บทที่ 56 ตกหลุมพรางอีกครั้ง
การตายของลั่วเหยียนไม่ได้ทำให้เกิดความใแต่อย่างใด อย่างทั้งใบหน้าก็ถูกเผาจนไม่อาจระบุตัวตนได้ แต่ดาบในมือและแหวนวงนั้นกลับทำให้คนจำเขาได้ ว่าเขาคือโจรที่อย่างน้อยเป็ศิษย์าขั้นสี่ผู้ที่หนีรอดจากป่าว่านจู๋เมื่อตอนกลางวันไปได้
ส่วนพวกโจรที่เหลือรอด ก็ยังไม่มีใครถอดใจ ถึงจะตรวจสอบสถานะไม่ได้ก็ไม่เป็ไร ลำพังสถานะของเฉินติ้งฟางกับเฮยหูจื่อได้รับการยืนยันก็ระบุตัวผู้บงการได้แล้ว
แต่ต่อมากลับเกิดเหตุการณ์บางอย่างเล็กน้อย เฉินติ้งฟางถูกคนจับไป คนของสมาคมซานชิงออกหน้าแก้ต่างให้ ความเห็นของพวกเขาชัดเจนมากว่าเฉินติ้งฟางและคนของสมาคมซานชิงเพียงปรากฏตัวอยู่ในป่าเท่านั้น ขุดหลุมไม่กี่หลุม ตัดต้นไผ่ไม่กี่ต้น เดิมทีก็ไม่ได้ลงมือลอบโจมตีคนที่ผ่านทางด้วยซ้ำ แต่เป็หอการค้าตระกูลว่านกับกลุ่มทหารรับจ้างเทียนกงต่างหากที่โจมตีเฉินติ้งฟางอย่างไร้สาเหตุ ทำให้ศิษย์ของสมาคมซานชิงต้องสูญเสียร้ายแรง
การที่คนของเฉินติ้งฟางกลับอยู่รวมกับคนของค่ายเฮยหู่เองก็เป็ความผิดของเขาเช่นกัน ดังนั้นถึงจะได้รับความเสียหายก็กล่าวอะไรออกมาไม่ได้อยู่ดี ถึงสมาคมซานชิงจะไม่ได้ตามคิดบัญชีกับหอการค้าตระกูลว่านและกลุ่มทหารรับจ้างเทียนกง แต่เฉินติ้งฟางต้องได้รับการสั่งสอนจากสมาคมซานชิงเอง!
ส่วนสมาคมซานชิงที่พูดจากลับดำเป็ขาวทำให้ไม่อาจทางเอาผิดได้ เพราะว่าที่พวกเขากล่าวมาล้วนเป็ความจริง คนของเฉินติ้งฟางไม่ได้โจมตีกลุ่มขบวนสินค้าบนถนนแม้แต่น้อยทว่ากลับถูกบุกโจมตีสายฟ้าแลบจนพ่ายไป แต่ไม่ว่าอย่างไร หอการค้าตระกูลว่านและหอการค้าอื่นๆ ก็มีผลงานอยู่ดี เพราะพวกเขาโจมตีคนของค่ายเฮยหูได้ ก็ใครใช้ให้สมาคมซานชิงมาอยู่ด้วยเองเล่า
การจัดการเช่นนี้ หอการค้าตระกูลว่านไม่มีทางเลือก อย่างไรก็ตามในเมืองลั่วเยี่ยนคำสั่งแม่ทัพจิ้นถือเป็เด็ดขาด พวกเขาเป็เพียงแค่หอการค้า ไม่อาจไปโต้เถียงกับเ้าหน้าที่ได้ ยิ่งกับสมาคมซานชิงที่ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วจ่ายใต้โต๊ะให้แม่ทัพจิ้นไปเท่าไร ถึงได้ยอมกล่าวออกมาเช่นนี้ ใครเล่าจะล่วงรู้ได้
อย่างน้อยครั้งนี้สมาคมซานชิงนับว่าโชคร้ายนัก เพียงแต่ระหว่างสามหอการค้ากับสมาคมซานชิง เกรงว่าคงจบด้วยการเป็ศัตรู
บางทีอาจเป็เพราะเื่ของเฉินติ้งฟางทำให้แม่ทัพจิ้นรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทำให้รางวัลนำจับเฮยหูจื่อครั้งนี้จึงสูงลิบลิ่ว ทุกคนที่เข้าร่วมได้รับคะแนนคนละสิบแต้มจากวิหารเสินจั้น ตามด้วยรางวัลอีกหนึ่งหมื่นเหรียญฟ้าซิงเหิน เรียกได้ว่าเป็รางวัลก้อนโตทีเดียว แต่ในสายตาของทุกคนล้วนทราบกันดี ว่ารางวัลเล็กน้อยเช่นนี้สำหรับแม่ทัพจิ้นที่ยึดสมบัติจากค่ายเฮยหู่ได้ อาจเป็เพียงสินน้ำใจเล็กน้อยเท่านั้น...
