เฟิ่งหวงอวี๋เฟยเล่มนี้เขาได้รับสืบทอดจากมารดา ทว่าเขากลับไม่อาจดึงมันออกจากฝักได้
มารดากล่าวว่าที่เฟิ่งหวงอวี๋เฟยไม่ออกจากฝัก เป็เพราะยังไม่พบเ้าของที่แท้จริง
ในตอนนั้นเขาไม่ยอมเชื่อ
แน่นอนว่าเขาไม่ได้บอกลูกน้องคนใด
ผู้ใต้บังคับบัญชารู้เพียงว่าชายหนุ่มมีสมบัติอยู่หนึ่งชิ้น แต่ไม่เคยได้เห็นสมบัติชิ้นนี้หลุดออกจากฝัก
ทว่าอยู่ๆ ชายหนุ่มกลับสั่งให้ตวนมู่เฉิงไปนำมันออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเพื่อให้นางใช้งาน…
และยังให้นางลองชักมันออกจากฝัก… ช่างชวนให้รู้สึกสับสนโดยแท้
หากนางดึงออกมาไม่ได้ก็แปลว่านางไม่แข็งแกร่งพอ เช่นนั้นไม่ใช้กริชเล่มนี้จะดีกว่า
ในใจหวงฝู่จินนึกก่นด่าตัวเองอยู่บ้างที่อยู่ๆ ก็สร้างปัญหาให้ตัวเองเช่นนี้ ทว่าทันใดนั้นหูกลับยินเสียง “ชิ้ง” ดังขึ้น
ปราณลึกลับทรงพลังห่อหุ้มร่างเด็กสาวเอาไว้ หมุนวนอ้อยอิ่งเพียงครู่เดียว ก่อนจะหายวับไป
“คมจริงๆ ด้วย!” หลินฟู่อินมองกริชในมือด้วยความประทับใจ กริชเล่มนี้สลักลวดลายเฟิ่งหวง [1] สองตัวที่หันหน้าชนกัน เรียวปีกแผ่สยาย ดูคล้ายกำลังคลอเคลียกันไปมา
ตัวกริชนั้นน้ำหนักเบาราวปีกจักจั่น แต่ความคมกริบกลับสะท้อนเข้าสู่ดวงตาจนแทบบอด
หากบอกว่าหลินฟู่อินประทับใจ หวงฝู่จินที่อยู่บนเตียงก็คงตกตะลึงอย่างหนัก ตะลึงค้างจนกรามแทบจะหลุดออกมาแล้ว
ในหัวมีแต่คำว่า นางดึงมันออกมาได้! ดึงออกมาได้แล้ว!
หมายความว่าอย่างไรกัน?
แปลว่านางคือเ้าของเฟิ่งหวงอวี๋เฟยที่์เป็คนเลือกใช่หรือไม่?
เป็ไปได้อย่างไร?
คนที่เป็เพียงบุตรสาวของครอบครัวชาวบ้าน ต่อให้คนสกุลเดียวกันมีผู้ที่เป็ผู้มีอำนาจอยู่บ้าง แต่อย่างไรนางก็เป็เพียงลูกสาวชาวบ้านเท่านั้น…
แต่หากไม่ใช่อย่างที่เขาคิดเล่า? เหตุใดเขาจึงได้ยอมให้นางใช้เฟิ่งหวงอวี๋เฟยเล่มนี้มาตัดเนื้อตัวเองกันแน่? ดูเหมือนตอนนี้เขาจะเวียนหัวไปหมดแล้ว
“นายท่าน? ท่าน… เป็อะไรหรือไม่ขอรับ?” ตวนมู่เฉิงไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อเห็นผู้เป็นายมีสีหน้าแปลกประหลาดก็อดถามด้วยความเป็ห่วงไม่ได้
“ข้าหรือ? ไม่มี!” หวงฝู่จินหลับตาลง เมื่อหลินฟู่อินหันมามองสีหน้าก็คืนสู่ความสงบเป็ที่เรียบร้อย
หลินฟู่อินมองกริชในมือ แล้วก็คิดว่าอย่างไรก็ต้องฆ่าเชื้อเสียก่อน “ท่านตวนมู่ ช่วยนำเหล้าที่มีฤทธิ์แรงมาให้ด้วยเ้าค่ะ”
“หา?” ตวนมู่เฉิงส่งเสียงงุนงง ไม่รู้ว่าแม่นางน้อยจะเอาเหล้าฤทธิ์แรงที่ว่าไปทำไม หรือเด็กน้อยคนนี้จะกลัวขึ้นมาเลยคิดจะดื่มเหล้าเพื่อเพิ่มความกล้ากัน?
