บทที่ 75 เข้ามิติลับ
ลั่วถูไม่ค่อยรู้เื่ของมิติลับเพลิงต้นกำเนิดสักเท่าไรนัก อย่างไรเสียเขาก็เพิ่งมายังโลกชั้นล่างได้ไม่กี่ปี ตอนที่อยู่บนโลกชั้นสูงก็ใช้เวลาไปกับการฝึกฝนทุกวัน ไม่เคยมีโอกาสได้ทำความเข้าใจความลับเหล่านี้ แน่นอนว่าเป็เพราะมิติลับเพลิงต้นกำเนิดไม่ได้เปิดผนึกมาเกือบร้อยปีแล้วด้วย ดังนั้นจึงมีน้อยคนนักที่จะกล่าวถึงเื่นี้ แต่ความลับที่ว่าสำหรับเหล่าผู้สืบทอดที่แข็งแกร่งและบรรดาสำนักใหญ่ย่อมไม่ใช่เื่แปลกใหม่แต่อย่างใด
ตามที่ชายชราเคราแดงอวี๋ปาเหลี่ยงกล่าวไว้ มหาอำนาจต่างๆ ของเผ่ามนุษย์ในแผ่นดินต้นกำเนิดได้คัดเลือกยอดฝีมือบางส่วนเพื่อเตรียมเข้าสู่มิติลับเพลิงต้นกำเนิดอยู่ก่อนแล้ว เมื่อวิหารศักดิ์สิทธิ์ส่งข่าวออกไป วิหารเสินจั้นและวิหารอิงหลิงก็ประกาศข่าวต่อ พวกเขาไม่เพียงอนุญาตให้เหล่ามหาอำนาจคัดเลือกคนมาจำนวนหนึ่ง จากนั้นจ่ายค่าตอบแทนสำหรับการเข้าสู่มิติลับเท่านั้น แต่ในขณะเดียวกันก็ได้ทำการคัดเลือกทหารและกลุ่มทหารรับจ้างบางกลุ่มที่มีผลงานโดดเด่นไว้ก่อนแล้วด้วย แถมยังกันสิทธิ์อีกส่วนหนึ่งไว้สำหรับพวกผู้ฝึกตนพเนจรหรือพวกทหารรับจ้างได้ใช้คะแนนของตนแลกกับสิทธิ์สำหรับเข้าสู่มิติอีกด้วย
แผ่นดินต้นกำเนิดมีเพียงหนึ่งแสนรายชื่อผู้มีสิทธิ์ โดยเผ่ามนุษย์แบ่งได้สิทธิ์เพียงหนึ่งหมื่นคน แต่ในโลกชั้นล่างไม่ได้มีเพียงแผ่นดินต้นกำเนิด แต่ยังมีแผ่นดินของผู้แข็งแกร่งอีกมากมายที่มีพลังิญญาเข้มข้นกว่าแผ่นดินต้นกำเนิด ผู้ที่มีคุณสมบัติพอจะเข้าสู่มิติได้จึงมีมากขึ้นตามไปด้วย
แน่นอนว่า เป็ไปได้สูงทีเดียวว่าลั่วถูจะเป็ผู้ฝึกตนที่มีระดับพลังต่ำที่สุดในบรรดาผู้ที่เข้าไปในมิติลับ เพราะว่าในทางทฤษฎีแล้วเขาเป็เพียงคนธรรมดาที่ยังไม่เปิดิญญา
ทางเข้ามิติลับเพลิงต้นกำเนิดเป็ประตูมิติขนาดใหญ่บานหนึ่ง ดูคล้ายกับทะเลสาบในแนวตั้ง มีคลื่นน้ำเป็ชั้นปรากฏอยู่บนผิว เพียงแค่เข้าไปในชั้นคลื่นน้ำ ก็จะเข้าสู่โลกอีกใบที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เสาแสงสีแดงดูคล้ายเป็กรอบชั้นหนึ่งตั้งเรียงรายล้อมทะเลสาบขนาดใหญ่เอาไว้ ดูไปแล้วแปลกตานัก สีแดงอ่อนทำให้ประตูมิติดูราวกับเป็ทะเลสาบที่ฉาบด้วยแสงสะท้อนลึกลับอยู่ชั้นหนึ่ง
เมื่อลั่วถูเร่งเดินทางมาจนถึงทางเข้ามิติลับเพลิงต้นกำเนิด บริเวณทางเข้าก็มีฝูงชนมารวมตัวมุงดูกันเต็มไปหมด แต่คนมากมายไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จึงลังเลที่จะเข้าไปดู เพราะมีคนเห็นนกบินเข้าไปในประตูทะเลสาบและไม่บินกลับมาอีกเลย ทำให้ฝูงชนเกิดความกังวลขึ้นมานั่นเอง อย่างไรเสียก็ไม่มีใครเคยได้ยินเื่มิติลับเพลิงต้นกำเนิดมาก่อน ในตอนที่สถานการณ์ยังไม่แน่ชัดว่าเกิดเื่อะไรขึ้น จึงไม่มีใครยอมเป็ผู้ทดลองคนแรก
