เสียงผู้ใต้บังคับบัญชา อั้นปาดังขึ้นที่นอกลาน
ฮวาเหยียนยืดคอขึ้นมองฝ่ายตรงข้าม ในขณะเดียวกันตี้หลิงหานก็มองนางอย่างเ็า สายตาของทั้งสองปะทะกันกลางอากาศจนเกิดเสียงชิ้ง
ในเวลานั้น ลมพัดโชยอ่อนมาเรื่อยๆ ช่างสดชื่นและน่ารื่นรมย์ แต่ทันใดนั้น ในอากาศก็พลันเกิดสายลมเย็นะเือย่างมิอาจอธิบายได้ ขณะนั้นเองมู่เอ้าเทียนเดินมาอย่างเร่งรีบ ข้างๆ เขามีชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีน้ำเงินเข้ม รูปร่างผอมสูง ตัวก็ไม่ล่ำหนา หน้าตาหล่อเหลา คิ้วที่เฉียบตรงนั้นราวกับั์ตาของเหยี่ยวที่เฉียบแหลม เ็า เย่อหยิ่งและสำรวมกริยา
เมื่อฮวาเหยียนเห็นก็ทราบทันทีว่าคนนี้คือมู่เสวียนเย่ พี่ชายใหญ่แห่งตระกูลมู่
เขากำลังอุ้มหยวนเป่าอยู่ในอ้อมแขน
เมื่อเห็นหยวนเป่า ฮวาเหยียนก็ทนไม่ได้และรีบวิ่งตรงเข้าไปหาทันที
"หยวนเป่า"
นางะโเรียกและสวมกอดหยวนเป่าเอาไว้แน่นในอ้อมแขนของนางเอง
แม้ว่าจะรู้ว่าหยวนเป่าได้หลบหนีจากจวนไท่จื่อแล้ว แต่พอนางคิดว่าหยวนเป่าต้องใช้ยาพิษจากเืของตัวเองเพื่อหาทางหนีออกมานั้น ฮวาเหยียนก็รู้สึกเ็ปขึ้นมาอีกครั้ง
"ท่านแม่"
หยวนเป่าะโเข้าไปในอ้อมแขนของฮวาเหยียน "ท่านแม่ ไม่ต้องกลัวนะขอรับ หยวนเป่าไม่เป็ไร หยวนเป่าเรียกท่านตาและท่านลุงใหญ่มาเพื่อช่วยท่านแล้ว"
หยวนเป่ากอดฮวาเหยียนพร้อมกับปลอบโยนนางด้วยเสียงเล็กๆ ตอนที่เขาออกไปจากจวนไท่จื่อได้แล้วก็วิ่งกลับจวน เมื่อเขาหาท่านแม่ไม่พบ ก็ทำให้เขารู้ทันทีว่าเกิดเื่ขึ้นแล้วจึงรีบไปหาท่านตาของเขา ในใจของเด็กน้อยนั้นท่านตาเป็คนเพียงคนเดียวที่จะสามารถช่วยท่านแม่ของเขาได้
เมื่อทั้งสองคนกำลังจะออกจากจวน ก็ได้พบท่านลุงใหญ่ที่เสร็จจากการปฏิบัติหน้าที่ในวังกำลังเดินกลับเข้ามาอย่างเร่งรีบ หยวนเป่าไม่คาดคิดมาก่อนว่าท่านลุงใหญ่จะรูปร่างสูงโปร่งและแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังเหมือนกับท่านตา ชายหนุ่มยอมรับเขาได้อย่างรวดเร็วและยังเป็ห่วงท่านแม่อย่างสุดหัวใจ ไม่จำเป็ต้องพูดอะไรต่อจากนั้น พวกเขาพากันบุกมาที่จวนไท่จื่อเพื่อช่วยท่านแม่ทันที
ทุกคนในตระกูลมู่ทำให้เขารู้สึกไว้ใจและอบอุ่น
ในเวลานี้หัวใจของฮวาเหยียนรู้สึกอบอุ่นยิ่งนัก เพราะบุตรชายที่นางเลี้ยงมากับมือยอดเยี่ยมเหลือเกิน
“ท่านแม่ ท่านได้รับาเ็ตรงไหนหรือไม่ขอรับ? ”
หยวนเป่ามองไปที่ฮวาเหยียนอย่างกังวลพร้อมกับตรวจสอบไปทั่วตัว ทันใดนั้นเขาก็มองเห็นาแลึกที่คอของนาง ซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยสะเก็ดเื มองดูแล้วช่างน่าใยิ่ง
ใบหน้าเล็กของหยวนเป่าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที “ท่านแม่ เกิดอะไรขึ้น? ผู้ใดทำร้ายท่าน? ”
