บทที่ 82 ตั๊กแตนจับจักจั่น
“ตูม ตูม... ” ขณะที่บางคนใจนล่าถอยไป จุดดำที่ทะยานมุ่งไปยังกลุ่มคนพลันะเิขึ้น จากนั้นประกายสายฟ้าจ้าตากระจายออกไปรอบทิศ ถักทอกันกลางอากาศกลายเป็ม่านสายฟ้าขนาดั์ โจมตีเข้าใส่วัวเพลิงและกลุ่มนักรบกันถ้วนหน้า
“นั่นมันภัยพิบัติสายฟ้าอย่างนั้นหรือ... ” ลั่วถูได้แต่มองด้วยความตกตะลึง ม่านสายฟ้าอันน่าหวาดกลัวร่วงลงจากฟ้าราวกับน้ำตกอย่างไรอย่างนั้น เข้าครอบคลุมไปทั่วทุกตารางนิ้วของพื้นดิน ถึงลั่วถูจะอยู่ห่างออกไปหลายสิบจั้งก็ยังพลอยรู้สึกเสียวสันหลังจนขนลุกวาบไปด้วย ช่างเป็ของที่แสนอันตรายจนยากจะบรรยายก็ไม่ผิดนัก ราวกับเป็ความสั่นกลัวที่ออกมาจากส่วนลึกของจิติญญา
“ซูเสี่ยวพั่ง เ้ามันงี่เง่า... ” มีคนด่าออกมาแล้ว
“ฮ่าฮ่า เพลิงภูตนี่คือของข้า ท่านซูผู้นี้ ใครกล้าแย่งไปข้าจะะเิมันให้ตาย... ” ซูเสี่ยวพั่งตอบกลับอย่างโอหัง จากนั้นร่างที่อ้วนท้วนผิดปกติของเขาพุ่งเข้าใส่ม่านสายฟ้าอย่างไม่ลังเล
ยอดฝีมือส่วนใหญ่ของเผ่าต่างๆ ล้วนถูกพลังของสายฟ้าอันน่าขนลุกขนพองแผดเผาจนิัไหม้ไปหมด ต่างร้องคร่ำครวญกันระงม ไม่กี่คนที่หลบทันก็หนีออกจากระยะสู้รบไปแล้ว สีหน้ามัวหมองกันไปหมด ราวกับว่าพวกเขาไม่อยากพบเ้าอ้วนสมควรตายผู้นี้เสียยิ่งกว่าอะไร แต่เ้าอ้วนน่ารังเกียจกลับตามติดราวกับเงาที่สลัดไม่หลุด และสิ่งที่ทำให้พวกเขาโมโหที่สุดคือ พวกเขาไม่กล้าลงมือสังหารเ้าอ้วนบัดซบผู้นี้...
ในม่านสายฟ้า ยอดฝีมือที่เดิมทีกำลังแย่งกันหนีออกมาอย่างน่าอนาถ ทว่าเ้าอ้วนที่เข้าไปในสายฟ้ากลับดูราวกับเพียงถูกฝนตกลมพัดผ่านเล็กน้อยเท่านั้น พุ่งเข้าหาวัวเพลิงที่นอนชักกระตุกอยู่อย่างตื่นเต้น
ลั่วถูที่ได้แต่มองอยู่ไกลๆ ตะลึงจนอ้าปากค้างไปแล้ว เ้าอ้วนที่ดูไปแล้วท่าทางไม่มีพิษภัย แต่กลับว่ายืนตากสายฟ้าสบายใจได้ คนเราไม่อาจดูแค่ภายนอกได้จริงๆ ไม่รู้ว่าเป็เพราะมีรากิญญาสายฟ้าที่หาได้ยากยิ่งอยู่ในร่างหรือเป็เพราะบนร่างมีสมบัติที่ช่วยหลบหลีกสายฟ้าได้ แต่ดูจากการที่พลังสายฟ้าเข้าเข้าสู่ร่างกายของเขา แต่กลับดูเหมือนกินยาชูกำลังเข้าไปแบบนี้ เกรงว่าคงเป็เพราะคุณสมบัติร่างกายที่พิเศษ สายฟ้าไม่เพียงไม่ทำร้ายเขา แต่เป็ดั่งสารอาหารให้เขาอย่างไรอย่างนั้น
“ซูเสี่ยวพั่ง ต่อให้เ้าแย่งเพลิงภูตไปได้ เ้าคิดว่าจะหนีการร่วมมือของพวกข้าพ้นหรือ?” มีคนคำรามออกมาอย่างโกรธแค้น เ้าอ้วนสมควรตายผู้นี้ไม่รู้ว่าใช้อะไรสร้างเขตแดนสายฟ้าขึ้นมาได้ชั่วคราว คนเหล่านี้ราวกับรู้จักเ้าอ้วนเป็อย่างดี บางทีพวกเขาอาจใช้สมบัติบางอย่างเพื่อให้อยู่ในเขตแดนสายฟ้าได้อย่างปลอดภัยสักครู่ ทว่าการประมือกับเ้าอ้วนในเขตแดนสายฟ้า มันแกว่งเท้าหาเสี้ยนชัดๆ และที่สำคัญหากตัวเองาเ็ในเขตแดนสายฟ้า รอบตัวยังมีคนมากมายรอโอกาสแย่งชิงเพลิงภูตอยู่ เกรงว่าสุดท้ายความพยายามของตนยังคงเป็การตัดชุดแต่งงานให้คนอื่น[1] ดังนั้นหากไม่ถอยออกมาด้วยกันทั้งหมด ก็ต้องล้อมบริเวณนี้เอาไว้ให้หมด ต่อให้เ้าซูได้เพลิงภูตไป แต่หากคิดหนีจากวงล้อมของคนมากมายขนาดนี้ คงเป็ไปไม่ได้ แม้คุณสมบัติร่างกายของเ้าอ้วนสมควรตายนี่จะพิเศษสักเพียงไร แถมระดับพลังก็ไม่ขี้เหร่ อย่างไรเสียสองหมัดยังยากจะต่อกรกับสี่แขน แต่เ้าอ้วนสมควรตายนี่ยังมียอดไม้ตายอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือเงิน...
“โอวหยางเสี่ยวม่อ พี่อ้วนของเ้าทำจะสิ่งใดก็ไม่เกี่ยวกับเ้า... ” ซูเสี่ยวพั่งไม่สนใจคนเหล่านี้แต่แรกแล้ว อย่างไรเสียพวกเขาก็สร้างอาคมนอกเขตแดนสายฟ้าไปเรียบร้อยแล้ว ทว่าเขาต้องกังวลด้วยหรือ? ในขณะที่กำลังสนทนา คมดาบสีเขียวเล่มหนึ่งแทงเข้าไปที่คอของวัวเพลิงที่นอนกระตุกอยู่อย่างไม่ลังเล ร่างอ้วนท้วนบิดตัวเล็กน้อย หัววัวขนาดั์ก็ขาดออก แต่สิ่งที่ไหลออกจากร่างของวัวเพลิงไม่ใช่เื แต่เป็ของเหลวที่ดูราวกับลาวาเสียมากกว่า พอหยดลงถึงพื้นก็แข็งตัวเป็หินในทันที
“ิญญาเพลิงของข้า รีบออกมาหาข้าเสียดีๆ ... ” เ้าอ้วนขยับมือในลักษณะของประทับมือบางอย่างอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นตบลงบนหัววัว จากนั้นเปลวไฟได้เคลื่อนตัวออกจากศพวัวตัวไปยังส่วนหัว เปลวไฟบนร่างที่ไม่ใช่ส่วนหัวดับลงอย่างรวดเร็ว เปลวไฟพวกนั้นควบรวมตัวกันเร็วขึ้นเรื่อยๆ และกลายเป็รูปหัววัวในที่สุด คิดจะหนีออกจากฝ่ามือของซูเสี่ยวพั่งไปให้ไกล
“ิญญาเพลิง... เป็เพลิงอสูร... ” ในที่สุดก็มีคนมองรูปร่างของิญญาเพลิงออก ชัดเจนว่าเป็เพียงเพลิงอสูรไม่ใช่เพลิงภูต แต่ถึงจะเป็เพลิงอสูร ก็ยังคงเป็สมบัติที่หาได้ยากยิ่งอยู่ดี โดยเฉพาะสำหรับอาจารย์ปรุงยา ต่อให้ไม่ใช่อาจารย์ปรุงยา แต่เป็ผู้ฝึกตนที่มีรากิญญาเพลิงคนอื่นๆ หากได้รับเพลิงนี้ ย่อมเข้าใกล้ระดับปรมาจารย์ไปอีกขั้น
“ต้วนชิง เ้าคิดจะปล่อยให้เ้าอ้วนสมควรตายเอาเพลิงอสูรไปทั้งอย่างนี้หรือ?” โอวหยางเสี่ยวม่อหันไปกล่าวถามศัตรูที่ปะทะกับเขาเมื่อครู่
“โอวหยาง เ้ามีความคิดอะไรดีๆ หรือ?” ต้วนชิงเองก็ไม่อยากเห็นซูเสี่ยวพั่งเอาเพลิงอสูรไปเช่นกัน
“เขตแดนสายฟ้าของเขาอยู่ได้อีกไม่นาน ถ้าพวกเราโจมตีสุดกำลัง มันต้องทนได้ไม่นานแน่... ”
“เห็นด้วย... เ้าโจมตีด้านขวา ข้าโจมตีด้านซ้าย... ” ต้วนชิงพยักหน้า จากนั้นหันไปถามกลุ่มคนที่จ้องรอตะครุบเหยื่อว่า “พวกเ้ามีความเห็นอะไรหรือไม่? ถ้าไม่มี เช่นนั้นก็จัดการเขตแดนสายฟ้านี้ก่อนเถอะ... ”
การคงอยู่ของลั่วถูไม่ค่อยดึงดูดความสนใจสักเท่าไรนัก ขณะที่มิติลับคลายผนึก มีคนธรรมดาไม่ทันระวังหลุดเข้ามาจริงๆ เพียงแต่คนเ่าั้ก็ตายไปในมิติลับนี้อย่างรวดเร็ว จากมุมมองของพวกเขา ลั่วถูอาจเป็เพียงเด็กที่โชคดี แต่ก็โชคร้ายไปพร้อมๆ กัน คนหนึ่งเท่านั้น...
