“อืม ทีแรกข้านึกว่าเหตุการณ์ที่หออู๋ิจะทำให้เสียเวลานาน เกรงว่าจะรบกวนเวลาของพี่หญิงมู่ ดังนั้นจึงขอให้ท่านกลับไปก่อน หลังจากผ่านไปสักพักค่อยนัดกันอีกครา ทว่าคิดไม่ถึงว่าอีกแค่ครู่เดียวก็จัดการเื่วุ่นวายเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในใจจึงรู้สึกเสียดายยิ่ง ทั้งๆ ที่ถูกชะตากับพี่หญิงแต่กลับไม่สามารถนั่งสนทนากับท่านได้ ข้าเสียใจยิ่งจนแทบรอไม่ไหวที่จะส่งข้อความไปถึงพี่หญิงเ้าค่ะ”
ฮวาเหยียนนั่งอยู่ตรงนั้น รูปร่างนางสะโอดสะอง น้ำเสียงที่ไพเราะและอ่อนโยนนั้นทำให้ผู้ที่ได้ฟังรู้สึกสบายใจนัก
ยิ่งไปกว่านั้น นางคิดอยู่หลายต่อหลายรอบก่อนจะเปิดปากกล่าวอันใดออกมาเพื่อที่จะค้นหาสิ่งที่ซ่อนอยู่ในใจของมู่เฉิงอิน คำพูดของฮวาเหยียนนั้นจึงสุภาพอ่อนหวานเป็พิเศษ
เมื่อได้ยินคำพูดของฮวาเหยียน มู่เฉิงอินก็ยกมือขึ้นปิดปากของนางและหัวเราะออกมาเบาๆ คิ้วของนางโก่งโค้งขึ้น
“น้องหญิง วาจาของเ้า เหตุใดจู่ๆ ถึงสุภาพเรียบร้อยเช่นนี้เล่า พี่รู้สึกไม่ชินเท่าไหร่นัก”
ฮวาเหยียน "...! "
เยี่ยม คำพูดอ่อนหวานที่นางครุ่นคิดมาเป็เวลานานกลับถูกคำพูดของมู่เฉิงอินทำลายโดยสิ้นเชิง
“พี่หญิง ท่านมาจากตระกูลบัณฑิต นี่มิใช่เพราะเกรงว่าวาจาของข้าจะหยาบคายเกินไปจนทำให้พี่หญิงต้องขบขันแล้วหรือ? ”
ฮวาเหยียนลูบจมูกของนาง
“จะเป็ไปได้อย่างไร? น้องหญิงมีบุคลิกที่ตรงไปตรงมา มีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว เข้มแข็งและมีไหวพริบ ทำให้ข้านึกชื่นชมยิ่งนัก เ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้าชอบเ้ามากเพียงใด”
มู่เฉิงอินรีบกล่าวขึ้นมา
แววตาที่จริงใจและชื่นชมนั้นทำให้ใบหน้าของนางร้อนผ่าว
ใต้หล้านี้มีสตรีประเภทหนึ่ง นางเป็สตรีที่มาจากตระกูลสูงศักดิ์มีฐานะ อ่อนหวานและสง่างาม ดวงตาของนางทั้งจริงใจและอ่อนโยน วาจาของนางทำให้คนที่ได้ฟังรู้สึกสบายใจเป็พิเศษ แค่เพียงคำไม่กี่คำนี้ก็สามารถนำพาความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนมาผูกไว้ให้ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น
“พี่หญิงมู่ ทั้งงดงาม ทั้งรู้จักกล่าววาจา น้องเองก็ชอบท่านพี่มากเช่นกันเ้าค่ะ”
ฮวาเหยียนยิ้มจนตาหยี
เมื่อนางยิ้ม ดวงตาของนางก็โค้งขึ้น มีประกายของความเกียจคร้านเล็กๆ จนทำให้ใบหน้าของมู่เฉิงอินซับสีแดงระเรื่อขึ้นมาทันที
“หืม ฮ่าๆ ...”