แม้ว่าหยวนเป่าจะถามแบบนี้แต่ดวงตาของเขากลับจ้องมองไปที่ตี้หลิงหาน เขาเป็เด็กที่ฉลาด แทบจะรู้ได้ทันทีว่ารอยบนคอของท่านแม่นั้นถูกสร้างขึ้นจากองค์รัชทายาทที่อยู่ตรงหน้าเขา
เนื่องจากผู้คนมาเต็มลานจวน ทว่าในยามนั้นพลังของตี้หลิงหานนั้นทรงพลังที่สุด
หยวนเป่าจ้องไปที่ตี้หลิงหาน ส่วนตี้หลิงหานก็มองเขาเช่นกัน ดวงตาคู่ใหญ่หนึ่งคู่กับดวงตาคู่เล็กหนึ่งคู่หันประจันหน้าเข้าหากัน แววตาที่ประสานกันของทั้งคู่นั้นมีความคล้ายคลึงกันเป็อย่างยิ่ง
ตี้หลิงหานเหล่มองหยวนเป่า เด็กน้อยคนนี้หรือที่วางยาพิษคนสิบแปดคนในจวนไท่จื่อ? แท้จริงแล้วเขาทำได้อย่างไรกัน?
หยวนเป่าคิดในใจว่า ชายคนที่อยู่ตรงหน้านี้คือบุรุษผู้ที่ถอนหมั้นแม่ของเขาไปเมื่อสี่ปีก่อน แต่สี่ปีต่อมากลับมาลักพาตัวเขาและท่านแม่ไป บุรุษคนนี้แท้จริงแล้ว้าทำอะไรกันแน่? เฮอะ อย่าพลาดพลั้งตกอยู่ในกำมือของเขาเชียว มิเช่นนั้นเขาจะทำให้ชายคนนี้ถูกพิษจนไม่สามารถมีชีวิตมองเห็นแสงอาทิตย์ของวันใหม่ได้เลย
ความเกลียดชังและความโกรธในดวงตาของหยวนเป่านั้นชัดเจนเกินไป มันทำให้ตี้หลิงหานวิเคราะห์ได้อย่างแม่นยำ แต่เขาไม่เคยเก็บเด็กเช่นนี้เอาไว้ในสายตา ดังนั้นชายหนุ่มจึงหันเหสายตาไปมองอีกทางทันที
...
เป็เพราะเสียงะโของหยวนเป่าที่ดึงสายตาของมู่เอ้าเทียนและมู่เสวียนเย่ให้หันไปมองฮวาเหยียน
ทั้งคู่มองเห็นาแที่น่าตื่นตระหนกที่คอของฮวาเหยียน อีกทั้งทันทีที่พวกเขามองอย่างละเอียดก็พบว่าาแนั้นเป็แผลจากรอยฟันกัดลึก
มู่เอ้าเทียนขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวและเขาก็มองไปที่ตี้หลิงหานทันที
ในยามนั้นจู่ๆ ตี้หลิงหานพลันผุดลุกขึ้น พลางมองไปที่คู่พ่อลูก มู่เอ้าเทียนและมู่เสวียนเย่ ชายหนุ่มเป็คนแรกที่พูดขึ้นมาว่า "ไม่รู้ว่าท่านอ๋องมู่จะมาที่นี่ เปิ่นกงจึงไม่ได้ต้อนรับท่านเป็อย่างดี"
ตี้หลิงหานเปิดปากด้วยน้ำเสียงที่เ็า
สีหน้าของมู่เอ้าเทียนเคร่งขรึมเป็อย่างยิ่ง เขาระงับความสงสัยภายในหัวใจเอาไว้แล้วก้าวเดินเข้าไปข้างหน้า" มิกล้า กระหม่อมถวายบังคมองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ"
เขาโค้งตัวลงเพื่อเป็การแสดงความเคารพ
“กระหม่อมถวายบังคมองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ”
ในเวลานั้นเองมู่เสวียนเย่ก็ก้าวเข้าไปข้างหน้าและโค้งคำนับให้เช่นกัน
ใบหน้าของตี้หลิงหานเ็า มีเพียงดวงตาของเขาที่เปล่งประกายเย็นะเืที่ยากต่อการคาดเดา "หืม? ท่านผู้บัญชาการมู่ผู้ประจำการอยู่ในวัง งานราชการยุ่งนักแต่ท่านยังมีเวลามาที่จวนไท่จื่ออย่างนั้นหรือ? "
“ท่าน...”
