อู๋ซื่อกำลังดีใจเป็อย่างมาก เพียงมีเงินก้อนนั้น นางก็จะได้กินเนื้อนึ่งอันเป็ของโปรดของนางทุกวัน อีกทั้งหากบ้านสองแยกตัวออกไปเช่นนี้ ก็แปลว่าจะมีคนมาแย่งทานน้อยลงถึง 4 คน!
ส่วนเื่ที่บ้านสองจะไปใช้ชีวิตอยู่อย่างไรนั้น มันไม่ใช่เื่ที่นางต้องเก็บมาใส่ใจ อย่างไรเสียมันก็เป็ลูกชายที่ให้กำเนิดบุตรชายไม่ได้ แล้วมันจะมีค่าอะไรให้สนใจกัน?
ถ้าอยากจะโทษ ก็โทษไอ้ผัวเมียคู่นั้นที่พยายามไม่พอกันเองเถอะ!
หลินฟู่อินมองภาพนี้โดยไม่คิดอะไร แต่ในใจของนางได้วางแผนสำรองไว้สำหรับบ้านสองเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
นางยิ่งมีใจจะช่วยบ้านสองให้หลุดจากหล่มมากขึ้นไปอีก เพราะตอนนี้นางมั่นใจมากว่าอาเฝิงและอาฝางจะกลายเป็ผู้ช่วยที่ดีของนางในอนาคตได้แน่
นอกจากนี้ นางจะต้องล้างชื่อดาวหายนะนี่ทิ้งไปให้ได้! ยิ่งช่วยให้บ้านสองได้ดิบได้ดีมากขึ้นเท่าไหร่ ชื่อนี่ก็จะถูกล้างทิ้งไปมากเท่านั้น
ในที่สุดท่านปู่หลินก็มาถึงพร้อมอาฝาง ร่างกายของเขาผอมซูบ แต่ใบหน้ายังคงความหล่อเหลา ร่างสวมเสื้อและกางเกงโทรมๆ สีเทาทั้งที่อยู่ในกาศร้อนเช่นนี้ เหงื่อจึงออกเล็กน้อย ใบหน้าจึงมีความมันอยู่บ้าง
คนที่ตามมาเื้ัคือหลินต้าซานผู้ที่ดูแล้วน่าจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จมาหมาดๆ เขาสวมเสื้อและกางเกงสีเขียวดูสะอาดและเหมาะสมกับสถานการณ์นี้ดี อีกทั้งั์ตาทรงสามเหลี่ยมนั้นยังแฝงไปด้วยประกายของความชั่วร้าย
รูปลักษณ์นั้นแลดูคล้ายอู๋ซื่อ สรีระเองก็สูงใหญ่เหมือนอู๋ซื่อเช่นกัน
แต่สำหรับลุงหลินสองและหลินหยวนฉานผู้เป็บิดาของนางนั้นจะมีสรีระที่คล้ายกับท่านปู่หลินมากกว่า นั่นคือมีรูปร่างผอมเพรียวและมีใบหน้าหล่อเหลา ผิวแทนจากการตรากตรำทำงานมาหลายปีนับแต่เล็ก ต่างจากคนบ้านจวงลู่ของผู้อื่น
“ท่านปู่มาถึงแล้ว เชิญเข้ามานั่งในบ้านเถิดเ้าค่ะ” เท่าที่หลินฟู่อินจำได้ นี่เป็ครั้งแรกที่ท่านปู่หลินมายังบ้านของนาง นางเองก็ไม่ทราบสาเหตุ แต่ปู่ของนางมิเคยมาเยี่ยมเยียนเลยนับั้แ่ที่บ้านของนางสร้างบ้านใหญ่สามห้องหลังนี้เสร็จ แม้แต่ตอนปีใหม่ก็ยังไม่เคยมา
ท่านปู่หลินไขว้มือไว้ด้านหลัง แล้วจึงกวาดตามองบ้านหลังโตของหลินคนเล็ก ในสายตานั้นแฝงด้วยความรู้สึกที่อธิบายได้ยาก
แต่นี่ก็เป็บ้านที่ดีจริงๆ ตัวเขาที่ยุ่งมาทั้งชีวิต และคอยเป็ห่วงเป็ใยลูกหลานเสมอมาก็ยังไม่อาจสร้างบ้านที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้เลย
นี่แสดงให้เห็นแล้วว่าบ้านสามนั้นมีชีวิตที่ดีจริงๆ หลังจากที่แยกบ้านออกไป
แต่เ้าลูกคนเล็กนั่นก็ช่างจองหองนัก มันไม่เคยฟังที่เขาพูดเลย เขาจึงมิอาจมีความสุขกับภาพตรงหน้านี้ได้อย่างเต็มใจ
เพราะอย่างนั้น ไม่ว่าจะกับหลินฟู่อิน ฉู่ซื่อที่ตายไปก่อน หรือกับลูกแฝดนั่น เขาก็ไม่มีความคิดที่จะเข้าไปสนิทสนมด้วยเลยแม้แต่น้อย
ท่านปู่หลินหันไปมองหลินฟู่อินด้วยสายตาที่แฝงอารมณ์ซับซ้อน แล้วจึงกล่าว “บิดาของเ้ายังไม่กลับมาอีกรึ?”