ลั่วถูกับเจียงิ่ได้รับส่วนแบ่งเป็เงินหนึ่งร้อยห้าสิบเหรียญฟ้าซิงเหิน เป็เพราะเจียงิ่ไม่ใช่เผ่ามนุษย์ คะแนนของวิหารเสินจั้นจึงไม่มีความหมายสำหรับนาง จึงนำสิบคะแนนไปแลกกับเงินห้าสิบเหรียญฟ้าซิงเหินแทน ก็นับว่าราคาเป็ธรรมดี อย่างไรเสียพวกเขาทั้งสองก็เป็เพียงคนธรรมดา ส่วนเื่ที่ลั่วถูสังหารโจรที่เหลือรอดไปเมื่อคืน ไม่มีรางวัลให้เป็พิเศษ เพราะว่าไม่อาจตรวจสอบสถานะได้
……
เมืองเทียนตูอยู่ตรงหน้าแล้ว ลั่วถูติดตามขบวนหอการค้าตระกูลว่านเดินทางมาสิบสามวันในที่สุดก็มาถึงเมืองเทียนตู
บนถนนเต็มไปด้วยผู้คนคลาคล่ำ มีทั้งคนธรรมดาจากหมู่บ้านใกล้เคียงมารวมตัวกัน พวกเขาลากรถม้ารถวัวพร้อมสินค้าเข้าเมืองเทียนตู เพียงเพื่อแลกกับของใช้ในชีวิตประจำวัน ส่วนรถม้าขบวนใหญ่ที่ออกจากเมืองเทียนตูมุ่งหน้าสู่แผ่นดินต้นกำเนิดก็ยาวเหยียดเสียจนบนดูราวกับัตัวยาวทอดตัวอยู่บนถนนนอกเมือง
ถนนที่เดิมทีกว้างขวางแต่ในเวลานี้กลับแออัดเหลือเกิน ทหารของหอการค้าตระกูลว่านจึงทำได้เพียงเคลื่อนขบวนไปอย่างเชื่องช้าท่ามกลางความวุ่นวาย
“เมืองเทียนตูคึกคักเช่นนี้เชียวหรือ?” เจียงิ่มองไปยังถนนที่เต็มไปด้วยผู้คนเบียดเสียดอย่างตกตะลึง และถามกลับไปอย่างใ
“ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็เช่นนี้ทุกวัน วันนี้เป็วันที่หนึ่ง เมืองเทียนตูอนุญาตให้พ่อค้าบริเวณนอกเมืองเข้าเมืองได้ วันนี้ถึงได้คึกคักเป็พิเศษ ทุกเดือนวันที่หนึ่งกับสิบห้าจะเป็เช่นนี้” ลั่วถูไม่ประหลาดใจอยู่แล้ว ในเมื่อวันนี้เป็วันเปิดเมือง ผู้คนที่จะหลั่งไหลเข้าเมืองคงยากจะนับไหว
เมืองเทียนตูที่ยิ่งใหญ่ไม่เพียงมีกำแพงเมืองสูงใหญ่ดั่งูเาล้อมรอบ แต่ยังมีหมู่บ้านที่กระจายตัวอยู่นอกเมืองมากมาย พวกเขารับผิดชอบบุกเบิกพื้นที่ราบนอกเมืองเพื่อปลูกพืชทำอาหาร ส่วนในเมืองเทียนตูเน้นทำการค้าเป็หลัก เต็มไปด้วยสารพัดร้านค้า... แน่นอนว่า การเป็เมืองเอกของเผ่ามนุษย์ ไม่ได้เป็เพียงศูนย์กลางการค้า ก็ได้รวบรวมตระกูลร่ำรวยเอาไว้ที่นี่ด้วย
