หัวหน้าผู้คุมผู้ชื่นชอบการซุบซิบ เอ่ยถามหนิงมู่ฉืออย่างอยากรู้อยากเห็น “นี่ แม่นาง เ้าเกี่ยวข้องอันใดกับซื่อจื่อแห่งตำหนักอ๋อง ได้ยินว่าเพื่อเ้าแล้ว ถึงขั้นทะเลาะกับฝ่าาเชียว!”
หนิงมู่ฉือนิ่งตะลึงงันไปชั่วครู่ กอดผ้าห่มที่ได้รับมาแนบอก ปากกัดหมั่นโถว ก่อนจะเดินไปที่มุมหนึ่งของห้องขัง ไม่สนใจหัวหน้าผู้คุมอีก หัวหน้าผู้คุมเห็นท่าทางเช่นนั้นของหนิงมู่ฉือก็เบ้ปาก พร้อมทั้งเอ่ยวาจาดูแคลนออกมา “ช่างเถิด ไม่บอกก็ช่าง ถึงอย่างไรเ้าก็ใกล้จะตายอยู่แล้ว ข้าอยู่ที่นี่มาสามปี ยังไม่เคยได้ยินว่ามีผู้ใดสามารถออกไปจากที่นี่แบบมีชีวิตเลยสักคน”
หนิงมู่ฉือน้ำตาไหลขณะกัดหมั่นโถวที่เย็นชืด หมั่นโถวมีเนื้อแข็งมาก ยากที่จะกลืนลงคอ ในขณะเดียวกันก็นึกเป็ห่วงท่านอ๋องและจ้าวซีเหอที่อยู่ด้านนอกอย่างยิ่ง
ครั้นร้องไห้จนเหนื่อย นางก็รู้สึกง่วงขึ้นมา นางห่มผ้าแล้วหลับไป
ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินมองหมอหลวงที่คุกเข่าอยู่กับพื้น ตัวของหมอหลวงสั่นเทาอยู่ตลอด ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินเอ่ยด้วยน้ำเสียงน่าเกรงขาม “เ้าคือหมอหลวงที่ไปตรวจอาการให้ซูเฟยก่อนหน้านี้มิใช่หรือ”
หมอหลวงที่คุกเข่าอยู่กับพื้นยังคงตัวสั่นไม่หยุด ขณะกำลังจะทูลตอบ ขันทีน้อยที่อยู่ด้านนอกเดินเข้ามาด้านในพร้อมกับรายงานว่า “อัครมหาเสนาบดีเฉินอวี้ขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินพยักหน้าเป็การอนุญาต อัครมหาเสนาบดีในชุดขุนนางสีแดงเข้มเดินเข้ามาภายในตำหนัก ก่อนจะถวายความเคารพฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจิน “กระหม่อมถวายบังคมฝ่าา คาระวะท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
“ท่านอัครมหาเสนาบดีไม่จำเป็ต้องมากพิธี” น้ำเสียงของฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินเต็มไปด้วยความไม่สบอารมณ์ ราวกับอีกไม่นานจะะเิโทสะออกมา
อัครมหาเสนาบดีเดินไปยืนด้านข้าง จ้าวซีเหอเห็นเช่นนั้นก็ส่งยิ้มอ่อนไปให้พลางเอ่ย “ท่านอัครมหาเสนาบดี พระสนมซูเฟยตอนนี้ถูกพิษ ไม่ทราบว่าท่านได้ไปเยี่ยมหรือยัง”
เฉินอวี้มองหมอหลวงที่คุกเข่าอยู่กับพื้นผาดหนึ่ง ใบหน้าทั้งเป็กังวลและลุ่มลึกในเวลาเดียวกัน เมื่อได้ยินคำถามของจ้าวซีเหอ ยิ้มบางๆ พร้อมกับเอ่ยตอบ “หมอหลวงน่าจะไปดูอาการแล้ว ไม่มีเื่ใดต้องกังวลนี่ขอรับ”
จ้าวซีเหอยิ้มก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนเป็โกรธเกรี้ยว “แต่พระสนมซูเฟยใส่ร้ายแม่ครัวของตำหนักอ๋องของข้า ทำเช่นนี้เท่ากับใส่ร้ายตำหนักอ๋องของข้าด้วยเช่นกัน!”
เฉินอวี้ยิ้มตอบ “ข้าน้อยได้ยินนางกำนัลเล่าว่า อาหารที่บุตรสาวของข้าน้อยได้ทานล้วนเป็แม่ครัวผู้นี้ที่รับผิดชอบ ในเมื่อตรวจสอบแล้วว่าในปิ่งมีพิษ แบบนี้จะเรียกว่าใส่ร้ายได้อย่างไร ซื่อจื่อพูดเช่นนี้ ้าจะใส่ร้ายบุตรสาวของข้าน้อยหรือขอรับ!”
