“ไอ้น้อง! ฉันกำลังพูดกับนาย!”
สำหรับความไม่สนใจของเจียงไป๋ เ้าผมเหลืองแทบจะโมโห วินาทีต่อมาก็้าจะพุ่งเข้ามาลงมือใส่เจียงไป๋
แต่เวลานี้ เขาพบว่ามีชายหนุ่มผมสั้นๆ สวมชุดสูทสีดำ ใบหน้าผอมคนหนึ่งมาขวางอยู่ตรงหน้า มือที่เขายื่นออกไปถูกอีกฝ่ายจับไว้ และไม่สามารถขยับได้แม้แต่น้อย
คนที่มาก็คือเสี่ยวเทียนที่เพิ่งจอดรถเสร็จพอดี
เขาเพิ่งรีบมา ก็เห็นว่ามีคน้าจะลงมือกับเจียงไป๋ ยังจะรอช้าอยู่ได้อย่างไร?
ถึงแม้เขาจะรู้ว่า ด้วยฝีมือของเจียงไป๋ ก็คงจะไม่ได้รับาเ็อย่างเด็ดขาด
แต่ “เ้าพ่อเจียง” เป็ใคร?
จะลงมือกับพวกนักเลงปลายแถวที่อยู่ตรงหน้านี้ได้หรือ?
หากพูดออกไปจะขายหน้าหรือไม่ ต่อไปคนขับรถที่ติดตามเขาคนนี้ยังจะอยู่ในวงการได้อีกหรือ?
ตอนแรกที่ฉวีเจี๋ยจัดให้เขามาขับรถให้เจียงไป๋ ก็ทำให้สหายบางคนไม่พอใจ แน่นอนว่าตอนนั้นก็แค่อิจฉาเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่มีอะไร เพราะอย่างไรเขาก็เคยออกมาจากกรมทหารพร้อมกับฉวีเจี๋ย และก็จากบ้านเกิดมาอยู่ที่เทียนตูแล้ว ทั้งยังสนิทกับฉวีเจี๋ย หากฉวีเจี๋ยจะเลือก คนอื่นก็ไม่อาจจะพูดอะไรได้
แต่ตำแหน่งของเจียงไป๋ก็ยิ่งสูงขึ้นทุกที ตอนนี้คนที่อิจฉาตำแหน่งของเขาก็มีมากมาย หากให้คนอื่นรู้ว่า เขาก็อยู่ในเหตุการณ์ แต่ยังทำให้เจียงไป๋เสียเกียรติไปลงมือกับพวกนักเลงปลายแถว ถึงภายในใจของเ้าพ่อเจียงจะไม่ได้ไม่พอใจ แต่ตัวเขาเองก็ไม่มีหน้าที่จะไปติดตามอีกต่อไปแล้ว
ดังนั้นเสี่ยวเทียนจึงลงมืออย่างไม่ลังเล มือข้างหนึ่งจับกำปั้นของอีกฝ่ายไว้
“เถ้าแก่คุณไปก่อน ที่นี่ผมจัดการเอง” เสี่ยวเทียนยืนหรี่ตาอยู่ตรงนั้นพลางพูดอย่างเยือกเย็น หน้าก็ไม่หันกลับ แล้วก็จับกำปั้นของเ้าผมเหลืองไว้อย่างนี้ ทั้งยังออกแรงเล็กน้อย อีกฝ่ายร้องอย่างเ็ปไม่หยุด
“อืม ได้”
เจียงไป๋ตอบกลับอย่างยิ้มแย้ม แต่ก็ไม่สนใจ
เวลานั้นเสี่ยวเทียนคือทหารใหม่ที่ฉวีเจี๋ยเคยนำ กำลังเป็อย่างไรบ้างถึงแม้เขาจะไม่ชัดเจน แต่ฉวีเจี๋ยน่าจะเป็กองทหารพิเศษ อยู่ที่นั่นได้ก็คงจะไม่มีคนอ่อนแอแม้แต่คนเดียว นักเลงปลายแถวแค่สองสามคนเสี่ยวเทียนก็จัดการได้อย่างง่ายดาย แน่นอนว่าไม่มีอะไรต้องเป็กังวล
“เธอเป็เพื่อนของจู้ซินซินหรือ? เที่ยงแล้ว ไปทานข้าวด้วยกันไหม?”
