เื้ัของอู๋จง เจียงไป๋ก็รู้ดี ก่อนหน้านี้หวางเป้าเคยพูดกับเขาแล้ว หากหม่าฉางหยางเป็กึ่งดำแต่ก็ไม่ขาว จางฉางเกิงกึ่งขาวกึ่งดำ เช่นนั้นอู๋จงก็ดำสนิทเลย
ส่วนตัวก็มาจากนักเลงตามท้องถนน หลายปีมานี้ทำเื่ผิดกฎหมายมาไม่น้อย ถึงจะไม่บอกว่าก่อกรรมทำชั่ว แต่ก็พอประมาณ
ดีที่คนคนนี้ยังพอมีเหตุมีผล ปฏิบัติตามแนวสำนักหงเหมิน มิฉะนั้นเ้าพ่อจ้าวก็คงจะไม่ปล่อยคนใหญ่คนโตอย่างเขาไว้ ในเทียนตูนี้เขาสามารถเรียกลมเรียกฝนได้ ก็เพราะอย่างนี้ อู๋จงจึงมีความมั่นใจมาก จริงๆ แล้วเขาก็พูดได้ทำได้อย่างแท้จริง หากคนสองสามคนนี้กล้าไม่เชื่อฟัง เช่นนั้นชะตาชีวิตที่จะถูกถ่วงน้ำก็น่าจะเป็จริงแล้ว
เมื่อนึกถึงตรงนี้ เจียงไป๋ก็อดยิ้มระรื่นไม่ได้ พี่น้องสองคนนี้ช่างคล้ายคลึงกันจริงๆ อู๋เทียนนั่นเขายังไม่ทันทำอะไรก็จะจับถ่วงน้ำท่าเดียว ตอนนี้อู๋จงก็มีท่าทางเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าเรียนมาจากอู๋จงหรือ
สองพี่น้องไม่ใช่แค่หน้าเหมือนกัน การพูดจาก็เช่นเดียวกัน แต่อู๋จงดูมีวิชาความรู้และสง่ากว่าอู๋เทียน มองแวบเดียวก็คิดว่าเป็ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยที่ไหนสักแห่ง ใครจะคิดว่านี่จะเป็ผู้มีอิทธิพลมืดที่แท้จริง?
สำหรับอู๋เทียน … เขามีรูปลักษณ์อย่างนั้นจะบอกว่าเป็คนดี หากพูดออกไปใครจะเชื่อ
“นี่ … ได้ ได้ … พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้! พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้!”
อาการของพวกหนิวเปินราวกับมารดาจากไปแล้ว
เหล้าขาวตั้งสามแก้ว?
เป็ยาพิษสามแก้วที่ดื่มแล้วไม่ตายแต่ก็แสบไส้แสบพุงเป็ที่สุด และยังต้องถอดจนหมดอีก?
ไปถอดเสื้อผ้าตรงหน้าประตูทางเข้าของว่านเหาให้หมด?
ต่อไปพวกเขาจะยังมีหน้าอยู่ในเทียนตูได้อย่างไร?
หากไม่ทำ? ไม่ทำ … อยากตาย?
ประธานอู๋ของจงเทียนพูดแค่คำเดียว เถ้าแก่เล็กๆ อย่างพวกเขาก็ต้องเป็ศพแน่ จับถ่วงน้ำทั้งครอบครัวยังถือว่าเบา หากยุให้โกรธไปกว่านี้จะฆ่าตัดตอนก็เป็ไปได้ พวกเขาจะกล้าพูดอะไรได้?
พวกเขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ตกว่า เื่อย่างกินข้าว จีบสาวนักศึกษาที่เป็ปกติมากๆ ยุคนี้มีเถ้าแก่เล็กๆ ที่มีเงินคนไหนบ้างไม่ทำอย่างนี้?
แต่ต้องมาตกต่ำถึงขั้นนี้ พวกเขาก็ถือว่าเป็ครั้งแรกแล้ว
แต่ละคนร้องไห้ฟูมฟาย ตอนที่ลงตึกมาก็อับอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ภายในใจคิดว่าแค่ออกไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัย ก็จะตัดขาดความสัมพันธ์ทุกอย่างกับโจวฮั่น หลังจากนั้นก็ออกไปจากเทียนตูทันที
ไม่ … ไม่ใช่ตัดขาดความสัมพันธ์ทุกอย่าง แต่จะต้องทำให้ไอ้สารเลวคนนี้บ้านแตกสาแหรกขาด!
