เจียงไป๋หาละครที่ดังมากเื่หนึ่งมาดูทั้งคืนแล้ว จึงจะสามารถดับใจที่ร้อนรุ่มลงได้และค่อยๆ นอนหลับไป วันที่สองเริ่มใช้ชีวิตตามปกติของเขา แต่สิ่งที่ต่างออกไปก็คือ เหมือนกับว่าหลินหว่านหรูจะเสียขวัญมาก คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะไม่อาสามาส่งข้าวให้เขาแล้ว ทำให้เจียงไป๋ที่เข้าสู่มหาวิทยาลัยเทียนตูมาครึ่งเดือนกว่าอย่างเลี่ยงไม่ได้นั้น ต้องเดินออกมาจากห้องสมุดเป็ครั้งแรก และมาหาร้านเล็กๆ หน้าประตูทางเข้าของมหาวิทยาลัย เขากินมันฝรั่งเนื้อวัวราดข้าวที่หอมอร่อยไปหนึ่งชาม
เจียงไป๋บิดี้เีก่อนจะจุดบุหรี่ และสูดหายใจลึก ทั้งพ่นควันเป็ชั้นๆ ทั้งฮัมเพลง เดินพลิ้วไปทางห้องสมุด แต่เพิ่งจะถึงประตูก็ถูกคนหยุดไว้ก่อน
“นายก็คือเจียงไป๋?”
ตอนที่เจียงไป๋กำลังจะก้าวไปที่ขั้นบันได หญิงสาวคนหนึ่งที่ทำให้ผู้คนตาลุกวาวก็ลงมาจากรถออฟโรด เธอสวมชุดตำรวจ ผมสั้นดูมีประสบการณ์ความสามารถทั้งยังพกพาความสวยหยาดเยิ้มมาด้วย ชุดตำรวจที่หลวมปกปิดรูปร่างที่น่าประทับใจนั้นไว้
“ฉันหลิวรั่วหนานมาจากหน่วยสืบสวนอาชญากรรม”
ตำรวจสาวพูดพลางหยิบบัตรประจำตัวออกมาแสดงต่อหน้าเจียงไป๋
ในเวลาเดียวกันบนรถก็มีผู้ชายอีกสองคน เป็คนแก่และชายหนุ่ม คนแก่อายุประมาณห้าสิบกว่าปี รูปร่างอ้วนท้วนอยู่บ้าง บนหัวมีผมดำบางๆ เผยให้เห็นหัวล้านมันวาว ส่วนคนหนุ่ม หน้าตาอ่อนเยาว์ อายุไม่น่าจะเกินยี่สิบปี คงจะห่างจากเจียงไป๋ไม่เท่าไร
พอทั้งสองคนลงมาจากรถก็มองเจียงไป๋อย่างระวังตัว โดยเฉพาะสายตาที่สับสนของพวกเขาเผยความหวาดกลัวออกมาบ้างแล้ว
“สวัสดี คุณตำรวจหลิว ไม่ทราบว่ามาหาผมมีธุระอะไรครับ?”
เจียงไป๋สังเกตตำรวจสาวสวยพริ้มเพราที่อยู่เบื้องหน้าพลางถามอย่างไม่ใส่ใจ
ความคิดแรกก็คือเ้าจางฉางเกิงคนนั้นแจ้งความแล้ว?
แต่ไม่นานก็ล้มเลิกความคิดนี้ไป
หากจางฉางเกิง้าจะสู้กับเขาจริงๆ แค่สามคนนี้หรือ?
ล้อเล่นน่า!
อย่างน้อยก็ต้องเป็ตำรวจพิเศษสักกอง และพกอาวุธหนักมาล้อมที่นี่ไว้อย่างแ่าถึงจะถูก?
ถึงอย่างไรการแสดงออกของเจียงไป๋ก่อนหน้านี้ จางฉางเกิงก็เห็นแล้ว พอลงมือสักครั้งก็จะต้องทำให้เต็มที่ มิฉะนั้นก็คงจะฆ่าเขาไม่ได้
“ฉันมาที่นี่ก็เพราะเื่เมื่อวาน หวังว่าคุณจะให้การช่วยเหลือฉันในการสืบสวน!”