และเมื่อเหล่าผู้พิทักษ์ก็รีบมาถึง จึงรีบไปวางอาคมขนาดั์จำนวนมาก ฝูงชนถึงได้รู้ว่าที่แท้ของที่ดูราวกับทะเลสาบแนวตั้งนี้เป็ทางเข้าของมิติลับเพลิงต้นกำเนิดในตำนานนั่นเอง ได้แต่รู้สึกไม่สบอารมณ์ ไปตามๆ กัน ทว่าใครเล่าจะกล้าท้าทายอำนาจของผู้พิทักษ์ ลำพังอาคมเ่าั้ก็ของที่พวกเขาจะทำลายได้แล้ว
ลั่วถูลังเลเล็กน้อย เดิมทีเขาเตรียมตัวนำป้ายคำสั่งทั้งสองไปมอบให้ตระกูลเซวี่ยเปิดประมูล ทว่าตอนนี้เกรงว่าคงไม่ทันได้พบหน้ากับตระกูลเซวี่ยเสียแล้ว ทำได้เพียงรอออกจากมิติลับเพลิงต้นกำเนิดก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที แต่เมื่อคิดว่าของสองสิ่งนี้นำออกไปอาจก่อหายนะขึ้นอีกก็ได้ ทำเอาเขาไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี แต่เมื่อคิดดูอีกที ถ้าตัวเขาไม่มีชีวิตรอดกลับมา ของสองสิ่งนี้ก็ไม่รู้ว่าใครจะได้ไป ไม่สนใจแล้ว พกไปด้วยก็แล้วกัน!
“ทั้งสองคน หากคิดจะเข้าไปก็เร่งฝีเท้าเสียหน่อยก็ดี อย่างไรผู้ที่เข้าไปก่อนย่อมมีโอกาสมากกว่า แต่ขอเตือนทั้งสองคนเอาไว้ ว่าอย่าใช้เชือกผูกตัวติดกันไว้ มันไม่มีประโยชน์ เพราะมีกฎคอยควบคุมอยู่ พอทั้งสองคนเข้าไปแล้วรังแต่จะทำให้ถูกกระชากจนาเ็เอาเสียเปล่าๆ เกรงว่าจะได้ไม่คุ้มเสียเอา” เมื่อเห็นลั่วถูอวดฉลาดอยู่มัดตัวเองกับเจียงิ่ไว้ด้วยกัน อวี๋ปาเหลี่ยงถึงกับอดกลอกตาใส่ไม่ได้
“โอ๊ะ!” ลั่วถูทำได้เพียงแก้เชือกที่มัดไว้อย่างเคอะเขิน ลูบศีรษะของเจียงิ่พลางกล่าวว่า “ที่นั่นอันตรายมาก หรือว่าเ้าจะไม่เข้าไปก็ได้ ข้าจะลองเข้าไปคนเดียวก็พอ”
“ไม่ ข้าจะเข้าไปพร้อมกับเ้า” เจียงิ่กล่าวอย่างเอาแต่ใจ
“เ้าไม่จำเป็ต้องทำเช่นนั้นเลย รากิญญาของเ้าไม่เลวทีเดียว เ้ายังเปิดิญญาข้างนอกได้ ข้ามีเหรียญฟ้าซิงเหินอยู่หลายแสน เ้านำไปคิดหาวิธีซื้อยาเปิดิญญา คงพอช่วยให้เ้าเปิดิญญาได้หลายครั้ง และทำธุรกิจอะไรเล็กน้อยก็ยังได้ ต่อให้ข้าตายอยู่ข้างใน เ้าก็ยังมีชีวิตที่ดีได้!” ลั่วถูลากเจียงิ่ไปด้านข้าง จากนั้นหยิบถุงหนังออกมาอย่างระมัดระวัง ยัดใส่มือเจียงิ่ แล้วกล่าวออกมาอย่างจริงจัง
เจียงิ่อึ้งไปเล็กน้อย เมื่อเปิดถุงออกดู ก็พบว่ามันเต็มไปด้วยเหรียญม่วงซิงเหิน แทบพันกว่าเหรียญ ได้แต่ออกปากถามด้วยความมึนงง “เ้านำเงินมากมายขนาดนี้มาจากไหน?”
