“ผม? ศาสตราจารย์? ผมจบแค่ ม.ปลายเอง … ”
เจียงไป๋ตะลึงงัน หลังจากนั้นก็พูดด้วยใบหน้าที่ฝืนยิ้ม
จะให้นักเรียน ม.ปลายไปสอนนักศึกษาเกียรตินิยมของมหาวิทยาลัยเทียนตู และยังเป็ศาสตราจารย์อีกหรือ?
โชคดีที่ท่านนี้คิดได้ เจียงไป๋เองยังรู้สึกว่าคิดไม่ถึง
“จบแค่ ม.ปลายหรือ? จริงหรือ?”
ฟางเทียนหรูตะลึงงันสักครู่ และสังเกตเจียงไป๋ั้แ่หัวจดเท้าอย่างเหลือเชื่อ เขาคิดไม่ออกจริงๆ ว่าทำไมคนหนุ่มที่มีความสามารถตรงหน้านี้ถึงจบแค่ ม.ปลาย
“แน่นอนว่าเป็ความจริง” เจียงไป๋พูดอย่างจริงจัง
เจียงไป๋ในเมื่อก่อนก็ไม่ได้มีพื้นฐานอย่างนี้ ่ที่จบ ม.ปลายก็เคยสอบเข้ามหาวิทยาลัย เสียดายที่แม้แต่ระดับ ปวส.ก็ยังสอบไม่ติด ไม่อย่างนั้นแล้วล่ะก็คงจะไม่ดึงดันออกมาทำงานเร็วอย่างนี้
“ความล้มเหลวของระบบการศึกษาของหัวเซี่ย คิดไม่ถึงว่าคนหนุ่มที่ยอดเยี่ยมอย่างนายจะไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัย”
ฟางเทียนหรูถอนหายใจ และพูดอย่างเสียดายอยู่บ้าง น่าจะรู้สึกว่าเจียงไป๋ไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัย แต่ยอดเยี่ยมอย่างนี้ หากได้เรียนมหาวิทยาลัยแล้วล่ะก็ นั่นก็ยิ่งจะยอดเยี่ยมขึ้นไปอีก
หลังจากนั้นเหมือนว่าเขาจะมีการตอบสนอง และมองเจียงไป๋ด้วยใบหน้าที่ลังเล “ไม่ใช่ ด้วยความเข้าใจที่ฉันมีต่อนายเมื่อครู่ พื้นฐานอย่างนายเป็ไปไม่ได้ที่จะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยไม่ได้ ถึงการสอบจะมีของที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้อยู่บ้าง และเป็ความผิดพลาดของระบบการศึกษา แต่ด้วยพื้นฐานของนาย หากจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำสักแห่งก็ไม่ยากเลย”
“เมื่อก่อนบ้านยากจน ไม่มีเงินเรียน”
เจียงไป๋หาเหตุผลตอบไปอย่างลวกๆ ไม่อย่างนั้นแล้วล่ะก็ เขาก็ไม่รู้ว่าตนเองจะอธิบายเื่นี้อย่างไรจริงๆ
“นี่ … อ้อ … ”
เมื่อฟางเทียนหรูได้ยินคำพูดนี้แล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที เขาถอนหายใจ และคิดเล็กคิดน้อยอยู่ภายในใจ
เพราะปัญหาทางครอบครัว คนที่ยอดเยี่ยมหลายคนจึงพลาดโอกาสเปลี่ยนแปลงโชคชะตาชีวิตแล้ว ก็เหมือนกับคนที่ยอดเยี่ยมตรงหน้านี้ คิดไม่ถึงว่าจะมาเป็แค่บรรณารักษ์ของห้องสมุด นี่คือความล้มเหลวของนโยบาย ครั้งหน้าเขาจะต้องเสนอข้อคิดเห็น เพื่อแก้ไขสถานการณ์อย่างนี้ให้ดีขึ้น
“พอแล้ว ท่านอธิการฟาง ไม่มีอะไรน่าเสียดาย ตอนนี้ผมก็ไม่ใช่ว่าดีมากหรือ” เจียงไป๋พูดอย่างยิ้มแย้ม
เขารู้สึกว่าเื่ของศาสตราจารย์ในครั้งนี้ไม่มีหวังแล้ว เขาก็ไม่สนใจ เขาทำงานเป็บรรณารักษ์ห้องสมุดก็แค่อยู่ว่างๆ เท่านั้น จะเป็ศาสตราจารย์หรือไม่ เขาก็ไม่ใส่ใจ
สิ่งที่เขากำลังใส่ใจอย่างแท้จริงคือ จะพัฒนาอิทธิพลของตนเองอย่างไร เพื่อเพิ่มอำนาจ เพิ่มความมั่งคั่ง ในขณะเดียวกันเพื่อเพิ่มบารมีอย่างไม่หยุด
“อืม ที่นายพูดก็ไม่ผิด ดีมาก จบแค่ ม.ปลายแล้วจะทำไม ใครบอกล่ะว่าจบแค่ ม.ปลายจะเป็ศาสตราจารย์ไม่ได้น่ะ? ก็ไม่ใช่แค่วุฒิบัตรเองหรือ สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่เป็ปัญหา เ้าหนุ่มพรุ่งนี้เริ่มทำงานเลยดีไหม? เป็ศาสตราจารย์รับเชิญของคณะการเงิน อืม หากเหมาะสม ฉันก็จะให้นายบรรจุ สวัสดิการก็อิงตามรองศาสตราจารย์ไปก่อน สำหรับวุฒิบัตรต่างๆ ฉันจะจัดการให้ นายไม่ต้องเป็กังวล พรุ่งนี้ตอนที่นายทำงาน ก็จะได้วุฒิการศึกษาระดับปริญญาเอกของมหาวิทยาลัยเทียนตู”
แต่สิ่งที่ทำให้เจียงไป๋คิดไม่ถึงก็คือ ฟางเทียนหรูล้วนไม่เข้าใจความหมายของเขา และก็พูดมาตรงๆ อย่างนี้
พรุ่งนี้ทำงานเลยหรือ? ในขณะเดียวกันก็ได้วุฒิบัตรปริญญาเอกหรือ?