คนพวกนี้จะคิดอย่างไรเจียงไป๋ก็ไม่สนใจ อู๋จงก็ไม่สนใจ แม้แต่เถ้าแก่ของที่นี่อย่างฉางชื่อหยุนก็แค่หัวเราะเบาๆ อย่างที่ไม่กลัวว่าคนพวกนี้จะมีผลกระทบต่อธุรกิจของเขา
สำหรับพวกเขาแล้ว เถ้าแก่เล็กๆ ที่มีสมบัติไม่มากอย่างพวกนั้นในเทียนตูก็ถือว่าไม่เท่าไร?
ก็แค่พวกมดตัวเล็กๆ เท่านั้น
“ขอบใจ เป็อย่างไรบ้าง … เพื่อนของคุณจะไปทักทายกันสักหน่อยไหม หากไม่ต้องก็นั่งลงดื่มด้วยกัน?”
เจียงไป๋แสดงไมตรีจิตรอย่างหมูไปไก่มา ส่วนตัวเขาก็ไม่ได้มีความแค้นกับพี่น้องตระกูลอู๋มากมายนัก อู๋เทียนเองก็ได้รับการสั่งสอนแล้ว เมื่อครู่อู๋จงยังช่วยเขาจัดการเื่เดือดร้อน ถึงแม้จริงๆ แล้วเขาจะไม่้า แต่ก็ติดค้างน้ำใจแล้ว แน่นอนว่าก็ไม่ควรเ็าใส่
“เื่นี้ … ได้ แน่นอนว่าได้! พวกเพื่อนๆ ผมไม่เป็ไร ให้พวกเขารอไปก่อน!”
อู๋จงใที่ได้รับความเมตตา เขาหัวเราะเสียงดังแล้วนั่งลง
ล้อเล่นน่า เพื่อนๆ เ่าั้?
ล้วนเป็เพื่อนๆ ทางธุรกิจทั้งนั้น แต่ละคนปกติก็เอาแต่ประจบประแจง เขาก็ไม่อยากจะสนใจ หากไม่ใช่เพราะพวกเขาบอกว่าเย็นนี้มีกิจกรรม มีหรือที่เขาจะมา?
ตอนนี้เจียงไป๋ปริปากพูดให้เขานั่งลง เขาก็นั่งลงด้วยความยินดี มีใครบ้างจะปฏิเสธเพื่อให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องกัน?
เช่นนั้นเขาอู๋จงก็ไม่ใช่ว่าเป็คนโง่แล้วหรือ?
ฉางชื่อหยุนกำชับให้พนักงานเก็บโต๊ะแล้วจัดโต๊ะที่เป็มาตรฐานที่สุดมาโต๊ะหนึ่ง และลงนั่งอย่างยิ้มแย้มไปด้วย
ครั้งก่อนเขามองผิดไป ทำให้เสียใจไปหลายวัน ตอนนี้ได้มีโอกาสพบหน้ากับเจียงไป๋อีกครั้ง อย่างไรฉางชื่อหยุนก็ไม่ปล่อยโอกาสนี้ไปง่ายๆ หรอก
ถึงแม้ว่าเจียงไป๋จะไม่ได้เชิญ แต่เขาก็นั่งลงอย่างหน้าด้านๆ และเจียงไป๋ก็ไม่ได้ไล่เขา?
สำหรับคนสองสามคนที่งงเป็ไก่ตาแตก แล้วก็เงียบกริบราวกับจักจั่นฤดูหนาว เจียงไป๋ยิ้มแย้มและจัดให้พวกเขาไปที่ห้องอื่นแล้ว
ไม่ใช่ว่าดูถูกใคร เพียงแค่ที่นี่มีพวกเขาอยู่ จึงรู้สึกว่าไม่ค่อยสะดวก
จิตใต้สำนึกลึกๆ ของเจียงไป๋ก็ไม่ปรารถนาที่จะให้หลินหว่านหรูคบค้าสมาคมกับคนอย่างอู๋จง แน่นอนว่าต่อให้อู๋จงกล้าแค่ไหน เขาก็ไม่กล้าคิดอะไรกับหลินหว่านหรู อย่างไรตามที่อู๋จงรู้ หากเจียงไป๋จะเด็ดหัวเขาก็ง่ายเหมือนกับปอกกล้วยเข้าปาก แน่นอนว่าเขาไม่กล้าทำให้เจียงไป๋ไม่พอใจแม้แต่น้อย
พวกเจียงไป๋สามคนยังอยู่ ทั้งดื่มเหล้าพูดคุยกันไป
ไม่นานพวกหลินหว่านหรูก็ถูกจัดให้อยู่ห้องข้างๆ เดิมทีห้องนี้มีคนจองแล้ว แต่ตอนนี้ก็ไม่สนใจอะไรมาก แน่นอนว่าเถ้าแก่สั่งไปแล้วก็ไม่มีใครกล้าคัดค้าน
สำหรับลูกค้า?
