บทที่ 48 เจียงิ่ผู้ลึกลับ
เจียงิ่ฟื้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แต่ลั่วถูกลับไม่เห็นความใบนหน้าของนางแม้แต่น้อย ราวกับเื่ทั้งหมดช่างธรรมดาสามัญเสียเหลือเกิน แต่ลั่วถูกลับมองเห็นว่าสายตาของเจียงิ่เต็มไปด้วยความโกรธอย่างชัดเจน ในสายตาของเจียงิ่ ราวกับว่าเื่ที่เซวี่ยหลิงเอ๋อร์เดินออกจากห้องของลั่วถูร้ายแรงกว่าเื่ที่นางถูกลักพาตัวเสียอีก
“เมื่อครู่ไม่เป็อะไรใช่หรือไม่!”
“หึ เ้ากับสตรีนางนั้นเป็อะไรกัน?”
ลั่วถูได้แต่มึนงง นี่มันเวลาไหนกัน เมื่อครู่เกือบจะโดนลักพาตัวไปแล้วแท้ๆ ยังมีกะใจมาคิดเื่ความสัมพันธ์ของเขากับเซวี่ยหลิงเอ๋อร์อีก
“เ้ารู้หรือไม่ว่าคนที่ลักพาตัวเ้าไปเป็ใคร? ผู้คนเรียกคนคนนั้นว่าผีหิวโหยสตรี โจรที่คืนหนึ่งเด็ดบุปผางามไปแล้วเจ็ดนาง เยี่ยเหลียวฟาง!” น้ำเสียงของลั่วถูแฝงไว้ซึ่งความน่าหวาดกลัวอยู่ไม่น้อยทีเดียว เพียงแต่ผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็ต้องผิดหวัง เพราะไม่มีความกลัวบนหน้าของเจียงิ่แม้แต่น้อย
“นี่ข้าต้องแกล้งทำท่าทางหวาดกลัวใช่ไหม?”
“เ้าคิดว่าอย่างไรเล่า?” ลั่วถูรู้สึกราวสมองแทบะเิขึ้นมาทันที แม่นางคนนี้คงไม่ใช่คนสติไม่ดีกระมัง? แต่ก็คงเป็เช่นนั้นจริง ในเมื่อวันนั้นนางเข้าสู่สนามรบฝานเหรินเพียงลำพังเพื่อเก็บกวาดสินาในสนามรบ สตรีนางหนึ่งที่ถึงกับลงมือค้นหาในกองศพ ต้องมีหัวใจที่แข็งแกร่งเพียงนี้แลถึงจะทำได้
“ได้เลย ตอนนี้ข้ากลัวมาก แล้วระหว่างเ้ากับสตรีนางนั้นแท้จริงแล้วมีความสัมพันธ์อย่างไรกันแน่? นางมาถึงห้องของเ้าเพื่ออะไรกัน?”
ลั่วถูเข่าแทบทรุด สตรีนางนี้เสียสติไปแล้วหรือ ทว่าสายตาที่บีบคั้นของเจียงิ่กลับชวนให้ตัวเย็นวาบอย่างไร้สาเหตุขึ้นมาเสียอย่างนั้น เขารู้สึกว่าถ้าตัวเองตอบออกไปไม่ดี คงได้เจออันตรายอะไรสักอย่างที่เขาเองก็ไม่รู้เข้าแน่ โดยเฉพาะเมื่อสายตาของเจียงิ่จ้องมองท่อนล่างของเขาไม่หยุด เม็ดเหงื่อเย็นเฉียบผุดขึ้นบนแผ่นหลังของเขาอย่างเชื่องช้า ในขณะที่กำลังงงอยู่นั้นเอง ขาทั้งสองขาของเขากลับหนีบเข้าหากันอย่างห้ามไม่ได้ จากนั้นถอยออกห่างนางเล็กน้อย และถามออกไปอย่างตื่นตระหนกว่า “เ้าคิดจะทำอะไร?”