เจียงไป๋มองเซียวหลานหลานที่อยู่ตรงหน้าอย่างยิ้มแย้มพลางพูด มือข้างหนึ่งโอบเอวที่เรียวบางของจู้ซินซินไว้ และก็ไม่คิดที่จะปล่อย
แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขามีความคิดอะไรต่อเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าเป็พิเศษ ก็แค่ในเมื่อเป็เพื่อนของจู้ซินซิน เจียงไป๋ไม่ติดที่จะทานข้าวกับอีกฝ่าย เขาก็ไม่อยากให้จู้ซินซินมองหน้ากันกับเพื่อนของเธอไม่สนิทใจเพราะการปรากฏตัวของเขา
“เื่นี้ … ค่ะ … ”
เซียวหลานหลานตะลึงงัน และพยักหน้าอย่างมึนงง แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ
เธอแปลกใจมากว่าผู้ชายที่สนิทสนมกับจู้ซินซินคนนี้เป็ใครกันแน่ อายุก็มากกว่าพวกเธอ!
หรือว่าเป็แฟนของจู้ซินซินหรือ?
มิน่าล่ะเธอถึงไม่สนใจกู้ไค่กับหวางหยาง คนสองคนนี้แตกต่างจากชายหนุ่มตรงหน้านี้มาก … และกลายเป็เด็กที่ไม่มีความเป็ผู้ใหญ่ไปเลย
“แบบนั้นพวกเราไปกันเถอะ” เจียงไป๋พูดอย่างยิ้มแย้ม
เมื่อพูดจบ ก็จูงจู้ซินซินและพาเซียวหลานหลานออกไปทันทีท่ามกลางสายตาที่แปลกใจของคนมากมาย
สำหรับพวกเ้าผมเหลือง เจียงไป๋ก็ไม่ได้สนใจ
“หยุดพวกเขาไว้ อย่าให้พวกเขาไป!”
เ้าผมเหลืองร้องอย่างใ และตะคอกใส่พวกเด็กๆ ที่อยู่ข้างๆ กลุ่มหนึ่ง
“ลองหยุดดูสิ!”
เสี่ยวเทียนต่อยเข้าที่หน้าของอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงใจ แค่หมัดเดียวก็ทำให้เ้าผมเหลืองล้มลงกับพื้น ตาของเขามีเืไหล และกระตุกอยู่ตรงนั้นลุกอย่างไรก็ลุกไม่ขึ้น
สำหรับนักเลงปลายแถวที่อยู่รอบๆ พวกนั้น เสี่ยวเทียนยื่นมือออกไปจับผมของคนหนึ่ง และถีบไปโดยตรง …
ไม่นานภาพเหตุการณ์ก็โกลาหลวุ่นวาย
เห็นแค่เสี่ยวเทียนขยับอยู่ตรงนั้นไม่หยุด ในขณะเดียวกันก็ล้มคนไปทีละคน
แค่ไม่ถึงหนึ่งนาที พวกเจียงไป๋เพิ่งจะเดินมาถึงฝั่งตรงข้าม นักเลงสิบกว่าคนรวมถึงเ้าผมเหลืองต่างล้มระเนระนาดอยู่บนพื้น และไม่มีใครลุกขึ้นมาได้อีก
“พวกไร้ประโยชน์!”
เสี่ยวเทียนยิ้มอย่างดูถูกและหันหลังจากไป
เขาช่างสง่างามอะไรอย่างนี้ นักเรียนหญิงที่ดูอยู่ไกลๆ ร้องอย่างใไม่หยุด ั์ตาลุกวาว
แม้แต่เซียวหลานหลานที่หันกลับไปมอง ั์ตาก็เผยสายตาที่เลื่อมใสอย่างที่ยากจะบรรยายได้
“เถ้าแก่ พวกเราจะไปที่ไหนกันครับ?”