นี่เป็คำถามที่รู้คำตอบอยู่แล้วมิใช่หรือ?
แต่หลินฟู่อินก็มิได้กล่าวอะไรออกไป นางเพียงส่ายหน้า พอคิดถึงเื่ที่นางไม่รู้ว่าบิดาของตนในตอนนี้เป็ตายร้ายดีอย่างไร สีหน้าของนางจึงดูเศร้าโศกขึ้นมา
“เ้านั่นเคยหายเข้าไปในูเานานๆโดยไม่กลับออกมาหรือไม่?” คิ้วสีเทาของท่านปู่หลินย่นลงพลางถามหลินฟู่อินในขณะที่กำลังเดินไปยังตัวบ้าน
หลินฟู่อินหยุดคิดครู่หนึ่ง “เคยเ้าค่ะ แต่ไม่บ่อยนัก”
“เหอะ มีลูกสาวเป็ตัววิบัติเช่นนี้แล้ว เ้าสามคงไม่มีชีวิตอยู่แล้วกระมัง!” จ้าวซื่อถลึงตามองหลินฟู่อินแล้วกล่าวในระหว่างที่กำลังเดินตามท่านปู่เข้าบ้าน
“หุบปาก! เ้ายังสร้างปัญหาไม่พออีกเรอะ!” ท่านปู่หยุดเท้าลงแล้วหันมาตะคอกใส่จ้าวซื่อทันที
ท่านปู่แทบไม่เคยดุด่าลูกสะใภ้ของเขาเลย และมักใช้การส่งสัญญาณให้อู๋ซื่อเป็คนคุยแทน แต่เมื่อจ้าวซื่อสร้างปัญหามากจนตระกูลหลินกลายเป็ที่เยาะเย้ยของหมู่บ้านหูลู่เช่นนี้แล้ว ท่านปู่จึงไม่คิดจะทนอีก
จ้าวซื่อไม่คิดว่าจู่ๆ นางจะโดนท่านปู่ดุใส่ ทั้งยังเป็ต่อหน้าลูกหลานด้วย ในตอนแรกนางจึงไม่รู้ว่าจะตอบสนองอย่างไรจนไม่ทันหยุดขาที่กำลังก้าวเดิน หากหลินต้าซานไม่ดึงแขนนางไว้ นางคงเดินชนท่านปู่หลินไปแล้ว
เมื่อเห็นภาพเช่นนี้ รวมกับเื่ที่นางไม่เคยทำประโยชณ์อะไรเลยนอกจากให้กำเนิดหลานไม่กี่คนให้ตระกูลหลิน เขาก็ยิ่งโกรธจัดจนหนวดกระตุก
“ตาเฒ่า เ้าโกรธอะไรกัน?” อู๋ซื่อจ้องมองเขาอย่างโกรธเกรี้ยว “สะใภ้ใหญ่ก็ไม่ได้พูดอะไรผิดไม่ใช่รึ?”
“ที่มาบ้านข้านี่มาเพื่อคุยเื่บ้านสองของท่านลุงมิใช่รึ?” หลินฟู่อินทำสีหน้าจริงจังพลางปรายตามองจ้าวซื่อและอู๋ซื่อ “หากอยากมีเื่นัก ก็กลับไปมีเื่ที่บ้านของพวกเ้าโน่น! ไม่ก็ไปที่บ้านของหลี่เจิ้งเสีย!”
อู๋ซื่อและจ้าวซื่อแค่นจมูกเสียงเย็นแล้วจึงไม่กล่าวอะไรอีก แต่สายตาของทั้งสองยังคงจ้องมองท่านปู่หลินอย่างโกรธเคือง
อย่างไรเสีย เขาก็เป็เ้าบ้าน
“นี่มันปัญหาภายในบ้าน แล้วหลี่เจิ้งมาเกี่ยวอะไรด้วย?” ท่านปู่หลินหันไปมองหลินฟู่อินด้วยสายตาของคนมากอายุ “ฟู่อิน ไม่ต้องไปหาหลี่เจิ้งมันทุกเื่ก็ได้!”