“ทำไม เ้ากลัวแล้วหรือ? หึ อย่าคิดว่ารังแกข้าแล้วจะทิ้งข้าไปทำเื่ไม่ดีได้เชียว สตรีนางนั้นดูแล้วก็ไม่ใช่สตรีที่ดีเท่าไรนัก ขืนเ้ากล้าอยู่กับสตรีอย่างนั้นอีก สักวันข้าจะตัดส่วนนั้นของเ้าทิ้งเสีย อย่างมากสตรีอย่างข้าก็แค่เป็หม้ายตลอดชีวิต”
ลั่วถูตัวสั่นสะท้านอย่างห้ามไม่อยู่ ได้แต่กล่าวออกไปอย่างอึดอัด “เ้าอย่าทำแบบนี้เลย ข้ากับสตรีนางนั้นแค่มีธุรกิจต้องเจรจากันนิดหน่อยเท่านั้น แม้แต่มือของนางข้าก็ไม่ได้แตะ ข้าว่าพี่สาวเจียง ป้าเจียง คุณยายเจียง... ถ้าไม่มีอะไรแล้วเ้าอย่าขู่ข้าได้หรือไม่... เดี๋ยวข้าใแล้วหนีเตลิดเอานะ!”
“หึ... ” รอยยิ้มของเจียงิ่ดูราวกับบุปผาบานสะพรั่งด้วยความพอใจอย่างไรอย่างนั้น จากนั้นทำกิริยาที่ราวกับองค์หญิงผู้สง่างามบรรจงใช้นิ้วเรียวเชยคางของลั่วถูขึ้นพลางกล่าวอย่างแช่มช้าว่า “พี่สาวอย่างข้าไม่ได้ขู่เ้า เ้าหนีได้แน่ แต่พี่สาวจะตามติดเ้าไปเหมือนิญญา เ้าหนีไปไหน ข้าก็จะตามไปที่นั่น ลืมบอกเ้าไป ข้ามีความสามารถพิเศษอย่างหนึ่งคือการติดตาม ขอแค่เป็คนที่พี่สาว้า ไม่มีใครเคยหนีพ้นทั้งนั้น... ”
“หึ อวดดีเก่งนักนะ” ลั่วถูรู้สึกได้ว่าตัวเขาโดนหยอกล้อเข้าแล้ว ยื่นมือไปปัดเอานิ้วของเจียงิ่ออกพลางตอบกลับอย่างโมโห “ไปเรียนท่าทางไม่สุภาพอย่างนี้มาจากไหน!”
“สตรีก่อนหน้านี้เชยค้างหยอกล้อกับข้าเช่นนี้!” เจียงิ่กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์
“สตรีสมควรตายนั่น เื่ดีมีไม่สอน สอนแต่เื่ใช้ไม่ได้!” ลั่วถูสบถอย่างหัวเสีย แต่ก็ทำอะไรเจียงิ่ไม่ได้อยู่ดี
“ครั้งนี้ข้าเชื่อจะเชื่อเ้า ไหนๆ เมื่อครู่เ้าก็ะโรีบร้อนเข้ามาช่วยข้า ข้าจะไม่เอาเื่กับเ้าแล้วก็ได้ หลังจากนี้จำเอาไว้ให้ดี ตอนนี้เ้ามีภรรยาแล้ว ก็ควรหัดเก็บใจไว้กับตัวเสียบ้าง...”
“... ” ลั่วถูทำได้เพียงอ้าปาก เก็บเอาคำพูดเ่าั้ไว้ในใจ สตรีนางนี้เลือกตัวเขาแล้ว
“ข้างามหรือเปล่า?” เจียงิ่รั้งศีรษะของลั่วถูเข้ามาใกล้ พวกแก้มแดงระเรื่อเข้าประชิดใบหน้าของลั่วถู นำซ้ำยังถามกลับด้วยน้ำเสียงแ่เบาพร้อมกับลมหายใจหอมหวาน
ลั่วถูพยักหน้าอย่างกระอักกระอ่วน หากจะว่ากันตามตรงเจียงิ่ในตอนนี้ช่างงดงามเหลือเกิน ทว่าเขารู้สึกตะขิดตะขวงราวว่าสตรีนางนี้มีบางอย่างไม่ปกติ เื่งามก็งามจริงดังว่า แต่กลับทวีความน่ากลัวขึ้นเสียยิ่งกว่าตอนไม่สวยมากโข ก่อนหน้านี้อาจเป็แค่ลูกแกะตัวน้อย ส่วนตอนนี้ยามที่เขาอยู่กับเจียงิ่ ช่างเหมือนอยู่กับนางพยัคฆ์แสนดุร้ายตัวหนึ่งก็มิปาน...
