วางคานบ้านได้ก็หมายความว่าตัวบ้านใกล้จะเสร็จแล้ว
เรียกได้ว่าคนบ้านสองนี้เป็คนพูดจริงทำจริง พอตัดสินใจได้แล้วก็ลงมือทำอย่างที่ว่าไว้ทันที
เห็นเฟิงซื่ออารมณ์ดี หลินฟู่อินก็อารมณ์ดีไปด้วย นึกได้ว่าอีกฝ่ายพูดถึงพี่ชายฝั่งมารดาของตัวเอง หลินฟู่อินจึงเออออตาม “เพราะท่านลุงช่วยเอาไว้จริงๆ วันที่วางคานบ้านต้องเชิญท่านลุงมาร่วมดื่มฉลองด้วยกันแล้วนะเ้าคะ”
เฟิงซื่อตบหลังมือหลินฟู่อินเบาๆ “ลุงใหญ่ของอาเฟินช่วยหาช่างอิฐ ส่วนลุงเล็กช่วยหาช่างไม้ ช่างไม้คนนั้นก็ฝีมือดีมากเช่นกัน คนทั่วไปจะจ้างยังไม่ได้ ดีที่ลุงคนนั้นของอาเฟินสมัยเด็กๆ มีจิตใจดีเคยรู้จักกันมาก่อน สมัยที่ไปร่ำเรียนวิชาช่างไม้ที่นั่นได้ช่วยเหลืองานไร่งานสวนเอาไว้มาก วันนี้ข้านับว่าโชคดีแล้ว”
หลินฟู่อินกล่าวชื่นชมตาม ทำให้เฟิงซื่อยิ่งดีใจเข้าไปใหญ่
พอหลินฟู่อินฟังจากน้ำเสียงของเฟิงซื่อแล้ว ก็รู้สึกว่าบ้านของอีกฝ่ายดูกระตือรือร้นพึ่งพาได้ คนเช่นนี้สมควรคบหาเอาไว้
จากนั้นน้ำเสียงเฟิงซื่อก็เปลี่ยนไป มองหลินฟู่อินด้วยความจริงใจ “จะว่าไปแล้ว พวกเราต้องขอบคุณฟู่อินที่สุด ทางฝั่งตายายของอาเฟินอาฟางต่างก็บอกให้ทั้งคู่จดจำความเอาใจใส่ของฟู่อินให้ดี”
หลินฟู่อินยิ้มบาง “ล้วนเป็พี่สาวน้องสาวกันทั้งนั้น อย่าได้พูดอะไรห่างเหินเช่นนี้เลยเ้าค่ะ”
เด็กสาวรู้สึกว่าการศึกษาของเฟิงซื่อดีมาก
แน่นอนว่าสมควรคิดเช่นนี้ ดูเถิดว่าเฟิงซื่อทนอยู่ในบ้านเดิมสกุลหลินมาหลายสิบปี พวกผู้หญิงลิ้นยาวช่างนินทาในหมู่บ้านหูลู่ยังไม่มีใครพูดถึงเฟิงซื่อในแง่ร้ายเลย เพราะใครๆ ก็รู้ว่านางเป็คนดีทั้งนั้น
“บ้านเราเริ่มจากบ้านไม้เก่าๆ หลังนี้ แต่อาเฟินอาฟางกล่าวว่าในเมื่อจะทำแล้วก็ต้องทำให้เหมาะสม” เฟิงซื่อพูดถึงลูกทั้งสองของตนด้วยความภาคภูมิใจ
หลินฟู่อินพยักหน้า “พี่อาเฟินอาฟางต่างก็เป็คนดีมีฝีมือทั้งคู่เ้าค่ะ!”
