“Godstone” ตั้งอยู่ใจกลางถนนสายบาร์ในเมืองหลินไห่ แม้ว่าครึ่งเดือนที่แล้วกลุ่มบริษัทฟางซื่อจะซื้อที่ดินผืนนี้เป็ที่เรียบร้อยแล้ว แต่นักเที่ยวกลางคืนต่างก็รู้กันดีว่าบริษัทซินเหลียนเซิ่งคือขาใหญ่ของที่นี่
ทุกร้านในละแวกนี้ถูกบริหารจัดการโดยหัวหน้าแก๊ง แต่มีหัวหน้าแก๊งหลายคนได้ขายหุ้นที่ตนเองถืออยู่ ก่อนจะทิ้งร้านและลูกน้องไปเสพสุขอยู่ที่ไหนก็ไม่ทราบ
แต่ตงชวนซึ่งใช้อิทธิพลเข้ารวบรัดและใช้อำนาจแต่งตั้งตนขึ้นเป็ผู้นำคนใหม่ เขาก็ได้สั่งการให้แต่งตั้งหัวหน้าแก๊งคนใหม่ขึ้นมา
บริษัทซินเหลียนเซิ่งจึงรวมกันเป็ร้านเดียวด้วยประการนี้ ขณะนี้ หัวหน้าแก๊งคนปัจจุบันมีนามว่าโล้นซ่า เขาเป็ขาโจ๋อันดับสองและเป็มือขวาของตงซวน ชายผู้นี้มีข้อหาทำร้ายร่างกายเป็ชนักติดหลังอยู่หลายกระทง แต่นั่นก็ทำให้เ้าเด็กคนนี้ได้ก้าวขึ้นสู่อันดับต้นๆ ตงชวนรู้ว่าตัวเขาเองไม่ได้มีสติปัญญา ไหวพริบเทียบเท่ากับอดีตพี่ใหญ่หวาจื่อเฉียง เพราะฉะนั้น เขาจึงบอกลูกน้องอยู่เสมอว่า “ฉลาดน่ะยาก แต่สู้ไม่ถอย จะไม่มีวันแพ้”
โล้นซ่านั้นเป็แหล่งรวมของความอำมหิตและตัณหา เห็นได้จากหลังจากที่เขาเข้ามาบริหารกฎของซินเหลียนเซิ่ง มีเพียงหญิงงามหรือผู้ที่พาสาวงามมาเท่านั้นที่เขาจะรับเข้าทำงานโดยที่ไม่ต้องต่อคิว
พื้นที่ไนต์คลับแบ่งออกเป็สองโซน โซนชั้นล่างเป็สถานบันเทิงขนาดใหญ่สำหรับคนหมู่มาก โซนชั้นบนเป็ห้องรับรองสำหรับแขกวีไอพี ผู้ที่อยากเล่นจ้ำจี้ซ่อนหาก็เชิญเสพสุขได้ที่ชั้นสอง ซินเหลียนเซิ่งนั้นขึ้นชื่อเื่การรักษาความปลอดภัย อันธพาลที่นี่กล้ายืนขวางประตูในขณะที่เ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้นจึงนับว่ามีอิทธิพลในแวดวงสูงมาก
แต่ราคาค่าห้องวีไอพีนั้นก็ไม่ถูก โดยทั่วไปหนึ่งห้อง เมื่อคำนวณค่าบริโภคพื้นฐานต่อหนึ่งรอบก็ตกอยู่ที่ราวๆ 2 ถึง 3 หมื่นหยวนได้ ซึ่งนี่ยังไม่รวมค่าราคาสินค้า ช่วยไม่ได้ อยากได้ความปลอดภัยก็ต้องใช้เงินซื้อด้วยกันทั้งนั้น
เซี่ยวอี๋โตมาจนป่านนี้แล้ว เธอยังไม่เคยเสียเงินให้ไนต์คลับเลยสักแดง สมัยฝึกงานเธอเคยตามเพื่อนร่วมงานไปอยู่สองสามร้าน ในความคิดของเธอ มีแต่คนสมองกลวงเท่านั้นแหละที่มาดื่มเหล้าปาร์ตี้ในสถานที่เช่นนี้ บนฟลอร์เต้นรำอัดแน่นไปด้วยผู้คน เสียงเพลงสั่นะเืไปถึงแก้วหู หญิงสาวแต่งหน้าหนาเตอะ นักเลงหัวไม้ยืนขวางหูขวางตา นี่คือความรู้สึกที่เซี่ยวอี๋มีต่อสถานที่ดังกล่าว
