เหล้ายาปลาปิ้งก็ดื่มกินกันไปพอสมควรแล้ว ตอนที่ทั้งสามคนดื่มไปได้สักพักหนึ่ง จู่ๆ เจียงไป๋ก็นึกเื่หนึ่งออก เขากระแอมเบาๆ ก่อนจะพูดกับทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้าว่า “ใช่แล้ว ตอนนี้ผมมีเงินอยู่ก้อนหนึ่ง อยากจะทำธุรกิจสักหน่อย แต่ไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี พวกคุณมีข้อเสนออะไรไหม?”
คำพูดนี้้าถามเศรษฐีที่มีประสบการณ์ด้านการทำธุรกิจมายาวนานอย่างหม่าฉางหยาง แต่สำหรับฉวีเจี๋ย …
ถ้าเป็ฉวีเจี๋ยก็คงไม่ต้องพูดถึง นอกจากจะมั่วอยู่ในวงการ ก็มีเพียงร้านอาหารที่ไม่ใหญ่ไม่เล็ก แถมยังปล่อยเซ้งไปแล้วอีกด้วย ถึงแม้เขาจะมีชีวิตที่ไม่เลว มีชื่อเสียงมาก แต่กับการทำธุรกิจดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยเป็มืออาชีพเท่าไร
เมื่อมีประสบการณ์ของฉวีเจี๋ย วันนี้หลังจากมาถึงต้าชื่อเจี้ยแล้ว เจียงไป๋ก็ได้รับการแจ้งเตือนว่า ทุกวันสามารถเพิ่มแต้มบารมีได้อีกวันละสามจุดสามสองแต้ม
เมื่อลองคำนวณจากพนักงานของต้าชื่อเจี้ย นอกจากบวกพวกสาวๆ เ่าั้แล้ว ก็ไม่ใช่ว่ามีถึงสามร้อยกว่าคนเลยหรือ ถือว่ามีพอดิบพอดี นี่ยิ่งยืนยันความคิดของเจียงไป๋ที่จะก่อตั้งกิจการได้เป็อย่างดี
ยุงถึงจะตัวเล็กแต่ก็มีเนื้อ และหากมียุงจำนวนมากนั่นก็สามารถกองกันเป็ูเาได้!
คนละศูนย์จุดศูนย์หนึ่งต่อวันไม่มากนัก แต่หากเป็หนึ่งพันคน หนึ่งหมื่นคน? หรือหนึ่งแสนคนล่ะ?
นั่นก็มากมายเกินไปแล้ว
“เงิน? ยังจะต้องพูดอีกหรือ เื่กาม การพนัน ยาเสพติดอย่างไรล่ะ! แน่นอนว่าอีกสองอย่างไม่ต้องพูดถึง การพนันยังพอทำได้ พี่ดูสิลูกพี่หม่าก็ไม่ใช่ว่าทำอย่างคึกคักหรือ ยังจะมีอะไรหาเงินได้ดีไปกว่านี้อีก?”
ฉวีเจี๋ยปริปากพูด ทำให้เจียงไป๋ขมวดคิ้ว
“เื่ผิดกฎหมายผมไม่ทำ”
“อสังหาฯดีไหม? ตอนนี้ธุรกิจนี้ทำเงินได้ดีที่สุด หากดูแค่สองปีมานี้เหมือนกับจะไม่รุ่ง แต่ไม่เห็นนโยบายของปีนี้หรือ พอออกมาราคาบ้านก็พุ่งกระฉูด โดยเฉพาะเมืองใหญ่อย่างเทียนตู น่าลงทุนมากเลยทีเดียว ฉันรู้สึกว่าอันนี้ทำได้ พูดตรงๆ ฉันก็อยากจะทำอันนี้ ่นี้หากไม่ใช่เพราะลูกชายไม่เอาไหนไปก่อเื่ขึ้น ฉันก็คงจะเริ่มระดมทุนไปบ้างแล้ว สหายเจียงหากสนใจแล้วล่ะก็ พวกเราสามารถทำร่วมกันได้ ฉันสนใจที่แห่งหนึ่งอยู่พอดี ตอนนี้กำลังประสานงาน หากราบรื่นก็น่าจะทำเงินได้ดี และคงจะมากจนไม่ต้องพูดถึง จะเพิ่มเป็กี่เท่าก็ไม่ใช่ปัญหา”
เมื่อเทียบกับฉวีเจี๋ยแล้ว หม่าฉางหยางน่าเชื่อถือกว่ามาก
“แต่เงินผมมีไม่มาก คงยังไม่คิดที่จะทำอันนี้ ต่อไปหากมีเงินแล้วค่อยว่ากันอีกที”
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่สนใจเกี่ยวกับอสังหาฯ ในชาติก่อนเจียงไป๋สนใจธุรกิจนี้มาก
ธุรกิจนี้ในหัวเซี่ยของดาวสุ่ยหลานเพิ่งจะเริ่มได้รับความนิยม และเพิ่งผ่านอุปสรรคในประวัติศาสตร์่แรกมา ตอนนี้กำลังเริ่มเติบโต และยังไม่ถึงขั้นอิ่มตัว เป็อย่างที่หม่าฉางหยางพูดไว้ว่าน่าลงทุน
แต่ปัญหาคือ เจียงไป๋ไม่มีเงิน!