เห็นหลินฟู่อินกล่าวถึงสองพี่น้องอย่างยกย่อง สีหน้าของเฟิงซื่อก็หม่นลงเล็กน้อย “ล้วนเป็เพราะฟู่อิน อาเฟินอาฟางได้เงินค่าจ้างจากเ้า ไม่อย่างนั้นแล้วบ้านคงไม่เสร็จเร็วถึงเพียงนี้”
หลินฟู่อินประเมินสองพี่น้องเอาไว้ค่อนข้างสูง ที่จริงนางคิดว่าปัญหาไหนที่แก้ได้ด้วยเงินย่อมไม่อาจเรียกว่าปัญหา
ตามเฟิงซื่อไปจนถึงบ้านใหม่ก็เห็นว่าตัวบ้านหลักก่อด้วยอิฐแบ่งออกเป็สามส่วน ทำจนใกล้เสร็จแล้ว ดูแล้วอีกไม่กี่วันก็คงวางคานบ้านได้
บ้านอิฐสามส่วนนี้เล็กกว่าบ้านของนางหนึ่งส่วน สวนหน้าบ้านก็เล็กกว่าเช่นกัน ทว่าสวนหลังบ้านกลับใหญ่กว่าถึงสามเท่า
สิ่งนี้เฟิงซื่อเป็คนขอไว้เอง สวนหน้าบ้านพื้นที่ไม่พอ ทำสวนหลังบ้านให้กว้างจะได้มีพื้นที่ปลูกผักเพิ่มขึ้นอีกหน่อย
“บ้านใหญ่โตมากจริงๆ ดียิ่งนักเ้าค่ะ” เห็นแบบนี้หลินฟู่อินก็ยิ้ม นึกดีใจแทนอาเฟินอาฟาง
เฟิงซื่อทอดถอนใจ คิดว่าโชคดีเหลือเกินที่ได้ฟู่อินช่วยเหลือ ไม่อย่างนั้นคงต้องเบียดกันอยู่ในกระท่อมไม้พังๆ หลังนั้นไม่รู้อีกนานแค่ไหน
พอคิดถึงวันดีๆ ที่รออยู่ นางก็อารมณ์ดีขึ้นมา
ระหว่างนั้นเอง หลินต้าเหอที่ทำหน้าที่ใช้แรงงานอยู่ก็แบกถังใส่ดินเหนียวเข้ามา พอเห็นเฟิงซื่อกับฟลินฟู่อินอยู่ด้วยกันก็ยิ้มกว้างทักทายหลานสาว
แต่ก่อนตอนที่ยังไม่ได้สร้างบ้านใหม่ หลินต้าเหอรู้สึกโกรธหลินฟู่อินอยู่เล็กน้อย
กลับกัน เฟิงซื่อกลับด่าเขาว่าไม่เป็ลูกผู้ชาย ปล่อยให้น้องสะใภ้กับหลานสาวเดือดร้อน ไม่รู้ผิดรู้ถูก
โดนด่าเช่นนั้นหลินต้าเหอก็ไม่กล้าแสดงท่าทีอะไรอีก แต่ในใจยังคงโกรธเคืองอยู่เสมอ
กระทั่งหลินฟู่อินขายที่สำหรับสร้างบ้านตรงนี้ให้ในราคาถูก ตัวบ้านเริ่มเป็รูปเป็ร่างขึ้นทุกที ความโกรธเล็กๆ น้อยๆ ในใจก็ค่อยๆ หายไป
“ฟู่อินมาแล้ว ไม่เจอกันหลายวัน เสี่ยวเป่าเสี่ยวเป้ยเป็ยังไงบ้าง?” หลินต้าเหอถามถึงหลานๆ ทั้งสองด้วยความจริงใจ
หลินฟู่อินรู้ความหมายของเขาดี ในยุคนี้ที่ผู้ชายเป็ใหญ่ปกติจะถามถึงแค่หลานชาย ทว่าหลินต้าเหอหรือลุงสองของนางกลับถามถึงทั้งสองคน แสดงถึงความเป็ห่วงจริงๆ
ในสังคมเช่นนี้ โดยเฉพาะหลินต้าเหอที่มีเพียงลูกสาวสองคนไม่มีลูกชาย ปกติแล้วจะยิ่งใส่ใจเื่หลานชายมากกว่า
“เสี่ยวเป่าเสี่ยวเป้ยกินเก่งนอนเก่งกันมากเ้าค่ะ” หลินฟู่อินตอบ ไม่อยากเสียเวลาคุยเื่นี้นัก “เมื่อไรจะวางคานหรือเ้าคะท่านลุงสอง?”
