เมื่อบุตรหลานของราชวงศ์มีจวนและครอบครัวเป็ของตนเอง หาก้าเข้าวังอีกจำเป็ต้องมอบป้ายประจำตัวจึงจะเข้าออกได้อย่างอิสระ นอกจากเซ่อเจิ้งอ๋องที่มีนิสัยยากจะคาดเดาคนนั้นแล้ว ตอนนี้ยังเพิ่มไป๋เซี่ยเหอเข้ามาอีกคน!
ส่วนสิ่งที่เรียกว่าเสี้ยนจู่ สุดท้ายแล้วก็เป็เพียงหมากของราชสำนักเท่านั้น!
เพียงแต่สองแม่ลูกนั่นจะเต็มใจยอมรับข้อเท็จจริงนี้ได้อย่างไร? ในสายตาของลู่เป๋าเหยานั้น บุตรสาวของนางสูงส่งที่สุด ไม่มีผู้ใดเทียบเคียงได้ นางคิดว่าผลประโยชน์ทั้งหมดในใต้หล้าควรเป็ของไป๋หว่านหนิงทั้งหมด
ความรู้สึกมั่นใจโดยปราศจากเหตุผลรองรับได้บดบังดวงตาของสองแม่ลูกคู่นี้มาเนิ่นนานแล้ว
“ไม่ เป็ไปไม่ได้” สีหน้าของไป๋หว่านหนิงซีดเผือดทันที เสี้ยนจู่กับไท่จื่อเฟย สองสิ่งนี้ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน
นางไม่เชื่อถ้อยคำของไป๋เซี่ยเหอ ในเมื่อไท่จื่อช่วยให้นางได้รับบรรดาศักดิ์เสี้ยนจู่มา เขาย่อมมีวิธีอื่นที่จะทำให้นางได้ครองคู่กับเขาเป็แน่
กระทั่งตอนนี้ไป๋หว่านหนิงยังปักใจเชื่อว่าไท่จื่อรักนางอย่างลึกซึ้ง
“เซี่ยเหอ” ลู่เป๋าเหยาเดินนวยนาดเข้ามา ก่อนจะมองไป๋เซี่ยเหอด้วยท่าทีเวทนาสงสาร “ข้ารู้ว่าเ้าทรมานใจ เ้าทนมองหว่านหนิงได้ดิบได้ดีกว่าเ้าไม่ได้ เ้าอิจฉานางจึงพูดจาเลอะเทอะ ดังนั้นวันนี้พวกเราจะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเ้า”
ประโยคนี้ทำให้ไป๋หว่านหนิงสงบลง นางคิดว่าไท่จื่อไม่มีทางไม่รักนาง จะต้องเป็ไป๋เซี่ยเหอที่ยุแยงตะแคงรั่วอย่างแน่นอน
“ไป๋เซี่ยเหอ หากเ้าคิดเพ้อเจ้อยุแยงความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับไท่จื่อละก็ จงรีบยอมแพ้โดยเร็ว ความรักของข้ากับไท่จื่อแข็งแกร่งยิ่งกว่าทอง พวกเราไม่มีทางเลิกกันเพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำของเ้าแน่!”
ลู่เป๋าเหยาเดินมายืนตรงหน้าไป๋เซี่ยเหอด้วยท่าทีเหนือกว่า ดูแล้วเหมือนคำเปรียบเปรยที่ว่าเมื่อใครสักคนบรรลุเป็เซียน หมูหมากาไก่ก็พลอยได้ดิบได้ดีไปด้วยอย่างไรอย่างนั้น “เดิมทีลูกสาวของข้าควรได้สิ่งที่ดีที่สุดอยู่แล้ว แต่การได้เป็เสี้ยนจู่ชั่วคราวก็ไม่เลวเหมือนกัน เนื่องจากครั้งนี้เ้าได้ทำเื่ที่ควรทำ เ้า้าสิ่งใดก็ร้องขอมาเถิด ข้าจะสนองความ้าของเ้าทั้งหมด”
เดิมทีไป๋เซี่ยเหอคิดที่จะจากไปแล้ว แต่เมื่อได้ยินเช่นนั้นฝีเท้าของนางก็หยุดลงทันที นางหันหน้าไปมองลู่เป๋าเหยาก่อนจะเอ่ยถาม “อะไรก็ได้หรือ?”