นี่ … นี่ไม่ใช่การละเมิดกฎอย่างเห็นได้ชัดหรือ?
แน่นอนว่า ด้วยความสามารถกับบทบาทของฟางเทียนหรู สิ่งเหล่านี้ก็ล้วนไม่เป็ปัญหา เขาพูดได้ก็ต้องทำได้แน่นอน จุดนี้เจียงไป๋เชื่อ
แค่สนทนากันใน่เช้า ก็ได้วุฒิบัตรปริญญาเอกแล้ว ยังมีงานศาสตราจารย์รับเชิญที่สามารถบรรจุได้งานหนึ่งอีก เงินเดือนก็เทียบเท่ากับรองศาสตราจารย์แล้ว นี่เป็การใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวตามแบบฉบับ
“เื่นี้ … ท่านอธิการฟาง ผม ผมไม่อยากทำ”
เจียงไป๋ปริปาก้าจะปฏิเสธ เป็บรรณารักษ์ห้องสมุดก็ดีมากแล้ว จะไปเป็ศาสตราจารย์อะไรทำไม ถึงแม้จะไม่ถือว่าเหนื่อยเกินไป แต่จะเป็อิสระได้เท่าตอนนี้เสียที่ไหนกัน
“ทำไม? นายวางใจ คนแก่อย่างฉันความสามารถแค่นี้ฉันมี โดยเฉพาะรับรองได้ว่าจะไม่มีใครตามตรวจสอบเื่นี้ ในที่นี่ ฉันยังเป็ใหญ่” ฟางเทียนหรูขมวดคิ้วพลางถาม สำหรับการปฏิเสธของเจียงไป๋เขาก็คาดคิดไม่ถึง
จากที่เขาดูแล้ว เจียงไป๋ก็ไม่น่าจะปฏิเสธ งานศาสตราจารย์รับเชิญ จะดูอย่างไรก็ล้วนดีกว่าบรรณารักษ์ห้องสมุด
เสียดายที่อีกฝ่ายไม่ได้ให้โอกาสนี้ และโบกมือใส่โดยตรง “อย่าปฏิเสธเลย เื่นี้ก็เอาตามนี้ ไม่อย่างนั้นนายก็ฟังฉันไปเป็ศาสตราจารย์รับเชิญ หรือไม่ฉันก็จะไล่นายออก งานห้องสมุดนี้นายก็ทำไม่ได้แล้ว”
เห็นได้ชัดว่าฟางเทียนหรูคนนี้ใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ส่วนตัว นี่เป็การมัดมือชกชัดๆ
ทำให้เจียงไป๋ฝืนยิ้ม หลังจากนั้นก็พยักหน้า
ศาสตราจารย์ก็ศาสตราจารย์ ทำๆ ไปก่อน อย่างไรก็ไม่เคยทำ หากทำได้ดี ก็ถือว่าทำไปเล่นๆ หากทำได้ไม่ดี มากสุดก็แค่ม้วนเสื่อกลับบ้าน
หลังจากนั้นตอนบ่ายของวันนี้ภายใต้คำสั่งของฟางเทียนหรูพนักงานมหาวิทยาลัยก็ช่วยเจียงไป๋จัดการขั้นตอนการเข้าบรรจุงานเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างรวดเร็วมากอย่างเห็นได้ชัด
แน่นอนว่า หนังสือจ้างงานก็มาถึงแล้ว ยังมีวุฒิบัตรระดับปริญญาเอกของเจียงไป๋เป็เมื่อสามปีก่อน
นี่ก็ทำให้เจียงไป๋ไม่อุทานต่อลูกไม้ที่ยอดเยี่ยมของตาแก่คนนี้ไม่ได้
เจียงไป๋สงสัยว่าเมื่อก่อนตาแก่คนนี้ก็เคยทำเื่อย่างนี้ ไม่ใช่ครั้งแรกแน่นอน มิฉะนั้นก็คงจะไม่ชำนาญอย่างนี้ หรือว่าอาศัยวิธีการอย่างนี้หาเงินมาไม่น้อยแล้ว?