รอให้ลูกค้ามาแล้วค่อยว่ากันอีกที
เพิ่งจะเข้ามาในห้อง หลิวลี่ก็ทรุดตัวลงอยู่ตรงนั้น ตะลึงจนค้างและบ่นพึมพำ แต่ตอนนี้กลับไม่มีใครสนใจปัญหานี้ เด็กผู้หญิงกลุ่มหนึ่งล้อมหลินหว่านหรูไว้อย่างกับเป็บ้าแล้วยังพูดจู้จี้ไม่หยุด
“พระเ้าช่วย หว่านหรู เมื่อครู่พี่ชายหล่อมาก! เขาเป็ใครกันแน่? พวกเถ้าแก่โจวต่างก็เป็คนใหญ่คนโต แต่พอเพื่อนของพี่ชายมา แค่ประโยคเดียว ตอนนี้พวกเขาต่างก็ถอดเปลือยวิ่งลงไปชั้นล่าง แล้วก็ยืนดื่มเหล้า? เพราะพวกเขาให้พี่ชายดื่มเหล้า แต่พี่ชายไม่เต็มใจ? พระเ้า! เผด็จการมาก! ฉันชอบมาก! หว่านหรูหากเธอไม่ชอบก็แนะนำให้ฉันเถอะ ฉันสัญญาต่อไปฉันจะรักเดียวใจเดียวกับเขา … ”
เด็กคนหนึ่งมองหลินหว่านหรูด้วยใบหน้าที่ตกหลุมรักพลางพูดอย่างตื่นเต้น เพียงแค่พูดคำนี้ออกมา ก็ทำให้หลินหว่านหรูหน้าแดงในขณะเดียวกันก็หึงอย่างไม่รู้สาเหตุ
“ใช่ พี่ชายทำอะไรกันแน่? จะต้องเป็คนใหญ่คนโตแน่นอน มาทำงานที่ห้องสมุดของมหาวิทยาลัยพวกเราเพื่ออะไร? หรือว่าปฏิบัติภารกิจพิเศษอะไรบางอย่าง? คนเมื่อครู่คือเพื่อนร่วมงานของพี่ชายแล้วก็เป็สายลับ?”
มีผู้หญิงที่อดพูดไม่ได้อีกคนแล้ว และเริ่มจินตนาการ
สำหรับหลี่ผิงที่อยู่ข้างๆ ทำปากเบะใส่ สายตาเร่าร้อน แต่กลับไม่พูดอะไรมาก แฟนที่น่าสงสารคนนั้นของเธอเหมือนจะถูกเธอทิ้งแล้ว และเริ่มรักษาระยะมาตลอด
“พอแล้ว พวกเธออย่าพูดอีกเลย! พี่ชายไม่ชอบพวกเธอหรอก ฉันยังไม่ได้บอกพวกเธอหรือว่าพี่ชายกับหว่านหรูเป็คู่กันมาั้แ่เด็กๆ แล้ว? พวกเธอหมดหวังแล้ว! จะยอมเป็น้อย? แบบนั้นก็ฝันหวานไปเถอะ”
เวลานี้หม่าซูเยี่ยนทำตัวเป็ผู้พิทักษ์ดอกไม้และเพื่อนซี้บวกกับลิ่วล้อที่จงรักภักดี เธอเท้าเอวทำหน้าจริงจัง และตะคอกใส่เพื่อนสาวทั้งหลายด้วยใบหน้าที่ดูถูก
“ใครว่าจะเป็น้อยล่ะ? พวกเราจะจีบพี่ชายอย่างเปิดเผย! เธอเองไม่ใช่หรือที่บอกว่าจะเป็น้อย? ซูเยี่ยนเธอโหวกเหวกโวยวายอย่างนี้ เพื่อหว่านหรู หรือว่าเพื่อตัวเองกันแน่?”
และก็ไม่รู้ว่าใครพูดประโยคนี้
“ชิ่วๆ”
เหลียนจิ้งทนไม่ไหวเป่าปากแล้วหัวเราะออกมา ต่อมาเด็กสาวหลายคนพากันตะลึงงัน และก็หัวเราะตาม เสียงหัวเราะดังกังวานพอสมควร และก็หยุดไม่อยู่
สำหรับคนน่าสงสารสองคน นอกจากฝืนยิ้มแล้ว เวลานี้ก็ทำได้แค่จนปัญญา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้