คิดแล้วก็มองหน้าหลินฟู่อิน “แม่นาง เหล้าของเราอาจจะฤทธิ์แรงเกินไป เกรงว่าจิบเดียวเ้าก็เมาแล้ว เช่นนั้นนายท่านของพวกข้าเล่า?”
เมื่อหลินฟู่อินได้ยินที่เขาพูด รอยยิ้มบนใบหน้าก็หดวูบ “ไปเอาเหล้ามา”
ตวนมู่เฉิงยังคงไม่แน่ใจ
จนหวงฝู่จินส่งสัญญาณให้ทางสายตา ตวนมู่เฉิงจึงรับปาก “ได้ๆ”
“อีกหน่อยเวลาที่ได้รับาแหรือมีแผลติดเชื้อ ท่านก็ใช้เหล้าฤทธิ์แรงนี่ล้างแผลได้” หลินฟู่อินกล่าวเพิ่มอีกหนึ่งประโยค
เมื่อหวงฝู่จินได้ยินก็ยิ้มบางๆ ออกมา ที่แท้ก็เป็เช่นนี้เอง
เื่นี้มีประโยชน์มาก นางออกปากบอกคนของเขาใช่หรือไม่ เช่นนี้แปลว่านางใส่ใจเขา หรือใส่ใจคนของเขากันแน่?
ในใจมีร่องรอยของความยินดีปรากฏ อันที่จริงตอนแรกเขาเองก็คิดว่านางคง้าเหล้าเพื่อเพิ่มความกล้าเช่นกัน…
แน่นอนว่าตวนมู่เฉิงย่อมรู้สึกขอบคุณนาง เมื่อนำเหล้าฤทธิ์แรงมาให้แล้ว หลินฟู่อินก็จัดการนำเหล้าเทราดลงบนกริชก่อนเป็อันดับแรก
จากนั้นก็เทเหล้าลงบนมือและถูจนทั่ว
ตวนมู่เฉิงเบิกตากว้าง ร่างกายแข็งทื่อ คิดในใจว่าวิชาแพทย์ของทางใต้นี่ช่างประหลาดแท้…
จากนั้นเด็กสาวก็ถือขวดเหล้าเดินเข้าไปใกล้หวงฝู่จินแล้วพูด “จากนี้จะเจ็บมาก ท่านต้องอดทนหน่อยนะเ้าคะ”
ดวงตาหงส์ของหวงฝู่จินลึกล้ำ เขามองหน้านางนิ่งๆ จากนั้นจึงพยักหน้า
เมื่อเหล้าถูกเทท่วมาแ หวงฝู่จินก็กัดริมฝีปากแน่น อดทนจนเหงื่อผุดพราวเต็มหน้าผาก
ความเ็ปครั้งนี้รุนแรงจนทนไม่ไหว
หลินฟู่อินฉวยโอกาสนี้นั่งลงแล้วใช้กริชกรีดเอาเนื้อส่วนที่มีปัญหาออกมาจากน่องขาของอีกฝ่ายทันที…
เมื่อเนื้อส่วนสุดท้ายถูกตัดออก ทำแผลจนสะอาดเรียบร้อย หลินฟู่อินเองก็เหงื่อแตกเต็มตัว
“ท่านตวนมู่ ไปนำผงยามาให้ข้าด้วยเ้าค่ะ แล้วก็นำผ้าฝ้ายนี่ไปต้มด้านนอก ตอนเอากลับเข้ามาให้เอาเข้ามาทั้งหม้อต้มเลย อย่าใช้มือัันะเ้าคะ” หลินฟู่อินนั่งอยู่บนพื้นนานจนตอนนี้แข้งขาอ่อนแรงไปหมด
“ได้” แม้จะมีข้อจำกัดมากมาย แต่ตวนมู่เฉิงก็หาได้ใส่ใจไม่ อันดับแรกเขาไปนำยาผงมาให้นาง จากนั้นก็ออกไปด้านนอกอีกครั้ง
หวงฝู่จินเองก็มีเหงื่อท่วมตัวเช่นกัน ในตอนที่หลินฟู่อินหยุดมือ เขาถึงได้กลับมาจากประตูนรกเสียที
ครั้งนี้หลินฟู่อินชื่นชมเขายิ่งนัก ขนาดไม่มียาชายังทนให้นางตัดเนื้อออกได้โดยที่ไม่ส่งเสียงร้องใดๆ อีกทั้งขายังไม่แม้แต่จะสั่น
ความอดทนระดับนี้มันคือระดับวีรบุรุษแล้ว!