ความจริงแล้วลั่วถูดูไม่ค่อยเข้าใจคนเหล่านี้สักเท่าไร ก็แค่คนอ้วนคนหนึ่ง เขตแดนสายฟ้าทำให้ผู้คนหวาดกลัวก็จริง แต่ยังมีอีกสารพัดวิธีที่จะออกห่างจากเขตแดนสายฟ้าไปโจมตีเ้าอ้วนได้ ทำให้เ้าอ้วนไม่อาจได้เพลิงอสูรง่ายดายเช่นนี้ แน่นอนว่า ในบรรดาคนกลุ่มนี้ผู้ที่ระดับพลังต่ำที่สุดย่อมเป็ตัวเขาเอง และเขาไม่โง่พอจะเป็ผู้เปิดศึกแน่ กับเ้าอ้วนที่หยิ่งผยองจนกล้าไปแย่งอาหารจากปากเสือ ต้องไม่ใช่เพราะเขาโง่ แต่เป็เพราะเขาต้องมีวิธีหรือไพ่ตายบางอย่างซ่อนอยู่ อย่างน้อยก็ต้องมีวิธีที่จะหนีได้เร็วพอ ไม่เช่นนั้นถ้าเขตแดนสายฟ้าสลายไปเมื่อไร ต่อให้เป็ร่างกายที่อ้วนท้วนของซูเสี่ยวพั่ง ก็ยังไม่พอให้ทุกคนที่นี่ขยำสักคนละคำอยู่ดี
“ตูม ตูม... ” แสงยันต์หลากชนิดส่องสะท้อนลงบนเขตแดนสายฟ้าฉับพลัน แสงยันต์และพลังของสายฟ้าปะทะกันอย่างรวดเร็ว เขตแดนสายฟ้าลดขนาดลงด้วยความเร็วระดับที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
“ฮ่าฮ่า สหายทุกท่าน พวกเ้าโต้กลับช้าไปหน่อย... พี่อ้วนของเ้าไม่อยู่เล่นกับเ้าแล้ว... ” เมื่อเขตแดนสายฟ้าหดเล็กลงเรื่อยๆ การโจมตีของคนเ่าั้เริ่มทำให้ซูเสี่ยวพั่งรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาแล้ว ปีก์เริ่มเซไปมา ิญญาเพลิงในมือของซูเสี่ยวพั่งเกาะตัวกันจนเป็รูปเป็ร่าง จากนั้นในมืออ้วนพลันปรากฏน้ำเต้าสีม่วงทองขึ้นชิ้นหนึ่งและดูดิญญาเพลิงรูปวัวเข้าไปทันที มิหนำซ้ำซูเสี่ยวพั่งยังหันมายกนิ้วกลางด้วยความหยิ่งผยองใส่กลุ่มคนที่โจมตีเขตแดนสายฟ้ากันสุดชีวิต แถมยังหยิบยันต์สีม่วงแดงออกมาชูให้เห็นอย่างได้ใจ...