นี่เป็คำเตือนจากท่านปู่หลิน ดังนั้นแล้วมันจึงถูกกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดัน
จ้าวซื่อและอู๋ซื่อมองหลินฟู่อินอย่างสะใจ ส่วนหลินต้าซานนั้นตัวหดลีบทั้งยังปิดปากเงียบสนิทไปแล้ว
แต่หลินฟู่อินรู้จักสำนวนอยู่สำนวนหนึ่งที่ว่า หมาเห่าย่อมไม่กัด
เมื่อได้ยินคำเตือนของท่านปู่แล้ว ริมฝีปากของหลินฟู่อินก็ยกสูงขึ้น ก่อเป็รอยยิ้มเ็า “หากครอบครัวทำทุกอย่างอย่างตรงไปตรงมาแล้ว ใครเล่าจะอยากให้เื่มันหลุดไปถึงภายนอกกัน?”
คำพูดนั้นทำร้ายจิตใจของท่านปู่หลินเป็อย่างมาก แต่หลินฟู่อินเองก็เป็หลาน เขาจึงมิอาจทำอะไรได้มากนัก
หลังส่งเสียงกระแอมเพื่อกลบเกลื่อนความอับอายแล้ว เขาค่อยหันไปมองอู๋ซื่อ “เห็นว่าเ้ากับสะใภ้ใหญ่เห็นดีกับการที่บ้านสองจะแบ่งบ้านแล้วรึ?”
พวกนางพยายามขัดขวางการแบ่งบ้านมาตลอดทั้งบ่าย แต่ตอนนี้พวกนางกลับเห็นดีเห็นงามด้วย
ผีเข้าผีออกจนเหมือนไม่กลัวว่าจะกลายเป็เป้าหัวเราะของชาวบ้านเลยเชียว…
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จ้าวซื่อจึงรีบฉีกยิ้มกว้าง ก่อนเดินเข้าหาพลางเรียก “ท่านพ่อเ้าค่ะ” อย่างผิดวิสัย จนท่านปู่หลินถึงกับต้องถอยหนี
แต่จ้าวซื่อก็ยังยิ้มไม่หุบกล่าวว่า “เื่มันเป็เช่นนี้เ้าค่ะท่านพ่อ พวกบ้านสองนั้นดึงดันที่จะแบ่งบ้านให้ได้แม้ว่าพวกข้าจะไม่ยอม พวกลูกสาวทั้งสองของบ้านสองจึงเรียนรู้จากฟู่อินแล้วตัดสินใจว่า พวกนางจะจ่ายเงินสี่ร้อยตำลึงเพื่อเป็ข้อแลกเปลี่ยนในการได้แบ่งบ้านเ้าค่ะ”
เห็นการพลิกลิ้นแบบไร้ยางอายของจ้าวซื่อเช่นนี้แล้ว หลินฟู่อินถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงทันที นางไม่เคยเห็นใครทำตัวไร้ยางอายได้มากถึงเพียงนี้มาก่อน
จ้าวซื่อได้ทำให้หลินฟู่อินต้องมองนางใหม่อีกครั้งแล้ว
เมื่ออู๋ซื่อฟังคำของจ้าวซื่อแล้วจึงพยักหน้าตามทันที สายตาของหลินต้าเหอจึงทอประกายขึ้นมา
เขารีบวิ่งมาคุกเข่าเบื้องหน้าท่านปู่หลินแล้วร่ำไห้ “ท่านพ่อ พี่สะใภ้พูดเองเออเอง ลูกสาวทั้งสองของข้ายังไม่ได้พูดอะไรเลย พวกนางเข้าใจดีว่าสี่ร้อยตำลึงมันเป็เงินมหาศาลเพียงใด… มันมากจนแม้แต่ขุนนางใหญ่ยังมิอาจนำออกมาใช้ง่ายๆ ได้เลย”
ท่านปู่หลินดูไม่พอใจมากที่ได้เห็นลูกคนรองของตนที่เป็ผู้ใหญ่แล้วกลับต้องมาร้องไห้ต่อหน้าผู้อ่อนาุโเช่นนี้
“เ้าลูกคนรอง ลุกขึ้นมา ข้าไม่ได้โง่ คิดว่าข้าจะไม่รู้รึว่าพวกเ้าไม่มีทางหาเงินสี่ร้อยตำลึงมาได้อยู่แล้วน่ะ?” ท่านปู่หลินยกมือขึ้นมากุมหน้าผาก มีท่าทีปวดหัวอย่างสุดซึ้ง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้