ตรงกันข้ามกับหลิงหลง สาวใช้ที่ยืนอยู่ด้านหลังนั้น นางอดไม่ไหวที่จะหัวเราะออกมาเสียงดัง
“คุณหนูใหญ่เ้าคะ ท่านกับแม่นางเหยียนมิต้องกล่าวชมกันไปมาแล้ว ท่านทั้งสองชื่นชอบกันและกัน มีเพียงแค่นู๋ปี้ [1] ที่มิมีผู้ใดชื่นชอบ ตกลงไหมเ้าคะ”
หลิงหลงเปิดปากกล่าวด้วยรอยยิ้ม
นี่คือสาวใช้หน้ากลม วาจาของนางช่างสุภาพเรียบร้อย จากคำพูดของนางสามารถมองออกได้ว่าความสัมพันธ์ปกติของนางและมู่เฉิงอินอยู่ในระดับที่ดีเป็อย่างยิ่ง ไม่เหมือนกับเ้านายและคนใช้แต่เหมือนกับพี่สาวและน้องสาวมากกว่า
สักพักนางกลับเห็นใบหน้าของมู่เฉิงอินจมลงเหมือนจะโมโห "เ้านี่นะ ไม่มียิ่งใหญ่หรือเล็กจ้อย ไม่มีกฎเกณฑ์อันใด แค่ปล่อยให้น้องหญิงของข้าหัวเราะมิได้หรือ"
“ฮิฮิ ข้าน้อยทราบความผิดแล้วเ้าค่ะ”
หลิงหลงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“น้องเหยียน เ้าอย่าโกรธเลย เด็กคนนี้เติบโตกับข้ามาั้แ่เล็ก นางเป็เหมือนพี่สาวน้องสาวร่วมอุทร ในเวลาปกตินางเป็คนมีระเบียบวินัยเป็อย่างยิ่ง แต่เป็เพราะนางชอบเ้ามากเกินไป ดังนั้นจึงผ่อนคลายและวางใจต่อหน้าเ้า”
“มิได้ น้องหลิงหลงมีบุคลิกที่น่าชมชอบยิ่งเ้าค่ะ”
ฮวาเหยียนตอบรับ
นางกล่าวจากใจจริง มองดูสาวใช้ผู้นี้ ย่อมทราบว่าเป็สาวใช้ที่ไว้ใจได้ โตมาด้วยกัน รักกันดุจพี่น้องร่วมอุทร
ไม่เหมือนสองคนนั้นในจวนของนาง ฮวาหงและหลิ่วลวี่... ไม่น่าวางใจเลยสักนิด
คนผู้หนึ่งช่างพูดช่างเจรจาแต่กลับไม่เข้าสู่ใจความสำคัญ อีกผู้หนึ่งเรียบร้อยพูดน้อย เป็นานก็ยังมิสามารถกล่าวอันใดออกมาได้
“ขอบพระคุณ แม่นางเหยียน”
หลิงหลงยิ้มและกล่าวขอบคุณ
ฮวาเหยียนพยักหน้า
อีกด้านหนึ่งมู่เฉิงอินมองไปที่ฮวาเหยียน นางดูอึกอักและลังเลที่จะกล่าววาจา ซึ่งภาพนี้สะท้อนอยู่ในดวงตาของฮวาเหยียน นางยกชาขึ้นจิบ "พี่หญิงมู่ ท่านมีอะไรจะถามใช่หรือไม่? "
“พี่สาวมีเื่อยากจะถามจริงๆ แต่เกรงว่าจะทำให้เ้าขุ่นเคือง ข้ากับเ้าถูกชะตากันั้แ่ครั้งแรกที่พบ ั้แ่เกิดจนเติบโตมาขนาดนี้ ข้ายังมิเคยได้พบผู้ใดที่ทำให้รู้สึกต้องชะตาได้เยี่ยงนี้มาก่อน ถึงแม้ว่าจะได้แลกเปลี่ยนของขวัญ แต่ทว่าแม้กระทั่งภูมิหลังของน้องหญิง หรือแม้แต่นามของเ้า ข้าก็ยังไม่ทราบ..."
