หลังจากออกแรงไปมากในการแบกของแห้งและของสดกลับมาที่ตำหนักอ๋อง หนิงมู่ฉือรีบวิ่งกลับไปที่ห้องด้วยความเหนื่อยล้า เมื่อไปถึงนางล้มตัวนอนคว่ำหน้าบนเตียง “ปวดเอวปวดหลังไปหมดเลย”
ผู้ดูแลห้องครัวเดินตามเข้ามา ก่อนจะเคาะกะละมังเล็กใกล้ๆ หูนาง นางหันไปมองด้วยความใ
ผู้ดูแลห้องครัวประทินโฉมด้วยแป้งผัดหน้าหนาเตอะ ขณะที่พูดแป้งที่อยู่บนใบหน้าเกือบจะหลุดร่วงออกมาอยู่รอมร่อ “แม่นางหนิง ไหนเ้าบอกว่าจะเป็คนทำเองอย่างไรเล่า แล้วเหตุไฉนพอกลับมาถึงก็มานอนี้เีเช่นนี้”
นางยิ้มแห้งพร้อมกับลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะยื่นมือไปทุบไหล่ให้ผู้ดูแลห้องครัวอย่างเอาอกเอาใจ “ท่านผู้ดูแล ไม่เห็นต้องรีบเลย วันนี้ท่านออกไปซื้อของกับข้าเหนื่อยมามากแล้ว พักสักหน่อยเถิด”
“ไม่ได้ สิ้นปีเป็เื่ใหญ่ เ้าลืมไปแล้วหรือ” ผู้ดูแลห้องครัวลุกขึ้นยืน จ้องมองหนิงมู่ฉือด้วยสีหน้าจริงจัง
นางเอามือทุบไหล่เพื่อไล่ความเมื่อยขบ ก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างไม่เต็มใจนัก ส่งยิ้มให้ผู้ดูแลห้องครัวพร้อมกับเอ่ยว่า “ก็ได้ ข้าไป ข้าจะไปประเดี๋ยวนี้”
นางดันผู้ดูแลห้องครัวไปนอกห้อง ก่อนจะปิดประตูเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า เมื่อเสร็จเรียบร้อยนางก็รีบวิ่งไปยังห้องครัว เห็นพ่อครัวแม่ครัวมากมายกำลังจัดการของที่นางซื้อมาวันนี้อยู่ นางรู้สึกผิดยิ่งนัก
หนิงมู่ฉือมองทุกคนอย่างพึงพอใจ ยกนิ้วโป้งชื่นชมทุกคน แต่ในขณะเดียวกันก็สอนพ่อครัวแม่ครัวบางคนว่าควรต้องเตรียมวัตถุดิบอย่างไรไปด้วย “เ้าหั่นไก่ผิดวิธีแล้ว ต้องทำแบบนี้ต่างหาก นี่ เ้าทำแบบนั้นไม่ได้ เนื้อชิ้นนั้นยังไม่ได้ทำความสะอาดเลย“
ทุกคนขมวดคิ้ว แต่เมื่อลองพิจารณาดู ก็พบว่าควรเป็เช่นนั้นจริงๆ จึงหันไปส่งยิ้มให้หนิงมู่ฉือ
หนิงมู่ฉือได้ยินเสียงไก่ร้องจึงหันไปถามผู้ดูแลห้องครัว “ท่านผู้ดูแล ไก่ตัวผู้ที่ข้าซื้อมาอยู่ที่ใดหรือ”
ครั้นผู้ดูแลห้องครัวได้ยินหนิงมู่ฉือถามถึงไก่ที่ส่งเสียงไม่หยุดตัวนั้น จึงชี้นิ้วไปอีกด้านหนึ่ง หนิงมู่ฉือมองไปยังไก่ที่กำลังตีปีกก่อนจะค่อยๆ เดินตรงเข้าไปหามัน ไก่ตัวผู้เห็นหนิงมู่ฉือเดินเข้ามาหา มันส่งเสียงร้องอย่างหวาดกลัวออกมา
นางส่งยิ้มให้มัน “เ้าไก่น้อย ไม่ต้องกลัวนะ อีกเดี๋ยวเ้าก็จะได้ทำตัวให้สมกับราคาที่ข้าซื้อเ้ามาแล้ว”
นางจับไก่ตัวนั้นเอาไว้พร้อมกับจัดการปลิดชีวิตมัน ไก่ตัวนั้นดิ้นอยู่ไม่กี่ทีก็จากไปอย่างเ็ป
นางถอนขนมันออกพร้อมกับเอ่ยว่า “ไก่ตัวนี้เลี้ยงแบบปล่อย เนื้อนุ่มเหนียว ทำน้ำแกงน่าจะเหมาะที่สุด”