แผ่นดินต้นกำเนิดเป็เพียงแค่แผ่นดินแห่งหนึ่งของโลกชั้นล่าง เป็ที่อยู่ของเผ่าต่างๆ แต่แผ่นดินของมนุษย์แท้จริงแล้วไม่ได้มีเพียงแผ่นดินต้นกำเนิด แผ่นดินต้นกำเนิดเป็สถานที่ที่แย่ที่สุดในโลกชั้นล่าง บางที่คงเป็เพราะแผ่นดินแห่งนี้ถูกศิลากำเนิดเทพดูดพลังิญญาไปหมดเมื่อหลายปีก่อน ถึงในหลายพันปีมานี้โลกชั้นสูงจะดูแลแผ่นดินต้นกำเนิดเป็พิเศษ ด้วยการปล่อยสัตว์อสูรจำนวนมากเข้าสู่สนามรบฝานเหรินเป็ระยะ ทว่าการชดเชยเช่นนี้ไม่อาจช่วยฟื้นฟูพลังธาตุได้พอ
เมืองเทียนตูนั้นใหญ่มาก การเป็เมืองหลักของเผ่ามนุษย์จึงมีสถานะพิเศษ แผ่นดินต้นกำเนิดเรียกได้ว่าเป็จุดกำเนิดของทุกเผ่าพันธุ์ แต่เพราะหลังจากพลังิญญาลดลงถึงขีดสุด ผู้คนจึงค่อยๆ ย้ายออกไปได้ดิบได้ดีในทั่วทุกสารทิศ แต่ยังมีจุดหนึ่งที่แผ่นดินแห่งอื่นไม่อาจเทียบได้ นั่นคือสนามรบฝานเหรินอันเป็ที่ตั้งของศิลากำเนิดเทพ!
แผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้มีความลับซ่อนอยู่มากมาย ถึงแม้นักบวชทั้งแผ่นดินต้นกำเนิดจะเป็กลุ่มคนที่อ่อนแอที่สุดในทุกแผ่นดิน แต่ก็ไม่เคยถูกกีดกันแต่อย่างใด ทุกปีจะมีนักบวชจากแผ่นดินต่างๆ มาเยือนเมืองเทียนตูอันเก่าแก่แห่งนี้เพื่อทำการสักการะ
“เอ๊ะ... ” ลั่วถูที่กำลังร่ายประวัติของเมืองเทียนตูให้เจียงิ่ฟัง แต่สายตากลับถูกดึงดูดโดยเงาหลายร่างท่ามกลางฝูง จนถึงกับหยุดม้าเพื่อมองดู
“พี่ถู มีอะไรหรือ?” เจียงิ่ใเล็กน้อย นางมองตามสายตาของลั่วถูไป และเอ่ยถามออกมาเสียงเบา ในสายตาของนาง เห็นได้ว่ามีเงาของคนหลายคนลากตัวเด็กหนุ่มเสื้อเขียวคนหนึ่งเข้าไปในซอยเปลี่ยวลับตาคน เด็กหนุ่มเสื้อเขียวคนนี้เองก็ดิ้นขัดขืนไม่หยุดทว่าภายใต้พละกำลังของคนกลุ่มนั้น มันกลับไร้ประโยชน์...