ตอนที่ลั่วถู้าให้เจียงิ่แต่งตัวให้สมเป็สตรี เจียงิ่ได้กล่าวกับเขาว่า อย่าเสียใจทีหลัง... ตัวเขาในเวลานั้นไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไรนัก ทว่าครั้งนี้เขากลับพบว่าตัวเองเริ่มเสียใจเข้าจริงๆ เสียแล้ว สตรีนางนี้ไปกินของผิดสำแดงมาหรือไร หลังจากแต่งองค์ทรงเครื่องกลับเป็สตรีก็ดันกลายเป็คนบ้าระห่ำผู้หนึ่งไปเสียแล้ว!
“บอกกับข้ามาเสียดีๆ เ้ารู้จักคนที่มาลักพาตัวเ้าหรือไม่?” ลั่วถูไตร่ตรองถึงปัญหาอย่างหนึ่งได้ก็ถามออกไป
“เ้าบอกเองไม่ใช่หรือว่าเ้าหมอนั่นคือเยี่ยเหลียวฟางเด็ดเจ็ดบุปผางาม? เหตุใดถึงได้ถามเซ้าซี้ข้าอีก!” เจียงิ่แสร้งทำทีสับสน
“อย่ามาหลอกข้าให้เสียเวลานักเลย ถ้าเป็เยี่ยเหลียวฟางเด็ดเจ็ดบุปผางามจริง มีหรือเ้าจะยังทำทีผ่อนคลายเช่นนี้ได้ เกรงว่าคงกลัวจนแทบเสียสติไปแล้วกระมัง แต่ท่าทางของเ้าเมื่อครู่ ราวกับรู้เื่ทั้งหมดอยู่แล้วอย่างไรอย่างนั้น อย่าคิดว่าข้าโง่นักเลย ไม่เช่นนั้นข้าคงหมดความอดทนกับเ้าแล้วจริงๆ คนผู้นั้นอันตรายมาก ถึงข้าจะบังเอิญยิงโดนหมอนั่นได้ แต่ก็แทบไม่มีผลกับเขาเท่าไรนัก ถ้าพวกเราออกจากโรงเตี๊ยมแห่งนี้เมื่อไร เกรงว่าฝ่ายตรงข้ามคงไล่สังหารเราแน่ ถึงเวลานั้นหากไม่มีเ้าอ้วนค่อยช่วย พวกเราจะตายกันหมด!” ลั่วถูเริ่มมีน้ำโหเล็กน้อยเสียแล้ว
เมื่อเห็นหน้าตาจริงจังของลั่วถู เจียงิ่หลุดหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ สายตาที่มองนางไม่เหลือเค้าความเ็าแล้ว จับมือของเขาอย่างแ่เบา เอนกายพิงไหล่ของเขาอย่างอ่อนโยนพลางกล่าวเสียงเบาว่า “เ้าอย่าโมโหไปเลย ใช่แล้ว คนพวกนั้นข้ารู้จัก พวกเขาไม่ได้มาเพราะเ้า แต่มาเพราะข้า เมื่อครู่ข้าเพียงทดสอบดูว่าเ้าเป็ห่วงข้าจริงหรือไม่เท่านั้น จึงแกล้งสลบไป ข้ารู้แต่แรกแล้วว่าเถ้าแก่อ้วนผู้นั้นเป็ยอดฝีมือ หากอยู่ที่นี่ต้องไม่เป็อะไรแน่ อย่างไรเสียคนผู้นั้นก็ไม่กล้าสังหารข้า เ้าไม่ต้องกังวลใจนักหรอก”