“การรักษาของเ้าไม่ธรรมดาจริงๆ” หวงฝู่จินอยากจะพูดว่าวุ่นวาย ทว่าปากกลับกล่าวออกมาว่าไม่ธรรมดาเสียได้
หลินฟู่อินได้ยินคำพูดของเขาก็อธิบายคร่าวๆ “รักษาแผลภายนอก หัวใจหลักคือต้องสะอาด เช่นนี้จึงจะหายได้เร็วขึ้น ข้าจะปล่อยเอาไว้ก็ไม่ดีใช่หรือไม่เล่าเ้าคะ?”
หัวใจคือความสะอาด?
ทันใดนั้นหัวใจของหวงฝู่จินก็สั่นไหว สมองทำงานอย่างรวดเร็ว
ในแคว้นของพวกเขา นักรบมักปล่อยแผลให้เปิดไว้เช่นนั้น บ้างก็ใช้เศษผ้าพันเอาไว้ ไม่ได้ใส่ใจว่าจะสะอาดหรือไม่ ดังนั้นหลายครั้งที่แม้าแจะเล็กน้อย ทว่านักรบกลับต้องเสียชีวิตลง…
“เ้าดูจะมั่นใจเื่การรักษาาแของข้ามาก เช่นนี้ข้าก็โล่งใจ!” หวงฝู่จินมองนาง เห็นว่ายามนี้เด็กสาวก้มหน้าก้มตาทายาให้เขาด้วยท่าทีเรียบร้อย จึงอดยิ้มออกมาไม่ได้ “หากข้าไม่หายแล้วพิการขึ้นมา เ้าคงรู้ราคาที่ต้องจ่ายใช่หรือไม่?”
น้ำเสียงที่ใช้ถามออกมานั้นเหมือนคุยเื่ดินฟ้าอากาศทั่วไป แต่ทำเอามือของหลินฟู่อินกระตุกวูบจนทายาได้ไม่เท่ากัน
แน่นอนว่าสำหรับบุรุษเช่นหวงฝู่จิน ต่อหน้าเขานางก็เป็เพียงมดปลวกเท่านั้น
ต่อให้นางแก้พิษให้เขาได้ รักษาาแให้เขาได้ แต่หากอีกฝ่ายพิการขึ้นมา สุดท้ายความพยายามทั้งหมดของนางก็ล้วนสูญเปล่า
ทั้งเขาทั้งลูกน้องเขาต่างก็ต้องคิดจัดการนางแน่
ใครใช้ให้นางเป็แค่เด็กสาวชาวบ้านทั่วไปเล่า?
การฆ่านางก็คงไม่ต่างจากการเชือดเป็ดเชือดไก่
ไอ้คนใจดำ!
“เข้าใจแล้ว ข้าย่อมต้องรักษาท่านให้ดี ไม่ให้ท่านพิการแน่เ้าค่ะ” แม้หลินฟู่อินจะกัดฟันทว่าน้ำเสียงยังคงหนักแน่น จากนั้นน้ำเสียงก็เปลี่ยนไป “แต่ข้ารับรองไม่ได้ว่าจะไร้แผลเป็”
“เหอะ!” หวงฝู่จินเฝ้าสังเกตสีหน้านางอยู่ตลอด เมื่อเห็นนางเปลี่ยนสีหน้าในชั่วพริบตาก็รู้สึกขบขันขึ้นมา และเมื่อได้ยินว่านางไม่รับประกันเื่แผลเป็ก็อดหัวร่อออกมาไม่ได้
“ท่าน?” หลินฟู่อินรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก นางอยากถามว่าเขาหัวเราะอะไร ทว่าสุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยปาก
หวงฝู่จินเห็นนางหวาดกลัวจึงกล่าวช้าๆ “เ้าจะกลัวอะไรกัน? ขอเพียงเ้ารับปากว่าข้าจะไม่พิการไม่าเ็ ข้าย่อมต้องตอบแทนเ้าแน่!”
---------------------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] เฟิ่งหวง หมายถึง นกฟีนิกซ์
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้