“เงินที่หามาได้หลายปีนี้ ก็ต้องตั้งใจเก็บไว้ขอภรรยาแต่งอยู่แล้วไม่ใช่หรือ? ทว่าตอนนี้เ้าก็เกาะข้าไปแล้ว แต่งเ้าเป็ภรรยาก็ไม่ได้ใช้เงิน แบบนี้ยกเงินพวกนี้ให้เ้าก็พอ เ้าไม่ต้องเข้าไปเสี่ยงอีกแล้ว” ลั่วถูแบมือออก
“เ้า... เ้ามีเหรียญม่วงมากขนาดนี้เหตุใดไม่แลกยาเปิดิญญามาเปิดิญญาเองเล่า?” เจียงิ่ทำหน้ามึนงง
“หึ สามีเ้ามีพร์สูงส่ง รากิญญาก็แสนมหัศจรรย์ ลำพังเหรียญม่วงพวกนี้ยังไม่พอให้ข้าใช้เปิดิญญาครั้งหนึ่งด้วยซ้ำ ข้าจะบอกความลับกับเ้าอย่างหนึ่ง สามีของเ้าเปิดิญญาครั้งหน้าต้องใช้ยาเปิดิญญาหนึ่งร้อยยี่สิบแปดเม็ดเชียวนะ” ลั่วถูหัวเราะด้วยใบหน้าอับอาย
ในโลกชั้นล่างนี้ ลั่วถูเรียกได้ว่าไร้ญาติของจริง สหายที่ดีเช่นซ่งตงก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว คนเดียวที่สนิทด้วยก็มีเพียงเจียงิ่ที่อยู่ข้างกาย ถึงแม้ทั้งคู่จะรู้จักกันเพียงหนึ่งเดือน อย่างน้อยก็ทำให้ลั่วถูรู้สึกได้ว่าเจียงิ่คงหวังดีกับเขาจริงๆ
“นี่เ้าเปิดิญญาไปตั้งเจ็ดครั้งแล้วอย่างนั้นหรือ?” สายตาของเจียงิ่ปรากฏความประหลาดใจขึ้นมา แต่กลับส่งถุงเงินเหรียญม่วงคืนใส่มือลั่วถูด้วยความมั่นใจและกล่าวอย่างจริงจังว่า “ก็ข้าจะไปกับเ้า ถ้าเ้าติดอยู่ข้างในออกมาไม่ได้ ข้ามีชีวิตอยู่คนเดียวจะไปมีความหมายอะไร วางใจเถอะ ยันต์กำหนดเสียงพันลี้ชิ้นนี้คุณภาพไม่เลวเลย เข้าไปแล้วข้าน่าจะหาเ้าพบได้ไม่ยาก เป็ถึงโอกาสในรอบร้อยกว่าปีทั้งที จะพลาดไปได้อย่างไร!”
“ในเมื่อเป็แบบนี้ เช่นนั้นเมื่อเ้าเข้าไปข้างในต้องระวังตัวให้ดีด้วย” ลั่วถูคิดดูแล้ว ในมือพลันปรากฏหน้าไม้หนึ่งคันและลูกศรหนึ่งกระบอกขึ้นทันที ส่งให้เจียงิ่พลางกล่าวว่า “ออกห่างจากคนอื่นให้ไกลเท่าที่จะทำได้ ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็หาที่ซ่อนตัวสักสองสามเดือน ได้ยินพวกเขาบอกว่าหลังจากผ่านไปราวสองสามเดือน ทุกคนที่อยู่ข้างในจะถูกส่งตัวออกมาทันที”
“วางใจเถอะ อย่าลืมว่าพร์ของข้าคืออะไร คนที่ต้องระวังคือเ้าต่างหาก!” เจียงิ่ก็ทำเอาลั่วถูถึงกับตะลึงไปเล็กน้อย
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันเถอะ พวกเราไปด้วยกัน!” ลั่วถูคิดถึงพร์ด้านการตอบสนองต่ออันตรายและการติดตามของเจียงิ่ นั่นก็นับว่าเป็วิธีรักษาชีวิตไว้อย่างหนึ่งเช่นกัน
……
ลั่วถูรู้สึกคล้ายว่าตัวเขาตกลงไปในบ่อน้ำไร้ก้น รอบด้านล้วนเป็ของเหลว ทว่าในบ่อน้ำนี้กลับมีแรงดึงดูดมหาศาล ราวกับวังน้ำวนล่องหนก็ว่าได้ ฉุดรั้งร่างกายของเขาเข้าไปสู่สถานที่ที่ลึกกว่าในเสี้ยววินาที
