เขามาให้ฉัน” เจียงไป๋ตะลึงงัน หลังจากนั้นก็พูดอย่างยิ้มแย้ม
ั้แ่เขามีชื่อเสียงในเทียนตู และก็เป็เพื่อนกับจ้าวอู๋จี๋ ก่อนหน้านั้นหวางเป้าก็พาไปรู้จักคนไม่น้อย
ยิ่งมีจางฉางเกิง อู๋จง ฉวีเจี๋ย หม่าฉางหยาง คนเหล่านี้คอยช่วยประกาศชื่อเสียงให้อย่างที่จะตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ ตอนนี้เขาก็เหมือนจะมีชื่อเสียงในเทียนตูไม่น้อยแล้ว
คิดไม่ถึงว่าในเทียนตูจะมีคนรู้จักเขา? และยังอยากรู้จักกับเขาอีก?
เื่นี้กลับทำให้เจียงไป๋คาดคิดไม่ถึง
“อ้อ เพื่อนของฉันคนนั้นชื่อหวงเทียนฉวน ชื่อเล่นหวงชาน! พี่ไม่ต้องโทรศัพท์ไปหาเขา พี่เป็ใคร หากโทรศัพท์หาเขาก็ลดราคาตัวเองลงเสียเปล่าๆ ฉันจะโทรศัพท์ไปหาเอง พี่อยู่ที่ไหน ฉันจะให้เขาไปทันที … ”
เมื่อฉวีเจี๋ยได้ยินแล้วก็รีบตอบ และก็ไม่ได้ให้เจียงไป๋โทรศัพท์ไปหาหวงชานเอง?
ตอนนี้เจียงไป๋เป็ใคร?
ในเทียนตูหากพูดถึงมีใครบ้างไม่เรียกคุณเจียงอย่างเคารพนอบน้อม?
เศรษฐีบ้านนอกเล็กๆ ที่มาจากต่างถิ่นอย่างหวงชาน จะให้คุณเจียงโทรศัพท์ไปหา?
ฝันไปเถอะ!
“อะไร? ชื่ออะไร?” เจียงไป๋ตะลึงงัน อดไม่ได้ที่จะถามอีกรอบหนึ่ง
“หวงเทียนฉวน ชื่อเล่นหวงชาน! เป็ใหญ่ในกูซู ฮ่าๆ แต่นั่นก็แค่พื้นที่เล็กๆ ในที่ของพวกเรานี่แน่นอนว่าเขาไม่กล้า!” ฉวีเจี๋ยหัวเสียงดัง
จู่ๆ เขาก็นึกอะไรออก และรีบถามว่า “เื่นั้น ก็คงจะไม่ใช่คนของไอ้เ้าหวงชานใช่ไหม?”
“ไม่ใช่คนของเขา”
เจียงไป๋ฝืนยิ้มและติดอ่างจนไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
นี่คือเื่อะไร?
แบบนั้นลูกสมุนของหวงชานที่มาหา บอกว่าจะจัดการเขา แต่เป้าหมายจริงๆ แล้วก็คือเย่ชิงเฉิง แต่หาตัวเย่ชิงเฉิงไปเพื่ออะไร เมื่อครู่เจียงไป๋ก็ฟังพอเข้าใจแล้ว ก็ไม่ใช่ว่าอยากจะหาผู้หญิงสวยๆ มาแสดงความกตัญญูกับเขาหรือ?
นี่เรียกว่าเื่อะไร …
สิ่งที่เจียงไป๋ไม่รู้ก็คือ เ้าพ่อหวงชานที่ว่านั้นก็คือคนที่พูดเองเออเองว่ารู้จักเจียงไป๋ตอนอยู่ที่ “หอเจียงหนาน” ครั้งก่อน หลังจากนั้นก็กลายเป็เศรษฐีในวงการที่ทุกคนจับตามอง แต่ถ้ารู้ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะจริงๆ แล้วเจียงไป๋ก็ไม่รู้จักเขา
“ไอ้เ้านี่ชักเอาใหญ่แล้วสิ! พี่รอเดี๋ยว ฉันจะโทรศัพท์ไปหาเขาเดี๋ยวนี้ ให้เขารีบไสหัวไปหา!”
ทางด้านฉวีเจี๋ยก็ใจนะโเต้น พอพูดจบก็รีบวางสาย เห็นได้ชัดว่าจะโทรศัพท์ไปหาหวงชานทันที
“เป็อย่างไรบ้าง?”
ทางด้านนี้เจียงไป๋เพิ่งวางสาย ตี๋หู่กับโจวฟาที่เห็นเขาฝืนยิ้มก็เดินเข้ามาหา พลางถามอย่างเป็ห่วงเป็ใย
เพียงแค่เห็นอาการของเจียงไป๋ พวกเขาก็รู้สึกว่าเื่นี้หมดหวังแล้ว
เจียงไป๋ก็แค่คนเขียนบทที่อายุยังน้อยคนหนึ่ง จะมีความสามารถอะไรได้ ถึงจะรู้จักคนสองสามคน เกรงว่าอีกฝ่ายก็คงจะไม่ไปล่วงเกินคนใหญ่คนโตอย่างหวงชานเพื่อเขาหรอก แต่พวกเขาก็ยังคงอดถามไม่ได้
“เื่ราวจบแล้ว”
เจียงไป๋พยักหน้า และพูดประโยคที่ทำให้ทุกคนต่างจับจ้องไปประโยคหนึ่ง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้