“หมายความว่าอย่างไร? คนพวกนั้นไล่ตามมาเพราะเ้าจริงหรือ?” ลั่วถูได้แต่ใ เดิมทีเขาเพียงแค่คาดเดาเอาไว้ว่าคนพวกนั้นอาจไล่ตามมาเพราะความงดงามของเจียงิ่ จึงคิดจะลักพาตัวไป ทว่าพอได้ยินเจียงิ่กล่าวเช่นนี้ออกมา ย่อมหมายความว่าเื่ทั้งหมดไม่ง่ายดายอย่างที่เขาคิดเสียแล้ว
“ข้าก็ถูกพวกเขาไล่ตามไปจนถึงสนามรบฝานเหริน ตอนอยู่ที่นั่นก็ตามเ้ามาเพื่อหนีพวกเขาอย่างยากลำบาก ทว่าต่อมาในเมืองม่อหลาน พวกเขาก็พบตัวข้าเข้าจนได้ ซ้ำยังตามจนมาถึงเมืองเว่ยยางอีก... ”
“เ้าเป็ใครกันแน่ เหตุใดถึงได้มีศัตรูแข็งแกร่งเช่นนั้น? นั่นเป็ถึงศิษย์าขั้นหก!” สีหน้าของลั่วถูย่ำแย่เสียจนดูไม่ได้ ถ้าเป็อย่างที่เจียงิ่กล่าว อำนาจของคนพวกนี้ต้องไม่ใช่น้อยๆ แน่ ทว่าเจียงิ่เป็เพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง ทำไมถึงได้มีศัตรูแข็งแกร่งเช่นนี้ได้ การที่ศิษย์าขั้นหกคนหนึ่งคิดจะสังหารคนธรรมดา ก็ช่างง่ายดายเสียเหลือเกิน แต่กลับปล่อยให้เจียงิ่หนีมาไกลได้ขนาดนี้ ั้แ่หนีเข้าสนามรบฝานเหริน จนหนีมาถึงเมืองเว่ยยาง... เื่ราวทั้งหมดนี้ทำให้ลั่วถูประหลาดใจเหลือเกิน
“สถานะของข้าตอนนี้ยังไม่อาจบอกเ้าได้ ที่จริงแล้วเป็เพราะข้าหวังดีกับเ้า แต่เ้าต้องรู้ไว้ด้วยว่าเ้าเป็ผู้ชายของข้า บุรุษคนแรกที่ััใกล้ชิดกับข้า เช่นนั้นแล้วชั่วชีวิตนี้อย่าได้คิดหนีจากข้า แน่นอนว่าเ้าไม่มีวันสลัดข้าหลุด นอกเสียจากข้าหรือเ้าจะตายกันไปข้าง!” เจียงิ่ผ่อนหายใจอย่างเชื่องช้า ราวกับแบกความรู้สึกหนักอึ้งที่ไม่เคยมีมาก่อนเอาไว้
ลั่วถูรู้สึกย่ำแย่ขึ้นมาทันที สตรีผู้นี้ที่เขาพาตัวมาด้วย เกรงว่าไม่ใช่แค่เด็กกำพร้าแล้ว แต่เป็ต้นตอแห่งหายนะเสียมากกว่า!