แต่เนื่องด้วยที่นี่เป็ที่ตั้งของซินเหลียนเซิ่ง ซึ่งเซี่ยวอี๋รู้ดีว่าการที่เสิ่นิพาเธอมาที่นี่ เขาคงไม่ได้ชวนเธอมากินถั่วแกล้มเหล้า
“ผมไม่ได้กลับมาเป็สิบปี คุณช่วยอธิบายเกี่ยวกับซินเหลียนเซิ่งตามความเข้าใจของคุณให้ผมฟังทีสิ” เสิ่นิกล่าวที่ข้างหูของเซี่ยวอี๋
“กลุ่มผู้มีอิทธิพลรายใหญ่ที่สุดของเมืองหลินไห่ ปกครองกันอย่างแน่นแฟ้น ทำแต่ละเื่ไม่เคยละอายฟ้าดิน ขนยาเสพติด ค้าประเวณี ลักลอบนำเข้าอาวุธ ตั้งบ่อนการพนัน...ดำเนินธุรกิจผิดกฎหมายทุกประเภทไม่มีข้อยกเว้น บริษัทซินเหลียนเซิ่งยังตั้งใจเลี้ยงดูกลุ่มอันธพาลซึ่งป่วยหนักระยะสุดท้ายเอาไว้ด้วย เผื่อเก็บไว้ยาม้าให้เป็แพะรับบาปแทน
ครั้งนี้ฟางซื่อเฉวียนหาเื่ผิดคนจริงๆ ...หากพวกมันประกาศว่าจะล้างแค้น ถ้าคนผู้นั้นยังไม่ลงโรง พวกมันไม่มีทางหยุดแน่” ในวิทยานิพนธ์ก่อนสำเร็จการศึกษาของเซี่ยวอี๋ เธอได้ทำการวิเคราะห์เจาะลึกข้อมูลบริษัทซินเหลียนเซิ่งไว้
“จริงเหรอ?” เสิ่นิยกเบียร์ขึ้นซด ท่าทางเขาดูเมินเฉย แต่จะว่าไป ตอนนั้นเขาก็ลงมือสังหารพวกอันธพาล 104 คนโดยลำพังั้แ่อายุยังไม่ถึง 16 ปีดี เมื่อพูดถึงความโเี้แล้ว คงไม่มีใครเกินเขา
“เออใช่ เมื่อครู่ผมเจอไอ้บ้าคนหนึ่ง สูงราว 180 เิเ หัวโล้นเชียว ที่ด้านหลังศีรษะมีรอยสักรูปไม้กางเขนของพระเยซูด้วย ใช่คนของซินเหลียนเซิ่งหรือเปล่า?” เสิ่นิโยกหัวเบาๆ ตามจังหวะเพลง
“โล้นซ่า? เขาเป็ขาโจ๋เบอร์สองของตงชวน พี่ใหญ่คนใหม่ของซินเหลียนเซิ่ง เลวและหื่นสุดๆ ด้วย นายอย่าไปมีเื่กับเขาล่ะ” เซี่ยวอี๋รู้ดีว่าเสิ่นิไม่กลัวใครหน้าไหน แต่เมื่ออยู่ในถิ่นคนอื่นแบบนี้ หากมีเื่ขึ้นมา นอกจากเสิ่นิจะกลับไปเป็มือสังหารหนุ่มอีกครั้งแล้วก็คงจะหมดหนทางออกไปจากที่นี่อย่างปลอดภัย
“เปล่านะ ผมจะไปมีเื่กับคนแบบนั้นได้ยังไง คุณน่ะคิดมาก เ้านั่นไม่เลวเลย เมื่อครู่นี้เขากล่าวทักทายแม่ผมด้วย ผมก็เลยตบหน้ามันไปสักสองสามทีด้วยความรัก” เสิ่นิพูดยิ้มๆ
“ฮะ นายทำอะไรลงไปนะ? นายแค่ไปฉี่ไม่ใช่เหรอ?” เส้นประสาทของเซี่ยวอี๋เหยียดตึงขึ้นมาทันที
“คุณอิ่มหรือยัง เราน่าจะไปกันได้แล้วนะ ที่นี่เสียงดังเกินไป” เสิ่นิกล่าวพลางวางขวดเบียร์ที่เพิ่งซดไปเพียงอึกเดียวไว้ที่บาร์