“พี่ถูรู้จักพวกเขาหรือ?” เจียงิ่ถามอย่างใ
“ดูเหมือนจะเป็เพื่อนของข้า!” ลั่วถูขมวดคิ้วแน่น เพื่อนของเขามีไม่มาก ซ่งตงคนที่ตามเขาไปยังสนามรบฝานเหรินก็เป็หนึ่งในบรรดาเพื่อนของเขา ที่ตอนนี้ในที่สุดก็ทะลวงระดับไปเป็ศิษย์าและเข้าร่วมกับกองทัพได้แล้ว ไม่มีทางตามเขากลับมาแน่นอน แต่ยังมีคนอื่นอีก เป็ศิษย์น้องของสำนักยาแห่งเขาเหย้าหลู คนหนุ่มเสื้อเขียวที่ถูกพาตัวไปโดยคนกลุ่มหนึ่งเป็หนึ่งในเพื่อนของเขา หลูิ่ชง ที่นี่คือเขตนอกเมืองเทียนตู ถึงจะมีผู้คนมากมายขายของอยู่ที่นี่จนวุ่นวายไปหมด แต่ลั่วถูเชื่อว่าสายตาของเขาไม่มีทางมองผิดแน่
“น้องลั่ว มีอันใดหรือ ตื่นเต้นเพราะถึงบ้านหรือ จวนจะได้เข้าเมืองแล้วนะ... ” ว่านเจียฉายราวกับรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวหยอกล้อ
“ใช่แล้ว ข้าไม่ได้กลับเมืองเทียนตูมานาน พอเห็นผู้คนมากมายเช่นนี้ก็พลอยรู้สึกะเืใจไปด้วย เถ้าแก่ว่าน ตลอดทางมานี้ข้าขอขอบคุณการดูแลของท่านมาก อีกไม่กี่วันข้าจะต้องไปขอบคุณถึงที่ให้ได้ พวกข้าจะยังไม่เข้าเมือง ขอพาิ่เอ๋อร์เดินเล่นชมตลาดแถวนี้เสียก่อน” ลั่วถูป้องมือคำนับว่านเจียฉาย กล่าวออกมาอย่างจริงใจ
“โอ้ จะเกรงใจไปไย ถ้าไม่ได้เ้า ตลอดทางมานี้ก็ไม่รู้ว่าจะเจออันตรายอะไรบ้าง หอการค้าตระกูลว่านยินดีต้อนรับน้องลั่วเสมอ ผู้แซ่ว่านขอเข้าเมืองก่อน!” ว่านเจียฉายส่งยิ้มอย่างจริงใจ ครั้งนี้ไม่ใช่ลั่วถูที่เป็ฝ่ายติดหนี้เขา แต่เป็พวกเขาต่างหากที่ติดหนี้ลั่วถู อย่างไรเสียก็เป็ลั่วถูที่เตือนพวกเขาล่วงหน้าถึงทำให้จัดการค่ายโจรเฮยหู่ได้
ลั่วถูไปทักทายกล่าวลากับกู้อวิ๋นเซียวด้วย จากนั้นรีบไปทางที่หลูิ่ชงหายตัวไปเมื่อครู่ เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหลูิ่ชง แต่ในเมื่อเขาเห็นแล้ว ก็ไม่อาจปล่อยผ่านได้ หากมีคนคิดทำร้ายหลูิ่ชงจริง บางทีเขาอาจพอช่วยได้
ลั่วถูผูกม้าไว้ที่ร้านแห่งหนึ่ง ออกคำสั่งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเดินไปจามซอยที่ว่า
“ิ่เอ๋อร์ ค้นหาที ดูว่าพวกเขาไปไหนกันแน่!” ลั่วถูหันมาออกคำสั่งกับเจียงิ่ นางเป็ถึงยอดฝีมือด้านการสะกดรอย เื่นี้มอบหมายให้นางทำจึงนับว่าเหมาะสมที่สุดแล้ว
“ตามข้ามา!” เจียงิ่ยิ้มเล็กน้อย จากนั้นพาลั่วถูเดินไปในซอยอย่างรวดเร็ว เลี้ยงซ้ายเจ็ดครั้งเลี้ยวขวาอีกแปดหน เดินไปนานราว่เวลาจิบชาหนึ่งจอก[1] จึงหยุดลงที่บ้านหลังหนึ่ง ที่นี่นับว่าพ้นจากเขตตลาดไปแล้ว น่าจะเป็หมู่บ้านเล็กๆ นอกเมือง เพียงแต่เวลานี้คนในหมู่บ้านไปตลาดกันหมด จึงไม่เหลือคนอยู่เลย