เมื่อได้ยินคำพูดของมู่เฉิงอิน ฮวาเหยียนก็หยุดชะงักไปชั่วคราว
ก่อนที่จะออกจากบ้านนางก็ได้พิจารณาเื่นี้ไว้แล้ว การสวมหมวกงอบดูจะไม่สุภาพและไม่คุ้นเคย ดังนั้นนางจึงสวมผ้าโปร่งคลุมหน้า นั่นเป็เพราะนางไม่แน่ใจว่ามู่เฉิงอินจะเคยพบแม่นางอันเหยียนแห่งตระกูลมู่หรือไม่ หากนางเคยพบ นั่นมิใช่เป็การเผยไต๋ความลับในคราเดียวหรอกหรือ?
หลังจากที่ฟังคำถามของมู่เฉิงอินแล้ว ฮวาเหยียนจึงเม้มปากก่อนกล่าวว่า “ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากบอกพี่หญิง แต่แท้จริงแล้ว... ข้ามีเหตุผลพิเศษบางอย่าง แต่ข้ากล้ารับรองว่าครั้งหน้าข้าจะไม่ปิดบังอย่างแน่นอน นัดครั้งต่อไปของพวกเราข้าจะบอกตัวตนของข้าแก่ท่าน ดีหรือไม่เ้าคะ? ”
มู่เฉิงอินไม่ได้เป็คนที่มีลักษณะนิสัยก้าวร้าวที่จะยกตนข่มท่านมาั้แ่แรก เมื่อเห็นฮวาเหยียนพูดเช่นนี้ หัวใจของนางก็อ่อนยวบลง ในใจคิดว่าน้องเหยียนจะต้องมีบางอย่างที่อยากจะปิดบัง และหากนางถามมากกว่านี้ ก็จะเป็การบีบบังคับ ฝืนใจผู้อื่นมากเกินไป
ดังนั้นนางจึงพยักหน้าแสร้งว่าไม่พอใจ “เช่นนั้นแล้ว นัดครั้งต่อไปคือเมื่อใดหรือ? ”
“พี่หญิงมู่ ท่านเลือกได้เลยเ้าค่ะ”
ฮวาเหยียนไม่คิดว่ามู่เฉิงอินจะมีด้านที่น่ารักเช่นนี้ ในใจของนางชื่นชอบแม่นางคนนี้มากขึ้นไปอีกสามระดับ
“เช่นนั้นวันพรุ่งดีหรือไม่? เป็ที่นี่? ”
ดวงตาของ มู่เฉิงอินเป็ประกายแวววาว ฮวาเหยียนพยักหน้ารับ "ตกลงเ้าค่ะ"
“แม่นาง บุคลิกของท่านปลอดโปร่งและสบายๆ ไม่น่าแปลกใจเลยที่คุณหนูของข้าจะชื่นชอบท่านมาก แม่นางเหยียน ท่านคงยังไม่ทราบ คุณหนูของข้าไม่ได้สบายใจขนาดนี้มานานแล้ว”
หลิงหลงเห็นว่าฮวาเหยียนนั้นมิได้มีท่าทีวางอำนาจ ดังนั้นนางจึงผ่อนคลายลง ยังไม่ต้องพูดถึงว่าความประทับใจของนางที่มีต่อฮวาเหยียนนั้นย่อมดีขึ้นกว่าเดิม ภายในใจของนาง ฮวาเหยียนถือเป็สตรีที่กล้าหาญและน่าชื่นชม
ไม่เพียงแต่เอาชนะนายน้อยแห่งจวนหย่งซินที่ชื่นชอบการรังแกคุณหนูของนาง แต่ยังตอบโต้องค์หญิงที่รังแกคุณหนูของนางอีกด้วย ไม่ต้องพูดถึงว่าในหัวของนางมีความสุขเพียงใด แม่นางเหยียนผู้นี้ถือเป็สตรีคนสำคัญของคุณหนูเชียวนะ
“ไม่สบายใจ? พี่หญิงมู่เป็อะไรไปหรือ? เกิดอันใดขึ้น? ”
ฮวาเหยียนถามเสียงดังออกมา
นางคิดว่าหลิงหลงเป็สาวใช้ที่น่ารักจริงๆ และด้วยใบหน้ากลมๆ นั้น ช่างดูเหมือนลูกชิ้นความสุขสี่ประการ [2]
นางกำลังกังวลว่าจะนำพาหัวข้อการสนทนาไปสู่เื่ของท่านพี่ใหญ่แห่งตระกูลมู่ได้อย่างไร แต่เป็หลิงหลงที่ให้โอกาสนางเปิดการสนทนา
"อ่า วันนี้การที่ได้พบน้องหญิงนับเป็เื่ที่น่ายินดี อย่าพูดถึงเื่ที่ไม่มีความสุขเ่าั้เลย"
มู่เฉิงอินโบกมือ ท่าทางราวกับว่าไม่้าพูดถึงเื่นี้
ฮวาเหยียนตกตะลึง จะให้เป็เยี่ยงนี้ได้อย่างไร?