“ไอ้บ้าเอ๊ย อยู่เป็สุขบ้างไม่ได้หรือไง!” อย่างไรก็ตามแต่ เธอก็ไม่ควรอยู่ที่นี่นานเกินไป เซี่ยวอี๋เดินตามเสิ่นิฝ่าฝูงชนออกไปจากประตูซินเหลียนเซิ่ง ขณะนี้เป็่เวลาที่คึกคักที่สุดของซินเหลียนเซิ่ง ด้านนอกไม่ได้ดูคึกคักสักเท่าไร เนื่องจากผู้ที่เข้าคิวตัดใจพากันไปที่ร้านอื่นอย่างสิ้นหวัง
เสิ่นิมาถึงซอยที่จอดรถด้านหลังซินเหลียนเซิ่ง ชายหนุ่มเสนอตัวเป็คนขับ พอเซี่ยวอี๋ก้าวขึ้นรถและกำลังจะเอ่ยปากถาม เธอก็พบว่าในกล่องหลังรถ นอกจากของร้อยแปดพันเก้าที่พวกเขาซื้อมาแล้ว ก็ยังมีกระสอบที่ขยับได้อยู่อีกหนึ่งใบ
“นี่มันอะไร?” เซี่ยวอี๋ใ
“พระเยซูน่ะ พระเยซู” เสิ่นิหัวเราะก่อนจะติดเครื่องยนต์ เขาไม่ได้มุ่งหน้ากลับบ้านแต่กลับขับไปยังโรงงานเซรามิกร้างที่อยู่แถวชานเมือง
โล้นซ่าเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขากำลังเล่นชักเย่ออยู่บนตัวน้องสาวคนสวยในห้องน้ำข้างห้องรับรองวีไอพี จู่ๆ ก็มีเงาดำทะมึนกระโจนลงมาจาก้า พุ่งเข้าใส่ไม้กางเขนบนหัวของเขา เล่นเอาเขาเกือบน็อคไป
ในฐานะนักเลงมืออาชีพ จะมากจะน้อยก็ต้องรู้สึกอับอายอยู่บ้างเมื่อถูกลอบทำร้าย เขาดิ้นทุรนทุรายพร้อมกล่าวทักทายคุณแม่ของผู้ลอบโจมตี ผลที่ได้ก็คือ เขาโดนตบจนสลบและถูกจับยัดใส่กระสอบ
แต่เขาหมดสติไปได้ไม่นาน ตอนที่ถูกโยนลงมาจากหน้าต่างชั้นสอง ร่างของเขากระแทกกับฝาถังขยะอย่างแรงจนเขาฟื้นขึ้นมาพร้อมกับความเ็ป
โดยปกติแล้วโล้นซ่าเป็นักเลงลักพาตัวเรียกค่าไถ่ ตอนนี้กลับถูกลักพาตัวเสียเอง น่าบัดซบชะมัด
หลังจากที่ถุงกระสอบหลุดลอยขึ้นจากร่าง โล้นซ่าซึ่งถูกใส่กุญแจมืออยู่ก็โดนล็อกไว้กับเก้าอี้นั่งเหล็กสำหรับผู้ป่วย บริเวณที่นั่งถูกเจาะรูเป็โพรงตรงกลาง เขารู้สึกราวกับว่าก้นกำลังจะหล่นลงไป
หลอดไฟสว่างจ้าจนโล้นซ่าต้องเบนสายตาหนี เมื่อสงบลง ที่ด้านหน้าของเขาก็ปรากฏร่างที่เปลือยเปล่าท่อนบนของชายหนุ่ม เขาสวมเพียงกางเกงหนังและผ้ากันเปื้อน ใบหน้าสวมหน้ากากตุ๊กตาไม้แบบหลอนๆ เหมือนกับในภาพยนตร์สยองขวัญเื่ “ซอว์” ชายคนนั้นกำลังยืนนับเครื่องมือบนโต๊ะข้างๆ
มีดผ่าตัด ประแจมือ กบไสไม้ไฟฟ้าวิบวับเป็ประกาย ราวกับิญญาของแพทย์ ช่างซ่อมรถยนต์ และช่างไม้เข้าสิงร่างอยู่