“ยันต์สายฟ้าม่วงหลบหลีก... ” โอวหยางเสี่ยวม่อเอ่ยออกมาแ่เบาราวเสียงกระซิบ ทันใดนั้นการกระหน่ำโจมตีของคนส่วนใหญ่ล้วนหยุดลง เพราะพวกเขารู้จักยันต์สีม่วงแดงในมือของซูเสี่ยวพั่งดี มันคือยันต์สายฟ้าม่วงหลบหลีก ยันต์แผ่นหนึ่งหนีได้พันลี้...ตอนนี้แทบจะทุกคนล้วนเข้าใจแล้วว่าเหตุใดซูเสี่ยวพั่งถึงได้กางเขตแดนชั่วคราวบนซากวัวเพลิงอย่างจองหองเช่นนี้ กล้าแย่งอาหารจากปากเสือต่อหน้าต่อตาพวกเขา นั่นเป็เพราะเ้าหมอนี่คำนวณไว้ั้แ่แรกแล้ว หากคนเหล่านี้ออกจากเขตแดนสายฟ้าได้เมื่อไร เมื่อเขาได้รับิญญาเพลิงเรียบร้อย ก็ใช้ยันต์สายฟ้าม่วงหนีไปให้ไกลทันที ไม่มีใครขวางทางซูเสี่ยวพั่งได้อีก
“เ้าอ้วนซู เ้าไร้ยางอาย... ” ต้วนชิงด่าออกมาอย่างเหลืออด
“ฮ่าๆ ท่านพั่งของเ้าไปไร้ยางอายั้แ่เมื่อไรกัน... ไอ้หนูทั้งหลาย ข้าจะสอนพวกเ้าอย่าง อีกเดี๋ยวก็ไม่จำเป็ต้องไล่ตามท่านพั่งผู้นี้ของเ้าแล้ว พวกเ้าตามข้าไม่ทัน... ” ซูเสี่ยวพั่งหัวเราะอย่างอวดดี จากนั้นประกายสายฟ้าสายหนึ่งกะพริบวาบบนมือของเขา แสงสายฟ้ากลืนร่างอ้วนท้วน ของเขาเข้าไปในเสี้ยววินาที ผู้คนรู้สึกได้เพียงว่ามีแสงกะพริบอยู่ตรงหน้า ซูเสี่ยวพั่งหายไปจากเขตแดนสายฟ้าเสียแล้ว
“น่ารังเกียจนัก... ” โอวหยางเสี่ยวม่อเหลืออดจนด่าออกมา ในใจของฝูงชนโกรธแค้นเหลือจะบรรยาย ซูเสี่ยวพั่งผู้นี้ช่างน่ารังเกียจเกินไปแล้ว พวกเขาสู้เป็สู้ตาย าเ็ไปหลายคนถึงจะสยบวัวตัวนี้ได้ ไม่คิดไม่ฝันว่าใน่เวลาที่สำคัญที่สุดจะถูกคนชุบมือเปิบขโมยไปเสียได้
“โอ๊ย... ” ขณะที่โอวหยางเสี่ยวม่อ ต้วนชิงและคนอื่นๆ โกรธแค้นจนแทบคลั่งแถมยังทำอะไรไม่ได้ เสียงที่เ็ปเสียงหนึ่งก็ดังเข้าสู่โสตประสาทของทุกคน
“เอ เสียงนี้คล้ายว่าจะเป็...”
“ซูเสี่ยวพั่ง... ” ในที่สุดก็มีคนรู้ว่าเ้าของเสียงร้องเ็ป คือซูเสี่ยวพั่งที่ได้ใจสุดชีวิตเมื่อครู่นี้นั่นเอง ทำเอาผู้คนถึงกับหันไปมองตามๆ กัน และในวินาทีนั้นทุกคนก็ได้แต่อ้าปากค้าง
“เ้าเด็กสมควรตาย เ้าหยุดเดี๋ยวนี้ ปีก์ของข้า... เ้าอย่าคิดหนีนะ... ”
เดิมทีซูเสี่ยวพั่งที่ควรจะหนีไปพันลี้กลับไปได้เพียงไม่กี่สิบจั้ง และร่วงอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่เสียอย่างนั้น ถูกกระแทกจนหน้าจมูกเขียวช้ำ ศีรษะบวมจนดูเหมือนหัวหมูตัวหนึ่ง เดิมทีร่างก็อ้วนอยู่แล้ว พอรวมกับหัวบวมๆ นี้เข้าไปอีก ก็ทำเอาผู้คนก็คิดว่าเป็ลูกหินกลมๆ ลูกหนึ่งไปแล้ว
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ยันต์สายฟ้าม่วงหลบหลีกมีของปลอมด้วยหรือ?” ต้วนชิงไม่เข้าใจ เขาตกอยู่ในอาการมึนงง ซูเสี่ยวพั่งที่เดิมทีควรหนีไปพันลี้เหตุใดถึงหนีไปได้เพียงแค่ไม่กี่สิบจั้ง?