“ตุบ... ”ลั่วถูรู้สึกได้ว่าร่างกายของตนไร้น้ำหนักอย่างเฉียบพลัน จากนั้นกระแทกเข้ากับอะไรบางอย่างเข้าอย่างจัง ความรู้สึกวิงเวียนในระดับสูงสุดทำเอาเขาถึงกับสูญเสียสติสัมปชัญญะไปครู่หนึ่งเลยทีเดียว
เมื่อเขาได้สติกลับมา ก็รู้สึกว่าความร้อนข้างตัวที่ทำให้เขาหวนนึกถึงการเข้าไปในห้องหินทำยาใต้วิหารสู้ซินอีกครั้งหนึ่ง
“ที่นี่คือมิติลับเพลิงต้นกำเนิดหรือ?” ลั่วถูมองสำรวจรอบตัวกลับเห็นเพียงพื้นดินรอบด้านเป็หลุมเป็บ่อ พื้นดินสีแดงมีพืชสีเทาขึ้นอยู่ ดูไปแล้วเห็นเงาสะท้อนของโลหะอยู่บ้างเล็กน้อย ไกลออกไปบริเวณตีนเขาคล้ายว่าจะยังมีป่าสีแดงดุจเปลวเพลิงทอดยาวไปไกล มีหุบเขาหัวโล้นสีเทาที่มีไอร้อนพวยพุ่งขึ้นมาอีกหลายลูก ผืนฟ้าสีทองราวกับถูกหมอกควันปริมาณมหาศาลปกคุลมเอาไว้อย่างแ่า และสถานที่ที่เขาอยู่ในตอนนี้ คือทางระหว่างหุบเขา เขาััได้ถึงความร้อนจากพื้นดิน ทำเอาหัวใจของลั่วถูพลันบีบรัดเข้าเสียแล้ว
“เวรเอ๊ย คงไม่ซวยขนาดนี้กระมัง นี่ข้าตกลงใส่ปล่องูเาไฟเต็มๆ เลยหรือ!” คิดได้เพียงเท่านี้ ลั่วถูถึงกับเลิกสนใจความเ็ปของตัวเอง ออกวิ่งไปยังทิศที่มีป่าอันห่างไกลขึ้นอยู่ทันที ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าพวกพืชสีเทาเหล่านี้ทำไมเป็สีเทาไปได้ นั่นเป็เพราะถูกูเาไฟที่พ่นเถ้าออกมาย้อมสีจนเป็สีเทานั่นเอง เพียงแต่พืชเหล่านี้พิเศษมาก ไม่ใช่แค่ทนทานต่อความร้อน ทว่ายังถูกแผดเผาจนแห้งภายใต้อุณหภูมิที่สูงลิบได้ หนำซ้ำยังถูกเถ้าูเาไฟกลบไว้อีกต่างหาก ูเาที่เขาเห็นว่าพ่นควันร้อนออกมานั่นไม่ใช่ว่าูเาไฟนั้นกำลังจะะเิหรอกหรือ?
จากตำแหน่งของเขาตอนนี้ หากูเาไฟนั้นะเิ คงไม่แคล้วถูกลาวานับไม่ถ้วนโถมเข้าใส่แน่ เมื่อถึงเวลานั้น เกรงว่าเขาย่อมไม่เหลือแม้แต่เศษกระดูกด้วยซ้ำ
“ซวยชะมัดยาด ทำไมเื่บัดซบแบบนี้ต้องมาตกอยู่กับข้าอยู่เรื่อย โชคดีที่ิ่เอ๋อร์ไม่โผล่มาที่นี่!” ลั่วถูเคลื่อนพลังแห่งเต่าลึกลับแบกหินอย่างบ้าคลั่ง วิ่งเร็วราวลมกรด ทั้งวิ่งทั้งะโ เฉกเช่นเสือดาวบนขุนเขา เรียกว่าเร็วที่สุดในชีวิตก็ว่าได้ ไม่เพียงเท่านั้น อย่างกับตอนที่เขาวิ่งไป ลมหายใจของเขาก็สูดอากาศอันร้อนระอุเข้าไปในร่างกายเข้าไปด้วย และหลอมละลายเข้ากับรากิญญาสีแดงเส้นหนึ่งในร่างกายของเขา จนมันดูเหมือนกับหญ้าที่ได้รับปุ๋ย ค่อยๆ แตกกิ่งก้านออกมามากขึ้น เขาถึงขั้นรู้สึกราวร่างกายของตนได้รับพลังงานบางอย่างที่ไม่มีวันพลังใช้ไม่หมด เขาหวังว่าวิ่งตนจะวิ่งต่อไปเช่นนี้ได้เรื่อยๆ โดยไม่ต้องหยุดพัก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้