“สหาย ขอถามสักคำสิ? หากฉัน โล้นซ่าแห่งซินเหลียนเซิ่ง ได้เคยทำผิดต่อนายตอนไหน ขอนายแค่บอกมา ไว้พี่ชายออกไปได้แล้ว จะจัดโต๊ะจีนเพื่อเป็การไถ่โทษให้นายสิบโต๊ะเลย หากว่านายจำผิดตัวล่ะก็ สหาย ขอแค่ปล่อยพี่ชายไป พี่ชายไม่ใช่คนใจแคบ พี่จะลืมเื่พวกนี้ให้หมด” โล้นซ่าร้องขอความเมตตาโดยที่ไม่กลัวเสียหน้า
“พยาบาล ตรวจสอบิัเขาหน่อย” เสิ่นิใช้เครื่องแปลงเสียงในขณะที่สั่งงาน
ภายใต้เงามืด ขาคู่หนึ่งซึ่งถูกห่อหุ้มด้วยถุงน่องใยขาวของพยาบาลสาวเดินเข้ามา แค่เห็นเรียวขายาว 105 เิเ ความหื่นของโล้นซ่าก็พองโต และเมื่อเห็นร่องอกขนาด 32C ที่โผล่พ้นขอบเสื้อมา เขาก็อั้นจนแทบไม่ไหวแล้ว
แต่เมื่อเห็นใบหน้าซึ่งถูกพันด้วยผ้าพันแผลสีขาว เผยให้เห็นดวงตาเพียงข้างเดียว นั่นก็เกือบทำให้เขาหมดสมรรถภาพ
เซี่ยวอี๋ซึ่งสวมหมวกพยาบาลโน้มตัวไปข้างๆ โล้นซ่า ด้วยความลามกของเ้าอันธพาล สายตาของเขาไม่ละออกไปจาก่หน้าอกเลย หมอนั่นจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นว่าเซี่ยวอี๋เอาเข็มฉีดยาแทงลงบนหลังมือของเขาแล้ว
“โอ๊ย! เจ็บฉิบหาย!” โล้นซ่าเจ็บจนกระทั่งส่งเสียงดังลั่น เนื่องจากเซี่ยวอี๋ไม่ได้ช่ำชองเื่การฉีดยา และสิ่งที่อยู่ในกระบอกฉีดยานั้นก็ไม่ใช่เวชภัณฑ์ทั่วไป
“ไม่ต้องร้อง เจ็บพักเดียวก็หายแล้ว” เซี่ยวอี๋เดินถือถาดยาเข้าไปหาเสิ่นิ และเช็ดทำความสะอาดเครื่องมือต่างๆ ไปกับเขา สิ่งที่พวกเขาใช้เช็ดเครื่องมืออยู่นั้นมิใช่แอลกอฮอลล์ แต่เป็น้ำมันพริกเผาสูตรโบราณ...
“เฮ้ ทำไมจะร้องไม่ได้? รูเข็มใหญ่เบ้อเร่อ เืก็ไหลซิบๆ เืยังออกอยู่เลย เธอเห็นหรือเปล่า?” ครึ่งหนึ่งของฝ่ามือโล้นซ่าบวมขึ้น
“ดูเหมือนว่าคุณจะแพ้สารก่อภูมิแพ้ที่พัฒนาขึ้นโดยเอฟบีไอ” เสิ่นิกล่าวพลางเดินไปยังเบื้องหน้าของโล้นซ่าและจ้องไปที่ฝ่ามือเขา
“ใช่สิ ผมแพ้ยา! ไวต่อสารก่อภูมิแพ้มาั้แ่เด็ก ผมไม่กล้าแตะยาใดๆ ทั้งสิ้น!” โล้นซ่าพยายามพูดอย่างเต็มที่
“แต่ว่าก็ไม่เป็ไรหรอกนะ ผลข้างเคียงของการแพ้ยาก็แค่เจ็บมากขึ้นเท่านั้นเอง” เสิ่นิเอาสารก่อภูมิแพ้ทั้งขวด ซึ่งไม่ผ่านการฆ่าเชื้อใดๆ ไม่ต้องเสียเวลาควานหาเส้นเื เขาทะลวงจากด้านล่าง จิ้มไปยังก้นของโล้นซ่า
“อ้า!!!” โล้นซ่าเจ็บกระทั่งน้ำตาเล็ดเป็ครั้งแรก
“ไอ้! ไอ้! ไอ้ชาติหมา! อย่าให้ฉันรอดออกไปได้นะ พวกแกถูกแล่เป็ชิ้นแน่!!!”