เพียงไม่กี่นาทีนางก็จัดการทำความสะอาดไก่เสร็จเรียบร้อย นางนำไก่ใส่ลงไปในหม้อ ก่อนจะใส่เครื่องปรุงลับของนางลงไป นางตั้งชื่ออาหารจานนี้ว่า ไก่์
ได้ยินชื่อ ทุกคนที่อยู่ในห้องครัวก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
จัดการไก่เสร็จเรียบร้อย นางมองไปยังปลาสดใหม่ที่ซื้อมา นางนำไปทอดในน้ำมันจนกลิ่นหอมฟุ้งไปทั้งห้องครัว ทอดเสร็จเรียบร้อยจึงเอ่ยถามผู้ดูแลห้องครัว “ท่านผู้ดูแล ท่านรู้หรือไม่ว่า น้ำมันที่ดีที่สุดสำหรับการทอดคือน้ำมันถั่วลิสงซึ่งกลั่นด้วยมือจากโรงผลิตน้ำมันทางตะวันตก”
ผู้ดูแลห้องครัวส่ายหน้าขณะมองหนิงมู่ฉือที่ยังคงชักช้า นางเห็นเช่นนั้นขมวดคิ้วพร้อมกับเอ่ยเร่ง “แม่นางหนิง เร็วหน่อยเถิด ท่านอ๋องรอคอยมื้ออาหารสิ้นปีมื้อนี้มาก แม้แต่ซื่อจื่อ่นี้ก็ไม่ออกไปไหนเลย”
ครั้นหนิงมู่ฉือได้ยินชื่อจ้าวซีเหอ สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย รับคำ “อืม“ ออกมาคำหนึ่งก่อนจะเร่งมือให้เร็วขึ้น ั้แ่วันที่นางออกจากคุกหลวง นางก็ไม่ได้เจอจ้าวซีเหออีกเลย
ได้ยินฉีอันบอกว่า หลายวันมานี้จ้าวซีเหอมักจะอยู่แต่ในตำหนัก นางได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกวางใจ นางจะได้จากที่นี่ไปโดยไม่ต้องเป็ห่วง
ฉีอันกลุ้มใจกับใบหน้าเ็าของจ้าวซีเหอเป็อย่างมาก ยังดีที่หลายวันมานี้จ้าวซีเหอไม่ออกไปโรงพนันหาสหายเสเพลเ่าั้
เมื่อเห็นว่าวันนี้จ้าวซีเหอดูอารมณ์ดี ฉีอันจึงตัดสินใจเอ่ยชวนคุย “ซื่อจื่อ วันนี้ท่านต้องได้ทานอาหารเลิศรสเป็แน่ เมื่อไม่กี่วันก่อนแม่นางหนิงถามถึงท่านด้วยขอรับ”
จ้าวซีเหอได้ยินชื่อหนิงมู่ฉือพลันถลึงตาใส่ฉีอัน ฉีอันเห็นก็รีบหุบปากทันที จ้าวซีเหอเอ่ยตอบด้วยสีหน้าเ็า “สตรีนางนั้นยังไม่ออกจากตำหนักไปอีกหรือ”
ฉีอันพยักหน้า เอ่ยตอบด้วยท่าทางนบน้อม “ท่านอ๋องบอกว่าให้พ้นปีใหม่ไปก่อนค่อยให้แม่นางหนิงออกจากตำหนักขอรับ”
จ้าวซีเหอยกยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน “ฮึ นางไม่กลัวว่าออกไปแล้วจะไปเจอปัญหาเข้าหรืออย่างไร” เอ่ยจบก็เดินออกไปอย่างไม่สบอารมณ์นัก ตรงไปที่เรือนสวนไผ่ของฉู่เมิ่งเอ๋อร์
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์เห็นจ้าวซีเหอมีสีหน้าและท่าทางดูอารมณ์ไม่ดี ในใจรู้สึกปวดร้าวเล็กน้อย ขณะที่ใบหน้าแย้มยิ้มบางๆ ออกมา นางพาร่างอรชรอ้อนแอ้นเดินเข้าไปหาเขา “ซื่อจื่อเป็อันใดไปหรือเ้าคะ เหตุใดถึงได้โมโหเช่นนี้”
จ้าวซีเหอยกยิ้มมุมปาก “ทำไมหรือ ข้าจะมาหาความสงบที่เรือนสวนไผ่ของเ้าไม่ได้หรือ”