เสี่ยวเทียนมาอยู่ที่ข้างกายของเจียงไป๋แล้ว เขายื่นมือไปเปิดประตูพลางถามเจียงไป๋
“เซียวหลานหลานใช่ไหม? อายุฉันแก่กว่าพวกเธอสองปี ไม่รู้ว่าวัยรุ่นอย่างพวกเธอชอบทานอะไร เธอว่ามาสิพวกเราจะไป! อย่าได้เกรงใจ คนกันเองทั้งนั้น”
เจียงไป๋พาทั้งสองคนขึ้นรถ เขานั่งด้านหน้า ส่วนเซียวหลานหลานกับจู้ซินซินนั่งอยู่ด้านหลัง เจียงไป๋ปริปากพูดอย่างยิ้มแย้ม
“อืม จริงหรือ? แบบนั้น … ฉันจะทานสเต๊ก!” เซียวหลานหลานลองคิดดูสักหน่อย แล้วก็ปริปากพูดทันที
แต่เธอกลับถูกจู้ซินซินดึงไว้ และ้าจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ไม่นานจู้ซินซินก็เลือกที่จะไม่พูดออกไป
เดิมทีเธออยากจะพูดว่า ไปทานที่ไหนก็ได้ ร้านของว่างริมถนนก็ไม่เลว แต่จู่ๆ ก็นึกถึงสถานะของเจียงไป๋ขึ้นมา ดังนั้นจึงไม่กล้าปริปากพูดอะไร
แค่เซียวหลานหลานพูดว่าจะทานสเต๊ก ก็ยังคงทำให้จู้ซินซินเป็ห่วง
ได้ยินว่าแพงมาก เมื่อก่อนจู้ซินซินก็ไม่เคยทาน
สถานะทางครอบครัวของเธอใช้ชีวิตอย่างขัดสนพอสมควร อย่าว่าแต่ทานสเต๊กเลย แค่ค่าครองชีพก็เป็ปัญหา ทุกอาทิตย์ล้วนต้องประหยัดกินประหยัดใช้ จะใช้เงินพร่ำเพรื่อได้ที่ไหนกัน
นี่ก็เพิ่งจะคบกับเจียงไป๋ เดิมทีน่าจะฟุ่มเฟือย แต่เธอก็ไม่รู้ว่าคิดอย่างไร จึงได้เข้าสู่บทบาทที่จะช่วยเจียงไป๋ประหยัดเงินแล้ว
“สเต๊กหรือ? เสี่ยวเทียนนายรู้ไหมว่าที่ไหนอร่อย? นายจัดการเลย”
พูดจริงๆ เจียงไป๋ไม่ค่อยสนใจร้านอาหารตะวันตกสักเท่าไร สำหรับของอย่างนี้ก็ไม่ได้ศึกษา
ร้านอาหารตะวันตกธรรมดา ชาติก่อนก็เคยไปมาไม่น้อย แต่หากพูดถึงสถานที่ที่มีระดับอย่างแท้จริง เจียงไป๋ก็ไม่เคยไปจริงๆ เป็ธรรมดาที่ตอนนี้เขาจะไม่ได้เข้าใจมากนัก
“ครับ” เสี่ยวเทียนพยักหน้าพลางตอบ
เื่อย่างนี้ แค่เจียงไป๋สั่งไปก็ได้แล้ว สำหรับไปทานข้าวที่ไหนจึงจะดีนั้น จะให้เจียงไป๋เป็กังวลได้อย่างไร?
วันแรกที่เขาติดตามเจียงไป๋ ก็ได้ดำเนินการศึกษาแผนที่ของทั้งเทียนตูแล้ว และความร่ำรวยกับตำแหน่งของเจียงไป๋ก็ยกระดับขึ้นอย่างไม่หยุด เสี่ยวเทียนก็ศึกษาเพิ่มเติมอย่างเอาเป็เอาตายไม่หยุด สำหรับคลับเฮาส์ ร้านอาหาร ภัตตาคาร ตำแหน่งทางรัฐบาลและอื่นๆ ของทั้งเทียนตู สถานที่สำคัญๆ ก็รู้อย่างกระจ่างและคล่องแคล่วชำนาญ
ระยะทางสิบกว่านาที เจียงไป๋กับเซียวหลานหลานก็ทำความรู้จักกันอย่างง่ายๆ และแนะนำชื่อของตนเอง
สำหรับเื่อื่นๆ กลับไม่ได้พูดอะไรมาก
สาวน้อยอย่างเซียวหลานหลาน เหมือนจะเพ่งสายตาไปที่ตัวของเสี่ยวเทียน และพูดจุกจิกอยู่กับเสี่ยวเทียนตลอดเวลา ราวกับแปลกใจในตัวเขาเป็อย่างมาก
สำหรับเื่นี้ เจียงไป๋ฉีกยิ้มแต่ไม่พูด เมื่อครู่เหมือนกับว่าเสี่ยวเทียนจะแสดงออกได้อย่างทิ่มตาทิ่มใจ ทำให้สาวน้อยคนนี้เลื่อมใสอย่างคลั่งไคล้
สิบกว่านาที เสี่ยวเทียนก็ขับรถมาที่ถนนใหญ่ที่หรูหราเส้นหนึ่ง แล้วหยุดรถตรงริมถนนพลางพูดว่า “เถ้าแก่ ้าคือภัตตาคารอาหารฝรั่งเศสร้านหนึ่ง เป็ร้านที่ดีที่สุดในใกล้ๆ นี้แล้ว ได้ยินว่าไม่เลวพอสมควร สเต๊กของที่นี่เป็เนื้อโกเบแท้ ถึงแม้ไม่ใช่สุดยอด แต่รสชาติก็ถือว่าใช้ได้ หลายคนประเมินว่าไม่เลว”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้