“เอาไว้รอดไปได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน สารก่อภูมิแพ้ออกฤทธิ์นาน 3 ชั่วโมง ผลของมันก็คือทำให้ประสาทการรับรู้ความรู้สึกของคุณไวขึ้น แค่ผมตบบ้องหูคุณ คุณก็อาจจะเจ็บเหมือนโดนค้อนทุบกระดูก และหากใช้ค้อนทุบคุณจริงๆ ละก็ ขอแสดงความยินดีด้วย คุณจะได้ัักับประสบการณ์ความเ็ปของสตรีที่กำลังจะคลอดบุตร” เสิ่นิแนะนำโดยไม่เว้นจังหวะจะโคน
“แกเป็ใครกันแน่ แกคิดจะทำอะไร? ้าเงิน หรือว่าล้างแค้น จะฆ่าให้ตายก็บอกสาเหตุกันหน่อยได้ไหม?” โล้นซ่าลดเสียงลง สองขาของเขาสั่นเทา
“เราไม่ได้เป็ศัตรูกัน ผมไม่ได้้าเงินคุณ ผมแค่้ารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับซินเหลียนเซิ่ง พวกคุณมีกันทั้งหมดกี่คน ฐานที่มั่นอยู่ที่ไหน? ่นี้ทำธุรกิจอะไร หากรู้ว่าไอ้คู่ขาของตงชวนมันเป็ใคร ก็กรุณาบอกผมด้วย”
“คำตอบไม่ถูกต้อง” เสิ่นิซึ่งสวมรองเท้าหนังปลายแหลมเหยียบลงบนเท้าอันเปลือยเปล่าของโล้นซ่า จากนั้นเสียงคร่ำครวญก็ดังกึกก้องไปทั่วลานโล่งราวกับมีหมูถูกเชือด
เซี่ยวอี๋คาดไม่ถึงว่าเสิ่นิจะจับหัวโจกได้ั้แ่หนึ่งวันก่อนเริ่มงาน เขายังให้ชื่อมันว่าการ “ทำการบ้าน” ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเฝ้าระวังศัตรู รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งย่อมชนะร้อยครั้ง
แม้ว่าเขาจะบอกว่ามันมีเหตุมีผล แต่การบังคับให้เซี่ยวอี๋สวมชุดพยาบาลอันเซ็กซี่และพันผ้าพันแผลจนสยดสยองนั่นก็เรียกว่าเล่นใหญ่เกินไป
“ได้โปรดปล่อยผมไปเถอะ ผมก็แค่นักเลงคนหนึ่ง เพิ่งจะได้เข้ามาเป็หัวหน้าแก๊งไม่กี่วันนี้เอง ผมไม่ทราบเื่ที่พวกคุณ้ารู้จริงๆ?” โล้นซ่าร้องห่มร้องไห้ขอความเมตตา
“ตอบผิดอีกแล้ว คุณนี่เล่นเกมตอบคำถามไม่ได้เื่เลยนะ” เสิ่นิส่ายหัวพร้อมถอนหายใจ ก่อนจะหยิบค้อนขึ้นมา ตอกลงบนหลังเท้าอีกข้างของหมอนั่น
“แม่จ๋า! แม่จ๋า! แม่จ๋า! หนูจะตายแล้ว! แม่จ๋า!” โล้นซ่าเจ็บมากจนกระทั่งหลั่งน้ำตาเป็สายเื
“คิดให้ดีก่อนค่อยพูด ครั้งต่อไปเราจะเริ่มเลาะฟันกันแล้ว ผมจะบอกคุณให้นะ ผมน่ะถอนฟันเก่งสุดๆ ไปเลย” เสิ่นิยืดตัวขึ้น ก่อนจะเหวี่ยงค้อนที่เปื้อนเืทิ้งไป แล้วเปลี่ยนมาถือคีมแทน
“บอกไม่ได้ ถ้าตงชวนรู้ว่าผมหักหลังเขา เขาเอาผมตายแน่...” โล้นซ่าหายใจติดๆ ขัดๆ
“ดูเหมือนว่าคุณจะยังไม่เข้าใจนะ ข้อแรก หลังจากคืนนี้ คุณจะยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า อันนี้ก็ยังเป็ข้อสงสัยอยู่ ข้อสอง ผมไม่รู้จักตงชวนอะไรที่คุณว่า แต่วิธีฆ่าคนของเขา คงไม่แปลกแหวกแนวเหมือนกับวิธีของผมอย่างแน่นอน” เสิ่นิคว้าจับกรามของโล้นซ่า บังคับให้เขาเปิดปาก
คราวนี้โล้นซ่าไม่แผดเสียงอีก ความเ็ปรุนแรงทำให้เขาหมดสติไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้