“แต่ว่าคนพวกนั้นบุกมาจนถึงหน้าประตูแล้ว เ้าว่าพวกเราควรทำอย่างไร? เ้าเป็ใครกันถึงกล่าวออกมาไม่ได้ ต่อให้เป็เ้าหญิงของเผ่าิญญาแล้วมันอย่างไรหรือ?” ลั่วถูคิดและกล่าวออกมาอย่างหัวเสีย
“ก็แค่พวกมดปลวกที่ไม่กล้าสู้หน้าเท่านั้น วางใจเถอะ เื่เล็กเช่นนี้ไม่อาจเป็ภัยแก่พวกเราได้แน่นอน พรุ่งนี้เ้า้าสิ่งใด ควรทำสิ่งใด ก็ทำอย่างวางใจเสียเถอะ ไม่ต้องกังวลเื่ของคนพวกนี้ไป!” เจียงิ่ยิ้มหวาน นางรู้ว่าที่ลั่วถูทำเป็การห่วงใยนางอีกอย่างหนึ่ง ราวกับว่าลั่วถูไม่ได้กลัวศัตรูที่แข็งแกร่งสักเท่าไรนัก ในป่าแห่งนั้น แม้แต่คนอย่างจินต้าจงกับทูหลางล้วนตายด้วยน้ำมือของเขา นางพอจะดูออกว่าลั่วถูไม่ได้กลัวคนที่แข็งแกร่งเท่าไรนัก บางทีนี่อาจเป็เหตุผลว่าทำไมนางถึงได้เลือกคนตรงหน้าที่ดูอย่างไรก็เป็แค่เด็กหนุ่มธรรมดาคนหนึ่ง
บางทีในตอนแรกทั้งหมดล้วนเป็เพียงอุบัติเหตุ เป็เพียงความเข้าใจผิด แต่ตอนนี้ราวกับนางเปิดใจยอมรับได้แล้ว หากในวันที่ลั่วถูเสียมารยาทกับนาง นางไม่ได้สังหารเขา นางต้องยอมร่วมชีวิตกับบุรุษผู้นี้... นี่คือกฏที่มีมาั้แ่ครั้งโบราณ... กฎของตระกูลเจียง... ไม่ว่าคนที่ััคนแรกจะเป็ใครก็ตาม!
“ในเมื่อเ้าไม่คิดจะบอก เช่นนั้นก็ตามใจเ้า รีบพักผ่อนเสีย พรุ่งนี้พวกเราต้องรีบออกจากที่นี่ั้แ่เช้า เ้าคนผู้นั้นน่าจะาเ็ไม่เบา คงคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะออกจากที่นี่ทันที และนี่จะเป็โอกาสของพวกเรา!” ลั่วถูถอนหายใจ เขาไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเจียงิ่เป็ใคร และเอาความมั่นใจมาจากไหน แต่เขาไม่มีทางปฏิเสธคำกล่าวของสตรีตรงหน้าได้ บางทีคำพูดเ่าั้ของเจียงิ่อาจััเข้ากับอารมณ์บางอย่างในส่วนลึกในใจของเขาเข้าแล้ว...
ตัวเขาเป็เพียงขยะที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง ทว่ากลับมีสตรีที่งดงามไร้ใครเทียมยอมรับตัวเขาเป็สามีของนางชั่วชีวิต ช่างเป็เื่ที่ต้องใช้ความกล้าหาญไม่น้อยทีเดียว เขาไม่สงสัยในความจริงใจของคำพูดจากเจียงิ่สักนิด หรือบางทีเขาอาจควรทะนุถนอมนางให้มากกว่านี้เสียหน่อย!
บุรุษผู้หนึ่ง ถ้าแม้แต่สตรีนางหนึ่งยังไม่กล้าปกป้อง เช่นนั้นก็ไม่ใช่แค่ขยะแล้ว แต่เป็ไอ้ขยะขี้ขลาดต่างหาก! ในเมื่อเื่ราวทั้งหมดทั้งมวลนี้ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ สู้เผชิญหน้ากับมันตรงๆ เสีย แต่เดิมศัตรูของเขาก็มีไม่น้อยอยู่แล้ว ทั้งสมาคมซานชิง ทั้งพวกผู้เฒ่าหัวแข็งตระกูลลั่ว... ไหนจะยังหม่าทงเทียนกับหลิ่วฉิงคงผู้นั้นอีก... ต่อให้มีพวกที่ไม่รู้จักเพิ่มมาอีกสักคนสองคนก็ไม่เห็นจะเดือดร้อนสักเท่าไร
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้