คิ้วของมู่เสวียนเย่กระตุก ดวงตาของเขาหันมองกลับมาที่ฮวาเหยียน พลันดวงตาของเขาก็กลายเป็สีแดงระเรือ เขาไม่ใช่คนที่แสดงอารมณ์ความรู้สึกมากนักแต่คนที่อยู่ตรงหน้านี้คือน้องสาวที่เขารักทะนุถนอมมาั้แ่เด็ก นางเป็น้องสาวที่หายตัวไปเป็เวลาสี่ปีซึ่งไม่ง่ายเลยที่นางจะกลับมา
เขารู้ทุกเื่เกี่ยวกับน้องหญิง นางสูญเสียความทรงจำ แม้แต่พี่ใหญ่ก็ถูกลืมเลือนไปเช่นกัน
ดังนั้น เขาจึงสังเกตเห็นว่าน้องสาวมองมาที่เขาในขณะที่เห็นเขาปรากฏตัว สายตาที่มองอย่างครุ่นคิดของนางนั้นทำเอาใจของเขาเ็ปขึ้นมา
ฮวาเหยียนกะพริบตาและส่งยิ้มให้มู่เสวียนเย่
นางยิ้มขึ้นมาอย่างงดงามและรอยยิ้มนี้ก็เป็รอยยิ้มที่มาจากหัวใจ ดวงตาคู่สวยที่เต็มไปด้วยความหวังนั้นทั้งงดงามและเฉียบคม ส่วนรอยยิ้มเองก็แสนอ่อนหวานเหลือเกิน
มุมปากของมู่เสวียนเย่ขยับเล็กน้อย ดวงตาของเขาชุ่มชื้น ฉายภาพรอยยิ้มของน้องสาวที่ติดอยู่ในความทรงจำของเขา ทั้งอ่อนโยน น่ารัก และแสนจะอบอุ่น
เมื่อเห็นดวงตาที่อาลัยอาวรณ์ของพี่ใหญ่ หัวใจของฮวาเหยียนพลันเกิดความรู้สึกอบอุ่น นางรับรู้ถึงความยินดีปรีดาของพี่ชายต่อการกลับมาของตน
มู่เสวียนเย่ถอนสายตา เขาสะกดอารมณ์ความรู้สึกและเริ่มเปิดปาก
“กระหม่อมได้ยินข่าวมาว่าน้องสาวของกระหม่อมเข้าไปในจวนไท่จื่อโดยไม่ได้ตั้งใจจึงเกรงว่านางจะปะทะกับฝ่าา สุดท้ายจึงรีบรุดมาพ่ะย่ะค่ะ”
"เฮอะๆ ..."