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์ได้ฟังเช่นนั้นก็ยิ้มออกมา “ไม่ใช่เ้าค่ะ เมิ่งเอ๋อร์แค่กลัวว่าท่านจะลืมเมิ่งเอ๋อร์ไปแล้วเท่านั้น นานแล้วที่เมิ่งเอ๋อร์ไม่ได้เจอท่าน เกิดเื่ใดขึ้นหรือเ้าคะ ท่านกับแม่นางหนิงโกรธกันหรือ”
จ้าวซีเหอขมวดคิ้ว ลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาฉู่เมิ่งเอ๋อร์ “ใครบอกเื่นี้กับเ้า”
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์ยิ้มพร้อมกับตอบ “สตรีในดวงใจของท่านไม่ใช่แม่นางหนิงหรอกหรือเ้าคะ”
ใจจ้าวซีเหอถึงกับกระตุกขึ้นมาวูบหนึ่ง เขายิ้มพร้อมกับใช้แววตาดอกท้อจ้องมองฉู่เมิ่งเอ๋อร์อย่างเ้าชู้ “เ้าเข้าใจผิดแล้ว ที่ข้ามาหาเ้าวันนี้เพื่อจะมาพาเ้าไปทานอาหารส่งท้ายปีด้วยกัน”
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์ได้ฟังรู้สึกตกตะลึงยิ่งนัก แม้จ้าวซีเหอจะไม่อนุญาตให้นางเดินไปไหนมาไหนได้ตามใจชอบภายในตำหนักอ๋อง ทว่ามีครั้งหนึ่งที่นางบังเอิญเจอท่านอ๋องโดยบังเอิญเข้า ตอนนั้นสีหน้าของท่านอ๋องดูไม่สบอารมณ์อย่างมาก
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์เอ่ยถามด้วยสีหน้าที่ยังคงตื่นใ “ท่านอ๋องเป็คนสั่งหรือเ้าคะ”
จ้าวซีเหอพยักหน้า “ท่านพ่อกล่าวว่า ในเมื่อเป็ครอบครัวเดียวกัน เช่นนั้นก็ต้องผ่านปีเก่าไปด้วยกัน หรือเ้าไม่ใช่คนครอบครัวเดียวกันกับข้า”
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์รู้สึกดีใจยิ่งนัก รีบนั่งลงที่หน้าคันฉ่องเพื่อสางผมประทินโฉม “ซื่อจื่อ เหตุใดท่านถึงไม่รีบบอกเ้าคะ เมิ่งเอ๋อร์จะได้แต่งตัวให้ดูดีกว่านี้ ท่านรอเมิ่งเอ๋อร์สักประเดี๋ยวนะเ้าคะ เสร็จแล้วข้าคอยตามท่านไป”
จ้าวซีเหอชะงักนิ่ง ไม่รู้ว่าการที่เขาตัดสินใจเช่นนี้ เป็การตัดสินใจที่ผิดหรือถูก
หนิงมู่ฉือทำอาหารส่งท้ายปีเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว นางมองอาหารสิบแปดอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะพร้อมกับยิ้มอย่างพึงพอใจ ควันจากในห้องครัวลอยปกคลุมไปทั่วทั้งตำหนักอ๋อง อีกทั้งกลิ่นหอมของอาหารก็ส่งกลิ่นหอมไปทั่วทั้งตำหนักอ๋องเช่นกัน
นางยกจานไก่์ เนื้อน้ำแดง ขาหมูเย็น และอาหารอย่างอื่นไปยังห้องของท่านอ๋อง
ขณะที่ในใจนึกภาพตอนที่ท่านอ๋องได้เห็นอาหารเหล่านี้ไปด้วย หากท่านอ๋องได้เห็นอาหารเหล่านี้ จะยิ้มอย่างดีใจสักเพียงใดกันนะ แค่คิดนางก็รู้สึกตื่นเต้นแล้ว
ทั่วทั้งตำหนักอ๋องถูกประดับประดาและถูกตกแต่งด้วยสีแดง บรรยากาศเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความสุข
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้