หลิวรั่วหนานมองเจียงไป๋ที่อยู่ตรงหน้าอย่างเยือกเย็นพลางพูด แต่ไม่ได้แสดงอาการใดๆ ออกมา เธอมองเจียงไป๋ที่มีใบหน้าสดใสยิ้มแย้ม
“เมื่อวานเื่อะไร? คุณตำรวจ ผมว่าคุณเข้าใจผิดแล้ว เมื่อวานผมนอนอยู่บ้าน” เจียงไป๋ยักไหล่พลางพูดด้วยใบหน้าที่บริสุทธิ์
“นอนอยู่บ้านหรือ? คำพูดนี้ฉันแนะนำให้คุณกลับไปกับฉันแล้วค่อยพูดเถอะ! เจียงไป๋คุณคิดว่าตำรวจทุกคนเป็คนโง่หรือ? เื่เมื่อวานเขาลือกันให้กระฉ่อน คุณคิดว่าพวกเราจะไม่รู้หรือ? ได้ยินว่ามีคนตายไปสิบกว่าคน นี่คือคดีอาญาที่ะเืขวัญ อย่าคิดว่าพวกคุณจัดการสะอาดสะอ้านแล้วจะไม่มีใครรู้ ไปกับฉันแล้วให้การอย่างตรงไปตรงมา!” น้ำเสียงของหลิวรั่วหนานสูงขึ้นเป็แปดเท่า และพูดอย่างมีโทสะ
“คุณมีหลักฐานไหม? อีกอย่างคนเดียวซัดคนสองร้อยกว่าคนคุณเชื่อหรือ?”
ท่าทางของอีกฝ่ายไม่สู้ดีนัก แต่เจียงไป๋ก็ไม่ได้เกรงใจ และตอบกลับไปอย่างเยือกเย็น
“เื่นี้ … ”
แค่ประโยคเดียวก็ทำให้หลิวรั่วหนานถึงกับอึ้งไป และก็พูดไม่ออกอยู่นาน
จริงๆ แล้วตอนแรกที่ได้ยินข่าวนี้เธอก็รู้สึกว่าเป็เื่ไร้สาระ
คนคนเดียวซัดคนสองร้อยกว่าคนหรือ?
ล้อเล่นน่า!
ไม่ใช่ถ่ายหนังถ่ายละครสักหน่อย
แต่ก็มาจากปากของหลายคน เธอจะไม่เชื่อก็ไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องมาหาเจียงไป๋อย่างรีบร้อน เพื่อจะพาตัวเขาไปไต่ถามให้ได้ความ แต่กลับลืมไปเลยว่าตนเองไม่มีหลักฐานใดๆ
โดยเฉพาะแวบแรกที่เธอเห็นเจียงไป๋ ก็รู้สึกว่าชายหนุ่มที่ภายนอกดูผอมและอ่อนแอตรงหน้าคนนี้ไม่น่าจะเป็คนแกร่งแห่งวงการที่เล่าลือกันได้ ก่อนหน้านี้ก็แค่พูดไปตามหน้าที่ และเมื่อได้ยินเจียงไป๋พูดอย่างนี้ กลับทำให้เธอรู้สึกว่าทำอะไรผิดไป
ในสายตาใสแวววาวของเจียงไป๋มีความเ้าเล่ห์ และมองทั้งสามคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างหยอกล้อ พลางพูดเล่นๆ ว่า “โดยเฉพาะหากเป็เื่จริง คุณคิดว่าแค่พวกคุณสามคนจะจับผมได้หรือ? เมื่อวานที่เล่าลือกัน สองร้อยกว่าคนนั้นมีคนพกปืนสิบกว่าคนเลย แต่เหมือนกับว่าพวกเขาจะตายทั้งหมด!”
ท่าทางของอีกฝ่ายแค่วางมาดเพื่อตบตาเท่านั้น แต่เจียงไป๋มั่นใจได้ว่าพวกเขาไม่มีหลักฐานแม้แต่น้อย เพียงแค่ผู้หญิงตรงหน้าคนนี้ได้ยินคำเล่าลือแล้วจึงมาหาเื่เท่านั้น ทั้งยังพูดอย่างไม่คิดอะไรอีก
“นาย … นายคิดจะทำอะไร?”
คำพูดของเจียงไป๋แค่ประโยคเดียวทำให้หลิวรั่วหนานใจนแทบจะะโหนี การเผชิญหน้ากับร่างที่เข้ามาใกล้ของเจียงไป๋ทำให้เธอตัดสินใจถอยหลังไปสองก้าว
คู่หูสองคนของเธอก็เหมือนได้พบกับศัตรูที่แข็งแกร่งเข้าแล้ว โดยเฉพาะคนหนุ่มยื่นมือเข้าไปในทรวงอก เตรียมที่จะดึงปืนออกมา
“ฮ่าๆ ไม่มีอะไร!” เจียงไป๋หัวเราะเสียงดังแล้วหันหลังเดินไปโดยไม่ได้สนใจผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าอีก
“น่าเกลียด!”
ตอนที่เจียงไป๋หายไปจากด้านหน้าของพวกเขาทั้งสามคนแล้ว หลิวรั่วหนานก็เพิ่งจะมีการตอบสนอง เธอต่อยไปที่ประตูรถอย่างรุนแรงทีหนึ่ง!