แน่นอนว่านี่ก็เป็แค่การบ่นพึมพำอยู่ภายในใจของเจียงไป๋ ฟางเทียนหรูก็ไม่อาจจะรู้ได้
เช้าวันที่สอง คณะการเงินของมหาวิทยาลัยเทียนตูเริ่มเข้าเรียน เจียงไป๋เดินมาที่คณะการเงินอย่างไม่เต็มใจ และเดินขึ้นไปบนแท่นพูดท่ามกลางสายตาที่แปลกใจของนักเรียนนับไม่ถ้วน
“หว่านหรู หว่านหรู เธอดู ดู … ”
หลินหว่านหรูที่กำลังก้มหน้าอ่านหนังสืออยู่ตรงนั้นถูกหม่าซูเยี่ยนจับไว้ และส่ายไปมาอย่างรุนแรง เธอมองตามสายตาของหม่าซูเยี่ยนที่อยู่ไกลออกไป แล้วก็ตะลึงงันไปเลยทีเดียว เพราะว่าเจียงไป๋มาปรากฏตัวอยู่ตรงนี้แล้ว …
ไม่ใช่ว่ามีศาสตราจารย์คนใหม่มาหรือ? เป็ท่านอธิการรับเข้ามาเอง ได้ยินว่าเคยเป็นักศึกษาปริญญาเอกของมหาวิทยาลัยเทียนตู
ทำไม … ทำไมถึงเป็เจียงไป๋?
แค่ฉับพลันหลินหว่านหรูรู้สึกสับสนแล้ว พี่ชายที่เดิมทีควรจะเป็บรรณารักษ์ห้องสมุด ทำไมจู่ๆ ถึงได้กลายเป็ศาสตราจารย์ไปได้?
การเรียนของเจียงไป๋คนอื่นไม่รู้ แต่หลินหว่านหรูก็รู้ดี นั่นก็กากชัดๆ …
เวลานั้นแม้แต่ระดับ ปวส.ก็สอบไม่ติด คนที่สอบเอนทรานซ์ได้คะแนนแค่สองร้อยกว่า ทำไมถึงได้กลายเป็ศาสตราจารย์ไปได้?
ทั้งยังมาสอนเธอด้วยหรือ?
“เจียง … ไป๋?”
หลินหว่านหรูบิดแขนตัวเอง พลางพูดด้วยใบหน้าที่เหลือเชื่อ
“ใช่ ใช่ เป็พี่ชายจริงๆ พระเ้าช่วย พี่ชายไม่ใช่ว่าถูกเธอแนะนำให้ไปทำงานที่ห้องสมุดแล้วหรือ? ทำไมถึงได้กลายเป็ศาสตราจารย์ไปแล้วล่ะ? หว่านหรู ฉันสับสนมาก เธอบิดฉันสักหน่อย จะดูว่าเจ็บไหม ฉันกำลังฝันไปใช่ไหม?”
หม่าซูเยี่ยนดึงแขนหลินหว่านหรู และส่ายไปมาอย่างไม่หยุดแล้วพูด
“ฉันบิดไปแล้ว ไม่ได้ฝัน … ”
ใบหน้าหลินหว่านหรูจนปัญญา ในขณะเดียวกันก็พูดอย่างตื่นตะลึง เธอชี้ที่แขนขาวๆ ของตนเอง รอยบิดปรากฏอยู่อย่างเห็นได้ชัด
“เอ่อ … สวัสดีทุกๆ คน ครูชื่อเจียงไป๋ ก่อนหน้านี้เชื่อว่ามีคนเคยเห็นครูเป็บรรณารักษ์ของห้องสมุดมหาวิทยาลัยเทียนตู ตอนนี้ดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์รับเชิญของคณะเศรษฐศาสตร์ บรรยายในสิ่งที่ครูคิดว่ายังถือว่าได้ แน่นอนว่า … การสอนของครูก็ธรรมดามาก เมื่อก่อนไม่มีประสบการณ์ หากพวกเธออยากจะฟังก็ฟัง ไม่อยากฟังก็ไม่ต้องฟัง อย่างไรครูก็ถูกมัดมือชกให้มา เมื่อเทียบกับงานศาสตราจารย์นี้แล้ว ครูยังอยากจะเป็บรรณารักษ์ หากพวกเธอจะขับครูออกไปก็จะดีที่สุด”
เจียงไป๋เห็นหลินหว่านหรูกับหม่าซูเยี่ยนแล้วก็ตะลึงงัน เขาเพิ่งจะนึกได้ว่าพวกเธอสองคนก็อยู่คณะการเงินเหมือนกัน เขาพยักหน้าแต่ไม่พูดอะไร หลังจากนั้นก็ยืนพูดอยู่บนแท่นนั้น และดึงดูดเสียงหัวเราะภายในห้องทันที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้