อย่างไรก็ต้องกล่าวถึงเื่นี้ให้ได้
“ใช่เื่องค์หญิงฉู่รั่วหลานหรือไม่? นางรังแกพี่หญิงหรือ? ”
ฮวาเหยียนหยิบยกหัวข้อขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
แต่ในความเป็จริง นางย่อมรู้อยู่แก่ใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างพี่หญิงมู่และฉู่รั่วหลานนั้นเป็อย่างไร
“ไอ้หยา ข้าจะพูดอย่างไรดี พูดไปแล้วเื่นี้ค่อนข้างยาวนัก”
มู่เฉิงอินพูดด้วยเสียงเบา
นั่นทำให้ฮวาเหยียนรู้สึกร้อนรนแล้ว เช่นนั้นพี่หญิงมู่ ท่านก็กล่าวให้มากขึ้นสักหน่อยสิ
“แม่นางหลิงหลง บอกข้าที องค์หญิงฉุ่รังแกพี่หญิงมู่หรือ? ”
ฮวาเหยียนถามหลิงหลง
คำถามนี้ถือได้ว่าปลดปล่อยหลิงหลงให้อ้าปาก นางรีบพูดพล่ามขึ้นมาทันที
“แม่นางเหยียน มิใช่เพราะว่าองค์หญิงฉู่รังแกคุณหนูหรอกหรือ ั้แ่ที่คุณหนูกับบุตรชายคนโตแห่งตระกูลมู่เจรจาเื่งานแต่ง องค์หญิงฉู่ก็เอาแต่พยายามหาเื่จับผิดคุณหนู เื่ราวไม่น่าฟังเ่าั้ล้วนเป็นางที่ป่าวประกาศออกมาจนหมด ใส่ร้ายจนคุณหนูของข้าจนนอนไม่หลับ
โชคดีที่วันนี้ได้พบกับแม่นางเหยียน ไม่เช่นนั้น องค์หญิงฉู่จะต้องทำให้คุณหนูของข้าอับอายขายหน้าอีกแน่ ช่างน่ารังเกียจเสียจริง"
ใบหน้าเล็กๆ ของหลิงหลงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ไม่สงบ
“หลิงหลง เ้ากล่าวเกินไปแล้ว พวกเรามิอาจวิจารณ์องค์หญิงในที่สาธารณะได้ ข้าบอกกี่ครั้งแล้ว เ้าต้องใส่ใจต่อคำพูดและการกระทำ”
มู่เฉิงอินส่งเสียงปรามแ่เบา
“คุณหนู ที่นี่ไม่มีคนนอก มีแต่แม่นางเหยียน”
หลิงหลงโต้กลับด้วยเสียงต่ำ
มู่เฉิงอินจ้องไปที่นาง “เ้านี่นะ ข้าควบคุมเ้าไม่ได้แล้ว ไม่ใช่เคยบอกไว้แล้วหรือว่ากำแพงมีหูประตูมีตา? หากมีผู้ใดได้ยินเข้า ข้าเกรงว่ามันย่อมเป็ปัญหาแน่”
เชิงอรรถ
[1] นู๋ปี้ คำที่นางกำนัลหรือข้ารับใช้ใช้เรียกแทนตัวเอง
[2] ลูกชิ้นความสุขสี่ประการ 四喜丸子 sìxǐwánzi 四喜 ความสุขสี่ประการ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้