ทุกอย่างล้วนต้องใช้เงินจำนวนมาก ในมือของเจียงไป๋เงินสองสามล้านที่กำลังจะถึงมือจริงๆ ก็ถือว่าน้อยมาก ถึงจะรวมการออกตีพิมพ์และรายได้หลังจากนี้ก็ยังคงไม่พอ
ถึงหม่าฉางหยางจะไม่สนใจเงินเหล่านี้ แต่เจียงไป๋ก็ไม่อยากที่จะคลุกคลีกับเขามากจนเกินไป
อย่ามองว่าคนคนนี้เข้ามาประจบแล้วจะวางใจได้ เพราะเขามีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว โดยเฉพาะทางเดินที่กึ่งดำกึ่งขาว นับไม่ได้ว่าเป็นักธุรกิจที่ซื่อตรง เจียงไป๋ก็ไม่อยากที่จะคลุกคลีกับเขามากเกินไปเหมือนกัน
ดังนั้นข้อเสนอแนะนี้ไม่นานก็ถูกเจียงไป๋ปฏิเสธไป
“แบบนั้นก็นำเข้าส่งออก? หรือว่าจะเปิดโรงงาน?”
“ร้านอาหาร ร้านอาหารดีไหม? งานเดิมของฉัน ฉันรู้สึกว่ายังพอทำได้”
“หากให้พูดตามจริง ก็ควรจะทำธุรกิจบันเทิง พวกเรามีต้าชื่อเจี้ย มีคนมีทรัพยากร หากจะเปิดสาขาย่อยก็ไม่ใช่ปัญหา อันนี้ก็ทำได้แน่นอน และฉันรู้สึกว่าร้านกลางคืนในแถบช่างตงยังไม่อิ่มตัว หากเปิดอีกสักสองสามสาขาก็คงจะคึกคักน่าดู”
“ฉันว่าธุรกิจรถยนต์ก็ไม่เลว ตอนนี้คนที่ซื้อรถมีมากขึ้นทุกที ขายรถ ซ่อมรถ ฉันมีลู่ทางสามารถนำเข้ารถมาจากท่าเรือได้ในราคาถูก ดังนั้นธุรกิจนี้ก็สามารถทำได้”
ทั้งสองคนต่างคนต่างพูด และออกความคิดเห็นเกี่ยวกับธุรกิจให้เจียงไป๋มากมาย
โดยเฉพาะผู้ที่มีประสบการณ์และลื่นไหลในการทำธุรกิจอย่างหม่าฉางหยาง ถึงแม้ทางที่คนคนนี้เดินจะมีปัญหาอยู่บ้าง ล้ำเส้นหรือเื่ต่อยตีต่างๆ และยังใช้วิธีการที่ไม่สะอาดอีกมากมาย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนคนนี้คือนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เฉลียวฉลาด และก็น่าเชื่อถือมาก ธุรกิจที่พูดถึงก็มีไม่น้อยที่สามารถทำได้
แต่เจียงไป๋ก็ยังตัดสินใจไม่ได้ ยังไม่แน่ใจว่าจะทำอะไรดี
“อ้อ ถ่ายทำภาพยนตร์ล่ะ ฉันมีบริษัทภาพยนตร์อยู่ ตอนนี้ธุรกิจภาพยนตร์ในประเทศก็พัฒนาไปมาก ยอดจำหน่ายตั๋วก็มากขึ้นทุกที ทั้งยังปั้นดาราออกมามากมาย นักลงทุนหลายคนก็ได้กำไรเป็กอบเป็กำ เพียงสายตาไม่แย่จนเกินไปปกติแล้วผู้ร่วมลงทุนก็จะไม่ขาดทุนอะไรมาก หากโชคดีเลือกบทละครที่ดีๆ หานักแสดงดีๆ สักสองคน จะให้รวยชั่วข้ามคืนก็ไม่ใช่ปัญหา สองสามปีมานี้ฉันมีเพื่อนอยู่สองสามคนได้เข้าร่วมการลงทุนสร้างหนังฟอร์มั์อยู่หลายเื่ ทำเงินได้มากมาย ฉันพอมีลู่ทางอยู่บ้าง หากตกลง ฉันก็ช่วยได้”
เมื่อหม่าฉางหยางพูดประโยคหนึ่งออกมาอย่างไม่รู้ตัว แต่มันทำให้เจียงไป๋จุดประกายขึ้นมาทันที
ใช่! หนังสือฉันก็เขียนไม่ได้แล้ว แต่หนังฉันสามารถถ่ายทำได้ หนัง ละครที่เคยดูในชาติก่อนมีน้อยเสียที่ไหนกัน?