“ดูนั่น บนต้นไม้เหมือนจะมีคนวางแผนไว้... ” โอวหยางเสี่ยวม่อมองไปยังต้นไม้ที่ซูเสี่ยวพั่งอยู่ ก็พบว่ามีอักขระประหลาดถูกสลักไว้ที่ทำให้เขาเริ่มคาดเดาอะไรบางอย่างออกแล้ว
“ยันต์รับส่ง... ” คำพูดของโอวหยางเสี่ยวม่อถูกใครบางคนช่วยอธิบายเสริมอย่างรวดเร็ว อักขระประหลาดนั้นคือยันต์รับส่ง ไม่เพียงต้นไม้ต้นนั้น แต่บนต้นไม้รอบด้านล้วนสลักอักขระที่ดูประหลาดตาทว่าง่ายดายนี้เอาไว้ทั้งหมด
“ฮ่าฮ่า... แบบนี้ต้องเรียกว่าคนเลวถูก์ลงโทษ... ” ต้วนชิงหัวเราะดังลั่น ยอดฝีมือกลุ่มนั้นเดิมทีโกรธแค้นเป็ฟืนเป็ไฟกลับดีใจขึ้นทันที และเข้าใจว่าเหตุใดซูเสี่ยวพั่งถึงได้โชคร้ายเช่นนี้ ยันต์สายฟ้าม่วงหลบหลีกเป็ของจริง ทว่าในขณะที่กระตุ้นมัน กลับถูกยันต์รับส่งรบกวนเข้า และอาจเป็เพราะมิติแห่งนี้พิเศษมาก ด้วยเหตุนี้ขณะที่ยันต์สายฟ้าม่วงหลบหลีกทำงาน ก็ถูกยันต์รับส่งลากกลับมาคืนที่เสียอย่างนั้น ซูเสี่ยวพั่งที่เดิมทีควรอยู่นอกพันลี้ไปแล้ว กลับชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ด้วยความเร็วสูงในเสี้ยววินาที ด้วยความเร็วของยันต์สายฟ้าม่วงหลบหลีก แรงจากการชนครั้งนี้ควรต้องทำให้ซูเสี่ยวพั่งาเ็เสียด้วยซ้ำ ทว่าความแข็งแกร่งของการป้องกันช่างเป็ที่เลื่องลือนัก ภายใต้การปะทะเช่นนี้ แค่บวมจนกลายเป็หัวหมูก็นับว่าโชคดีแล้ว
“หัวเราะ พวกเ้าหัวเราะอย่างนั้นหรือ... มีอะไรน่าหัวเราะไม่ทราบ ถ้าพวกเ้ายังไม่ตามเ้าเด็กนั้นไป พวกเ้าไม่มีวันหาเพลิงอสูรพบแน่... ” เมื่อเห็นโอวหยางเสี่ยวม่อ ต้วนชิงและคนอื่นๆ เดินเข้าหาอย่างไม่เป็มิตร แถมยังส่งยิ้มไม่ประสงค์ดีให้อีกต่างหาก ก็ทำเอาซูเสี่ยวพั่งเกือบจะร้องไห้ออกมาแล้ว ร่างแทบทรุดลงกับพื้นพลางะโชี้นิ้วไปยังเด็กหนุ่มที่กำลังขี่ปีก์เซไปเซมาผู้นั้น
“อ้าก... ” โอวหยางเสี่ยวม่อ ต้วนชิงและคนอื่นๆ ได้แต่อึ้ง เมื่อเห็นเงาที่ซวนเซไปมาทะยานออกนอกระยะสายตาของพวกเขา ก็ถึงกับมึนงง
“เขาแย่งเพลิงอสูรของเ้าไปหรือ?”
“เขาไม่แค่ปล้นเพลิงอสูรของข้า แต่ยังแย่งปีก์ของข้าไปอีก... เ้าคนพื้นเมืองสมควรตายจากแผ่นดินต้นกำเนิด!” ซูเสี่ยวพั่งสบถด่าด้วยเพลิงโทสะ
[1] ตัดชุดแต่งงานให้คนอื่น (为他人做嫁衣) สำนวนจีนมีที่หมายถึงความพยายามอย่างมากแต่สุดท้ายผลประโยชน์กลับไปตกที่ผู้อื่น มีที่มาจากบทกลอนหญิงสาวผู้ยากไร้(贫女) ของกวีสมัยราชวงศ์ถัง ฉินเทาอวี้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้