พอพูดถึงเื่นี้หลินต้าเหอก็อารมณ์ดีกว่าเดิม บนใบหน้าสีน้ำตาลปรากฏรอยยิ้มกว้าง “เื่นี้ต้องรอให้ท่านตาของอาเฟินอาฟางหาฤกษ์มงคลก่อน หากใกล้ๆ นี้มีวันไหนเป็วันดีก็วางคานวันนั้น”
หลินฟู่อินพยักหน้า
ต่อให้เป็ยุคปัจจุบันก็ยังต้องดูฤกษ์ยาม ไม่ต้องพูดถึงยุคโบราณเลย
แต่หลินต้าเหอพูดว่าเป็ท่านตาของสองพี่น้องที่จัดการให้ ดูเหมือนทางบ้านของเฟิงซื่อจะทำได้จริงๆ ไม่อย่างนั้นคงต้องว่าจ้างผู้อื่นมาดูฤกษ์ให้
พอทราบเื่แล้วหลินฟู่อินก็ตั้งท่าเหมือนจะกล่าวอะไร
“ฟู่อิน” หลินต้าเหอร้องเรียก “ข้ากับท่านป้าสองของเ้าได้ถั่วปากอ้ามา ตอนนี้ยังวุ่นๆ อยู่เลยหยิบมาให้ไม่ได้ ประเดี๋ยวตอนเย็นหน่อยจะเอาไปให้นะ”
หลินฟู่อินยิ้มรับ
เฟิงซื่อมองหน้าหลานสาวแล้วทำท่าจะกล่าวอะไรสักอย่าง
ท่านป้าสองเป็อะไรกันแน่? หลินฟู่อินได้แต่สงสัยทว่าสีหน้ายังคงสงบนิ่ง
เฟิงซื่อยิ้ม “พ่อของเ้าไม่รู้วิธีปลูกถั่วชนิดนี้ ถึงที่บางแห่งจะดินไม่ดี แต่ถั่วปากอ้ากลับเติบโตได้ สุดท้ายก็ขึ้นมามากมาย ลุงสองของเ้าชั่งน้ำหนักดูแล้วก็ได้มามากกว่าสามร้อยจิน”
หลินฟู่อินคำนวณดู ที่ดินขนาดนี้กลับเก็บมาได้แค่สามร้อยจินนับว่าไม่มากเลย แต่นางรู้จากความทรงจำที่อยู่ในร่างนี้ว่าฉู่ซื่อชอบถั่วปากอ้ามาก ท่านพ่อหลินน่าจะเห็นว่าท่านแม่ชอบ จึงได้ปลูกถั่วปากอ้าไว้มากมาย แต่เอาไปปลูกบนพื้นที่รกร้าง
ท่านพ่อดีต่อท่านแม่มากจริงๆ
เฟิงซื่อเห็นหลินฟู่อินยิ้มอย่างใจลอยก็พูดต่อ “ถั่วปากอ้าพวกนี้ตากแห้งแล้วก็จริง ถั่วตากแห้งเช่นนี้ปกติไม่ค่อยมีให้เห็น เว้นเสียแต่ตามร้านที่นำมาขายเป็เมล็ดพันธุ์ ร้านที่รับซื้อก็ไม่ค่อยมี เ้าจะทำยังไง?”
เื่นี้นับเป็ปัญหาเช่นกัน
ถั่วชนิดนี้ให้ผลผลิตไม่มาก ทั้งยังไม่ใช่ของที่นิยมซื้อขายกัน แน่นอนว่าไม่ค่อยมีที่ไหนรับ
“เื่นี้เอาไว้ค่อยๆ คิดไปก็ได้เ้าค่ะ” หลินฟู่อินยังนึกไม่ออกว่าจะทำอย่างไรกับถั่วปากอ้าพวกนี้ดี
“ถ้านำไปขายคงได้ราคาไม่สูงนัก ถั่วชนิดนี้คนไม่ค่อยสนใจกันจริงๆ” หลินต้าเหอเองก็เป็ห่วงหลินฟู่อินเช่นกัน
เด็กสาวกล่าวให้ลุงป้าทั้งสองคลายกังวลอยู่หลายคำ ก่อนจะกลับบ้านตัวเอง
ทันทีที่เข้ามาในครัวก็เห็นเหล่าลิ่วเดินไปเดินมา ท่าทางเป็กังวลจนหลินฟู่อินประหลาดใจ
มองไปแวบเดียวก็เห็นว่าทั้งเหยือกและกล่องใส่เครื่องเคียงถูกล้างจนสะอาดเรียบร้อยแล้ว
เหล่าลิ่วไม่เคยทำเช่นนี้มาก่อน เหตุใดครั้งนี้จึงช่วยล้างจานให้นางได้เล่า?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้