ภาพชัดเจนขึ้น!
เพียงแค่ไปศึกษาอีกสักหน่อย อาศัยความสามารถแค่ผ่านตาก็ลืมไม่ลงของตนเอง หากจะเขียนบทละครก็เป็เื่ง่ายไม่ใช่หรือ?
ยังจะมีอะไรดีไปกว่านี้อีก?
“ตุบ!” เจียงไป๋ตบโต๊ะแล้วยืนขึ้น “ดี เอาอันนี้ ถ่ายทำภาพยนตร์!”
“อ้อ ถ่ายทำจริงๆ หรือ!”
ฉวีเจี๋ยลังเลอยู่บ้าง สำหรับธุรกิจนี้เขารู้สึกไม่แน่ใจเท่าไร
ยิ่งไปกว่านั้นปรมาจารย์วูซูจีนคนหนึ่งจะไปถ่ายหนังถ่ายละครหรือ?
คิดอย่างไรก็แปลก คนอย่างนี้ไม่ใช่ว่าควรจะเปิดสำนักรับลูกศิษย์หรือ? ไม่อย่างนั้นก็เป็เศรษฐีอยู่ในวงการอย่างหลงระเริงจึงจะถูก
ถ่ายทำภาพยนตร์หรือ?
ช่างเป็สาวใหญ่ที่นั่งเกี้ยวเป็ครั้งแรกจริงๆ
“ใช่ คุณไม่ใช่ว่ามีบริษัทภาพยนตร์อยู่หรือ? ขายให้ผมดีไหม?”
เจียงไป๋หัวเราะคิกคัก และก็ไม่ได้สนใจฉวีเจี๋ย พลางถามหม่าฉางหยางไปตรงๆ
“ได้สิ ถึงอย่างไรของอย่างนั้นก็เป็บริษัทที่เมื่อก่อนไอ้ลูกชายตัวดีเปิดไว้เล่นๆ ก็เพื่อสนับสนุนพวกดาราสาวๆ เท่านั้น ฉันก็ไม่ได้จริงจัง หากไม่ใช่เพราะผู้จัดการของที่นั่นพอเป็การเป็งาน ตอนนี้ก็คงจะขาดทุนย่อยยับแล้ว พูดจริงๆ ฉันก็ไม่อยากบริหารแล้ว เดิมทีก็อยากจะขายทิ้ง หากน้องชายอยากได้ ฉันก็จะขายให้ในราคาถูก สองล้าน ถ้ามีเงินเมื่อไรค่อยเอามาให้ฉันก็ได้”
หม่าฉางหยางหัวเราะ ก่อนจะตอบตกลงอย่างไม่คิดอะไรมาก และยังขายให้ในราคาที่ต่ำเหลือเกิน รวมทั้งไม่รีบร้อนเอาเงินอีกด้วย
สมบัติของเจียงไป๋เขาก็รู้อยู่แล้ว และก็ไม่คิดว่าเจียงไป๋จะมีเงิน แต่หากมีต้าชื่อเจี้ยอยู่ เงินสองล้านก็ไม่ใช่เื่ใหญ่อะไร
“ดี เอาเลขบัญชีมาให้ผม ภายในสิบวันผมจะโอนเงินให้คุณ เื่ของที่นั่นคุณก็ช่วยจัดการให้ผมหน่อย ผมบอกว่าจะทำก็จะต้องทำเลย”
เจียงไป๋พูดอย่างตรงไปตรงมา อีกห้าวันค่าต้นฉบับงวดแรกของเขาก็จะเข้าบัญชีแล้ว เงินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งสามร้อยกว่าล้าน ก็เพียงพอแล้ว
ส่วนเื่หลังจากรับ่ต่อนั้นค่อยว่ากันอีกที การจัดการบริษัทก็ต้องใช้เวลา
ยิ่งไปกว่านั้นเจียงไป๋ก็้าเวลาเพื่อไปตั้งอกตั้งใจศึกษาหาความรู้
หลังจากที่ได้รับความสามารถแค่ผ่านตาก็ลืมไม่ลงนี้ เจียงไป๋ก็มัวแต่ยุ่งจนแทบจะไม่ได้ลืมตา และก็ไม่มีโอกาสได้พักผ่อนอย่างจริงจังสักที จึงถือโอกาสนี้ไปพักผ่อนสักหน่อยแล้วค่อยกลับมาก็ยังไม่สาย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้