ท่านอ๋องลอบส่งสายตาให้บุตรชาย ก่อนจะหันไปเอ่ยกับเฉินอวี้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “เฉินอวี้ บุตรชายของข้าถูกตามใจจนเสียคน หากกล่าววาจาล่วงเกินท่านไป ขอท่านอย่าได้ถือสา”
เฉินอวี้แย้มยิ้มตอบกลับให้ท่านอ๋อง “ท่านอ๋องไม่จำเป็ต้องเกรงใจ ข้าน้อยทราบดีขอรับ”
จ้าวซีเหอแค่นเสียงฮึ ก่อนจะหันไปเอ่ยกับฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจิน “ทูลฝ่าา กระหม่อมมีพยานบุคคลพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินพยักหน้า เอ่ยถามหมอหลวงที่ยังคงคุกเข่าอยู่กับพื้น “เ้าว่ามาสิว่าพิษที่อยู่ในร่างกายซูเฟยใช่พิษเดียวกันกับพิษที่อยู่ในปิ่งใช่หรือไม่”
หมอหลวงตัวสั่นหนักยิ่งกว่าเดิม พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว ได้แต่เอ่ยเสียงดังว่า “ขอฝ่าาไว้ชีวิตกระหม่อมด้วย!”
ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินขมวดคิ้ว ก่อนจะใช้มือตบโต๊ะเสียงดัง ทำให้หมอหลวงมีสติแจ่มชัดขึ้นมาในทันใด ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินมองหมอหลวงด้วยแววตาคมปลาบ “เราถามเ้าว่า พิษที่อยู่ในร่างกายของซูเฟยคือพิษชนิดเดียวกันกับที่อยู่ในปิ่งใช่หรือไม่ เ้าจะให้เราไว้ชีวิตอันใดของเ้า!”
หมอหลวงก้มหน้าแนบพื้นขณะเอ่ยตอบเสียงสั่นเทา “ทูลฝ่าา กระหม่อมไม่ทราบว่า พระสนมซูเฟยถูกพิษอะไรพ่ะย่ะค่ะ!”
เฉินอวี้มีสีหน้าเ็า ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินเหลือบมองเฉินอวี้ผาดหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามหมอหลวงต่อ “เ้าบอกความจริงเรามา แล้วเราจะไว้ชีวิตเ้า!”
ตัวของหมอหลวงสั่นเทาอย่างรุนแรง “ทูลฝ่าา กระหม่อมตรวจพบว่า พิษที่อยู่ในร่างกายของพระสนมซูเฟยไม่ใช่พิษชนิดเดียวกันกับที่อยู่ในปิ่ง ถ้าหากว่าพระสนมถูกพิษที่อยู่ในปิ่ง ป่านนี้น่าจะต้องเสียชีวิตไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
เฉินอวี้ฟังถึงตรงนี้ คุกเข่าลงกับพื้นพร้อมกับเอ่ย “ทูลฝ่าา จากประโยคนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า แม่ครัวผู้นั้นจงใจวางยาพิษเพื่อทำให้บุตรสาวของกระหม่อมเสียชีวิตพ่ะย่ะค่ะ!”
ด้านจ้าวซีเหอถึงกับกำหมัดแน่นเมื่อได้ฟัง แทบอยากจะเข้าไปต่อยหน้าเฉินอวี้เสียเดี๋ยวนั้น ทว่าถูกท่านอ๋องลอบส่งสายตาห้ามเอาไว้เสียก่อน จึงทำได้แค่กำหมัดเเล้วก็คลายเเล้วก็กำอยู่เช่นนั้น
ท่านอ๋องลูบเคราขณะเอ่ยกับฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจิน “ฝ่าา ในเมื่อพระสนมซูเฟยไม่ได้ถูกพิษที่อยู่ในปิ่ง เช่นนั้นก็แสดงว่า นางถูกพิษหลังจากที่ได้ทานปิ่งเข้าไป”
ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินทำท่าขบคิดอยู่ชั่วครู่ หลังจากมีรับสั่งให้โบยหมอหลวงผู้นี้สามสิบที ก็หันไปรับสั่งกับท่านอ๋อง “ในเมื่อเป็เช่นนี้ เราจะไปถามที่ตำหนักิฉือให้รู้เื่!”