เมื่อได้ยินคำพูดของมู่เสวียนเย่ ตี้หลิงหานพลันแย้มยิ้มเ็า "ควรต้องมา เปิ่นกงไม่เคยรู้เลยว่าตระกูลมู่จะเลี้ยงบุตรสาวได้กล้าหาญเช่นนี้ วันนี้ถือเป็การเปิดหูเปิดตาเปิ่นกงแล้ว"
ตี้หลิงหานเปิดปากของเขา ดวงตาคมกริบราวกับดาบ ซึ่งดวงตานั้นมองตรงไปที่ฮวาเหยียน
หลังจากพูดคำเหล่านี้จบลง มู่เอ้าเทียนและมู่เสวียนเย่ก็มองหน้ากัน จากนั้นทั้งคู่ก็พลันเงียบกริบเพราะพวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และพวกเขาก็เพียงแค่ฟังคำบอกเล่าจากหยวนเป่าที่บอกว่าองค์รัชทายาทจับเขาและฮวาเหยียนไป พวกเขาทั้งสองจึงรีบเร่งมา แต่ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเกิดเื่อันใดขึ้นก็ไม่อาจทราบได้ ดังนั้นในเวลานี้จึงไม่กล้าเปิดปากโต้แย้ง
“ฝ่าา บุตรสาวของกระหม่อมทำอันใดให้ฝ่าาทรงขุ่นเคืองหรือพ่ะย่ะค่ะ? ”
มู่เอ้าเทียนขมวดคิ้วและถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่ง และไม่ถ่อมตัวจนดูต่ำต้อย
เขารู้ว่าบุตรสาวของเขาเคยเป็คู่หมั้นขององค์รัชทายาท แต่ตระกูลมู่ไม่เคยคิดที่จะไต่เต้าโดยใช้อำนาจบารมีของจักรพรรดิอยู่แล้ว ในตอนแรกราชโองการเป็การรับสั่งจากฮ่องเต้เพื่อเป็การแสดงการยกย่องให้เกียรติและแสดงถึงความโปรดปราน ตระกูลมู่เองก็มิกล้าที่จะรับพระมหากรุณาธิคุณขององค์ฮ่องเต้ไว้
แต่ในภายหลังเนื่องด้วยเหตุผลหลายประการ องค์รัชทายาททรงเขียนจดหมายเป็การส่วนพระองค์เพื่อปฏิเสธการอภิเษกสมรส
ตระกูลมู่และจวนไท่จื่อจึงมีเพียงความสัมพันธ์เช่นขุนนางและราชวงศ์เท่านั้น
แต่ที่ไม่เข้าใจคือ เป็เพราะเหตุใด หลังจากนั้นที่ผ่านมาแล้วถึงสี่ปี องค์รัชทายาทกับบุตรสาวของตระกูลเราถึงถูกดึงให้มาข้องเกี่ยวด้วยกันอีก
ใบหน้าของตี้หลิงหานเ็า เขาชำเลืองมองไปที่ฮวาเหยียน "คุณหนูใหญ่ตระกูลมู่ เ้า้าบอกเองหรือให้เปิ่นกงเป็คนพูด? "
ตี้หลิงหานถามด้วยน้ำเสียงเ็าซึ่งน้ำเสียงนั้นสามารถทำให้คนแข็งตายได้จริงๆ
ใน่เวลานั้นเอง ฮวาเหยียนมิได้เปิดปากพูดอันใดออกไป พอได้ยินตี้หลิงหานพูดจาเื่ไม่ดีของนางต่อหน้าท่านพ่อและพี่ชาย นั่นทำให้นางโกรธจนแทบจะะเิ ไอ้องค์รัชทายาทเฮงซวย เ้าคนชั่วขี้ฟ้อง อย่างไรเสียเขาก็มีตำแหน่งเป็ถึงองค์รัชทายาทนี่นา
นางยังมองออกว่า ทั้งท่านพ่อและพี่ชายของนางมีความจงรักภักดีต่อราชวงศ์เป็อย่างสูง หากนางไม่มีเหตุผล ไม่พูดสิ่งที่สมเหตุสมผลออกไป เื่ในวันนี้ทั้งท่านพ่อและท่านพี่ของนางก็จะมีส่วนเกี่ยวข้องในความผิดทันที
หัวสมองของฮวาเหยียนพลันแล่นฉิวทันที
ตี้หลิงหานคนนี้ยั่วโทสะนางเข้าแล้วจริงๆ ...
“เหยียนเออร์ แท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่? เหตุใดเ้าถึงมาที่จวนไท่จื่อได้? ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้