“พวกเขาน่าจะอยู่ในนี้!” เจียงิ่หยุดฝีเท้า จากนั้นขมวดคิ้วเล็กน้อย
ลั่วถูมองไปที่บ้านหลังนี้อยู่พักหนึ่ง ประตูใหญ่ปิดไว้ ทว่าในใจของเขากลับััได้ถึงอันตราย
“พี่ถู ข้าว่าพวกเรากลับกันเถอะ ข้าสังหรณ์ไม่ดีเอาเสียเลย!” เจียงหมินสูดลมหายใจเข้าและกล่าวออกมาอย่างจริงจัง
“ิ่เอ๋อร์เ้ารอข้าอยู่ข้างนอก ข้าจะเข้าไปดูจากข้างหลังหน่อย!” ลั่วถูพยักหน้า เจียงิ่เองก็รู้สึกเหมือนกัน ทำให้เขามความระมัดระวังขึ้นอีก เพราะคนขนศพมักมีััไวต่อความอันตรายกว่าคนอื่นอยู่แล้ว
“ก็ได้ เช่นนั้นเ้าระวังตัวด้วย ข้าจะรอเ้าอยู่ที่นี่!” เจียงหมินพยักหน้าและกล่าวอย่างลังเล
ลั่วถูเดินวนรอบบ้านรอบหนึ่ง ก็พบว่าประตูหลังปิดไว้เช่นกัน แต่เขากลับไม่ได้คิดจะเข้าทางประตู แต่ะโขึ้นเบาๆ เข้าข้ามกำแพงไป บ้านหลังนี้ไม่ใหญ่มาก แต่กำแพงสูงเกือบหนึ่งจั้ง ต้นไม้ใหญ่ในบ้านดูเหมือนกับร่มที่ช่วยซุกซ่อนบ้านทั้งหลังนี้จากสายตาผู้คน แต่ก็ทำให้บรรยากาศร่มเย็นเช่นกัน มีเครื่องโม่หินเครื่องหนึ่ง โอ่งน้ำโอ่งหนึ่ง และกองฝืนกองมั่วซั่วกับกองฟางที่เป็ระเบียบ พิจารณาดูน่าจะเป็บ้านของคนมีฐานะพอสมควรทีเดียว
ในบ้านมีเสียงกระแทกดังออกมากับเสียงโอดครวญอย่างแ่เบา ลั่วถูรู้จักเสียงนั้นดี เป็เสียงของหลูิ่ชงไม่ผิดแน่ เขาไม่รู้ว่าหลูิ่ชงออกจากเมืองทำไม และไปพบคนเหล่านี้ได้อย่างไร และพวกเขาเกี่ยวข้องอย่างไร?
“โอ๊... ” ขณะที่ลั่วถูเตรียมเข้าใกล้หน้าต่างเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ข้างใน กลับต้องรู้สึกว่าขาของเขาเบาขึ้นฉับพลัน จากนั้นร่างกายก็ร่วงในทันที
“ไม่ดีแล้ว!” ลั่วถูใมาก พลางยื่นมือออกมาหวังจับยึดกับสิ่งของรอบตัว ร่างกายสั่นสะท้านห้อยอยู่บนปากหลุมกับดัก ถึงมือทั้งสองข้างจะจับสิ่งของอะไรไม่ได้ แต่ก็ยังเกาะพื้นปากหลุมทัน พอมองไปด้านล่าง เหงื่อเย็นเฉียบถึงกับไหลท่วมหลังของเขาทันที ด้านล่างเป็หลุมกับดัก มีดาบสะท้อนแสงสีขาวแวววาวเต็มไปหมด หากตกลงไป คงไม่แคล้วถูกมีดดาบพวกนี้แทงจนพรุนเป็ตะแกรง มีหรือเขาจะยังกล้าห้อยตัวเล่นอยู่ปากหลุมกับดัก รีบใช้แรงแขนทั้งสองข้างดันตัวขึ้นไป ยังไม่ทันได้เคลื่อนตัวหนีไปไหน กลับต้องชะงักไป เพราะมีกลุ่มยืนล้อมตัวเขาเอาไว้มองมาที่เขาด้วยรอยยิ้มที่ดูไม่ประสงค์ดีเอาเสียเลย
“ลั่วถู ยินดีต้อนรับ!” หนึ่งในคนเ่าั้โบกมือ บนใบหน้ารอยยิ้มแฝงแววไม่เป็มิตรเอาเสียเลย
หัวใจของลั่วถูแทบหยุดเต้นในทันที
[1] ่เวลาจิบชาหนึ่งจอก (盏茶的时候) เป็การนับเวลาแบบจีนโบราณั้แ่เริ่มเสิร์ฟชาจนกระทั่งจบชาหมดจอก คิดเป็ประมาณสิบห้านาที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้