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะเดินตามฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินไปยังตำหนักิฉือ
ซูเฟยที่นอนใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเ็ปทรมานทราบข่าวนี้รีบลุกขึ้นมานั่ง ก่อนจะเรียกนางกำนัลที่อยู่ด้านนอกห้องให้เข้ามา “พวกเ้าฟังข้าให้ดี หากฝ่าาตรัสถาม ก็ให้บอกไปว่า ชุนเถาเป็คนวางยาข้า เเล้วก็ห้ามเอ่ยเื่ของหนิงมู่ฉือขึ้นมาเด็ดขาด เข้าใจหรือไม่!”
ซูเฟยทราบการสนทนาที่เกิดขึ้นในตำหนักของฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินแล้ว เื่นี้ยิ่งนานวันเข้าก็ยิ่งกลายเป็เื่ใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ การมาครั้งนี้ของฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินน่าจะมาเพื่อถามนางให้แน่ชัด ทำให้นางรู้สึกเครียดยิ่งนัก
“แต่ก่อนหน้านี้ มีข่าวลือออกไปว่าที่ชุนเถาฆ่าตัวตายเพราะปัญหาทางบ้าน…”
“ก็บอกไปว่า ข้าเองก็ถูกนางหลอกเช่นกัน พวกเ้านี่ไร้ประโยชน์เสียจริง!”
ครั้นได้ยินคำประกาศว่า “ฝ่าาเสด็จ” หัวใจซูเฟยเต้นรัวและแรง นางพยายามรวบรวมแรงเพื่อลุกขึ้นนั่ง เมื่อเห็นฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินเดินเข้ามาพร้อมท่านอ๋องและจ้าวซีเหอ รวมถึงบิดาของตัวเองด้วย อีกทั้งข้างหลังยังมีหมอหลวงเดินตามเข้า สีหน้าพลันเปลี่ยนเป็ซีดขาว
เฉินอวี้เห็นท่าทางของบุตรสาวที่ดูเ็ปและอ่อนแรง รีบวิ่งเข้าไปหาด้วยความปวดใจ “เ้าเป็อย่างไรบ้าง”
ซูเฟยส่งยิ้มให้แก่บิดา “เรียนท่านพ่อ ลูกดีขึ้นมากแล้วเ้าค่ะ”
ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินมองซูเฟยด้วยสีหน้าราบเรียบ น้ำเสียงที่เอ่ยถามเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความกดดัน “เราขอถามเ้า หนิงมู่ฉือเป็คนวางยาพิษเ้าจริงๆ ใช่หรือไม่”
ซูเฟยได้ยินคำถาม สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย นางสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะร้องไห้ออกมา น้ำตาไหลอาบแก้มดุจหยาดน้ำฝนที่หยดลงบนดอกสาลี่ “ฝ่าา หม่อมฉันไม่รู้ว่าตัวเองไปล่วงเกินผู้ใดเข้า ถึงได้มีคนคิดร้ายต่อหม่อมฉันมากมายเพียงนี้ ถึงขั้นอยากวางยาหม่อมฉันให้เสียชีวิต เป็หม่อมฉันที่เข้าใจผิดแม่นางหนิงไป หม่อมฉันให้คนไปสืบความจริงเื่นี้จนกระจ่างแล้วเพคะ พิษที่อยู่ในปิ่งเป็ฝีมือของชุนเถา นางกำนัลคนสนิทของหม่อมฉันเองเพคะ”
ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินได้ยินก็มองซูเฟยด้วยแววตาไม่อยากจะเชื่อ ขณะที่จ้าวซีเหอมีสีหน้าเย้ยหยัน ส่วนท่านอ๋อง สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ
“เช่นนั้นสนมรักบอกเราได้หรือไม่ว่า พิษที่อยู่ในตัวเ้าแท้จริงแล้วคือพิษชนิดใด” ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินจ้องมองซูเฟยด้วยแววตาคมกริบ ราวกับจะมองทะลุไปให้ถึงข้างใน
ใจของซูเฟยกระตุกคราหนึ่ง ก่อนจะยิ้มบางๆ แล้วเอ่ยทูล “ฝ่าา ก่อนหน้านี้ท้องของหม่อมฉันบวมเล็กน้อย ทั้งยังรู้สึกเ็ปนัก หม่อมฉันจึงคิดว่าตัวเองถูกพิษ แต่ต่อมาหมอหลวงให้หม่อมฉันดื่มยา ตอนนี้จึงรู้สึกดีขึ้นมากแล้วเพคะ”
ท่านอ๋องแค่นเสียงฮึ ก่อนจะเอ่ยออกมา “ร่างกายของพระสนมช่างล้ำค่าเสียจริง เกือบจะทำให้คนในตำหนักอ๋องของกระหม่อมทั้งหมดเกือบต้องตายเพื่อชดใช้ความผิดเพียงเพราะความไม่ตั้งใจของพระองค์!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้