“พี่รั่วหนานจะทำอย่างไร? ทางด้านจางฉางเกิงก็บอกว่าไม่มีเื่แบบนี้ ลูกชายของเขาได้รับาเ็เพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลูกสมุนของเขาก็ไม่ได้มีใครขาดหาย ส่วนเจียงไป๋ก็ไม่ยอมรับ พวกเราก็ไม่มีหลักฐาน โดยเฉพาะ … โดยเฉพาะ … ” ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ หลิวรั่วหนานเข้ามาพูดกระซิบกระซาบ
“โดยเฉพาะอะไร?” หลิวรั่วหนานถามอย่างเยือกเย็น
“โดยเฉพาะหากที่เล่าลือกันเป็เื่จริง พวกเราสามคนก็คงทำอะไรเขาไม่ได้! เื่อย่างนี้ผมว่าดูแล้วน่าจะไม่ใช่เื่จริง คนคนเดียวซัดคนถึงสองร้อยกว่าได้ ทั้งยังมีอีกสิบกว่าคนพกปืนด้วย? นี่จะเป็ไปได้อย่างไร! ถ้าหาก … หากเป็เื่จริงล่ะก็ ผมว่าพวกเราอย่าได้ไปแหย่เขาเลย เมื่อครู่ผมคิดว่าเขาจะลงมือฆ่าพวกเราปิดปากแล้วเสียอีก ผมใจนเหงื่อตกเลย เกือบจะชักปืนออกมาแล้วด้วย”
ตำรวจหนุ่มคนนั้นหดหัว มองหลิวรั่วหนานที่มีใบหน้าเยือกเย็นพลางพูดกระซิบกระซาบ
ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าตำรวจหญิงที่แสนสวยทำไมถึงได้มีนิสัยอย่างนี้ ปกติจะไม่แสดงอาการอะไรต่อหน้าคนอื่นมากนัก จะมีก็แต่ท่าทางเยือกเย็น แต่นิสัยก็ใจร้อนจนน่ากลัว
นึกถึงตอนที่เขาถูกจัดให้อยู่หน่วยสืบสวนอาชญากรรม เขาไปรายงานตัวกับเธออย่างเร่งรีบ เพื่อ้าที่จะอยู่ทีมเดียวกับเธอ แต่ตอนนี้เขาเกลียดจนแทบอยากจะตบตนเองสักทีแล้ว
“นายกลัวหรือ! มีอะไรน่ากลัว! โลกที่สว่างไสวมีแต่สันติสุขนี้ยังคงเป็ของประชาชน! อย่าได้สนว่าเขาเป็ใคร! หากกล้าทำความผิดจริงๆ ฉันหลิวรั่วหนานจะจับเขาเป็คนแรก! เฉียนเสี่ยวห้าว ถ้านายกลัวก็ไปยื่นคำร้องขอย้ายออกได้ อย่ามาตามฉัน!”
เมื่อครู่หลิวรั่วหนานก็ถูกปั่นหัวแล้ว โดยเฉพาะเจตนาร้ายที่เหมือนจะมีหรือไม่มีนั้นก็ทำให้เธอใ เธอรู้สึกว่าเสียหน้า และตอนนี้เฉียนเสี่ยวห้าวกลับมาพูดอย่างนี้อีก เธอยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่
“เหอะๆ รั่วหนาน ฉันว่าพอแค่นี้เถอะ เมื่อครู่เธอก็เห็นแล้ว ไอ้เ้านั่นไม่เห็นจะคำนึงถึงอะไรเลย พิจารณาจากประสบการณ์หลายปีมานี้ของฉัน ถึงคำเล่าลือจะไม่ใช่เื่จริง เจียงไป๋คนนี้ก็ไม่ได้แหย่ได้ง่ายๆ อย่างน้อยก็ทำให้พวกเราลงไปนอนกับพื้นได้อย่างง่ายดาย ลุงลวี่คนนี้เหลืออีกสามเดือนก็จะเกษียณแล้ว เธอก็ถือเสียว่าสงสารฉันเถอะ สามเดือนหลังจากนี้เธออยากจะทำอะไรก็ได้ ตอนนี้พวกเราสามคนเป็ทีมเดียวกัน หากเธอยังดึงดัน ก็จะทำให้เสี่ยวห้าวกับลุงเดือดร้อนไปด้วย!”
ชายวัยกลางคนที่เงียบมาตลอดตอนนี้ได้ปริปากพูดแล้ว แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สนับสนุนการกระทำของหลิวรั่วหนาน!
“เฮ้อ! ขี้ขลาดทั้งสองคน!”
ทั้งสองคนถกเถียงกันไปมาจนใบหน้าของหลิวรั่วหนานยิ่งเยือกเย็น เธอตรงขึ้นรถและรีบขับออกไปอย่างไม่เกรงกลัวอะไร ทำให้ผู้ที่ถูกทิ้งไว้ทั้งสองคนต้องมองหน้ากันอย่างจำใจ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้