ลู่เป๋าเหยาหัวเราะคิก นางมองไป๋เซี่ยเหอราวกับมองคนโง่เง่า “จะเป็ไปได้อย่างไรเล่า? หากเ้า้าบรรดาศักดิ์เสี้ยนจู่ แน่นอนว่าข้าไม่มีทางที่จะมอบให้เ้าแน่ เพียงแต่หากเ้า้ารางวัลเป็เงินทองอะไรเทือกนั้น ข้ายังพอมีอยู่บ้าง”
เมื่อลู่เป๋าเหยาโบกมือ สาวใช้นางหนึ่งก็เดินบิดเอวเพรียวบางเข้ามา ในมือถือเศษเงินเอาไว้ เมื่อมองแวบแรก เงินจำนวนนั้นยังไม่มากเท่าเงินเดือนสาวใช้ข้างกายของลู่เป๋าเหยาด้วยซ้ำ!
สาวใช้คนนั้นเดินเข้ามาหาไป๋เซี่ยเหอทีละก้าวด้วยแววตาถากถาง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม “คุณหนูใหญ่ รับเงินไปสิ”
ไป๋เซี่ยเหอหรี่ตาลงเล็กน้อย นางเคลื่อนกายมาตรงหน้าสาวใช้ผู้นั้นภายในชั่วพริบตา จากนั้นก็บิดมือของอีกฝ่ายจนกระดูกหัก นางมองสาวใช้ที่เป็ลมอยู่บนพื้นเพราะความเ็ปด้วยสายตาเ็า ก่อนจะกวาดสายตามองสาวใช้คนอื่นๆ “ตราบใดที่ข้ายังเป็คุณหนูใหญ่ บ่าวไพร่อย่างพวกเ้าย่อมไม่มีทางข่มเหงข้าได้แน่!”
เศษเงินหล่นเกลื่อนเต็มพื้น ไป๋เซี่ยเหอคร้านที่จะชายตามอง นางหันไปสบตาที่แฝงความประหลาดใจและความพินิจพิเคราะห์ของลู่เป๋าเหยาด้วยท่าทีเฉยเมย “คำร้องขอของข้ามีเพียงอย่างเดียว ปล่อยฝูเอ๋อร์เสีย”
ฝูเอ๋อร์อยู่ข้างกายของไป๋เซี่ยเหอั้แ่นางยังเล็ก ถือเป็สาวใช้ขั้นหนึ่งของไป๋เซี่ยเหอ แม้ว่าจะต้องตกระกำลำบากไปกับนาง ฝูเอ๋อร์กลับไม่เคยกล่าวโทษ และยิ่งไม่เคยทรยศนาง ทว่าก่อนหน้านี้ฝูเอ๋อร์ประจันหน้ากับเฉียวเอ๋อร์โดยไม่ลังเลเพื่อปกป้องไป๋เซี่ยเหอ จึงถูกเฉียวเอ๋อร์ขังเอาไว้
เนื่องจากไป๋เซี่ยเหอย้อนเวลามา ความทรงจำทั้งหมดยังคงกระจัดกระจาย เมื่อรู้ว่าข้างกายของเ้าของเดิมมีสาวใช้ที่จงรักภักดีเช่นนี้อยู่ นางย่อมต้องคิดหาวิธีช่วยเหลืออีกฝ่ายออกมาให้จงได้
หากสามารถทำให้ฝูเอ๋อร์ออกมาได้ บรรดาศักดิ์จอมปลอมอย่างเสี้ยนจู่ก็ไม่อาจนับเป็อะไรได้
“ง่ายดายเช่นนี้เองหรือ?” ลู่เป๋าเหยาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่เชื่อ นางคิดว่าอย่างน้อยไป๋เซี่ยเหออาจร้องขอเรือนหลังใหญ่กว่าเดิม ไม่ก็อาภรณ์หรือเครื่องประดับที่งดงามอะไรเทือกนั้น คิดไม่ถึงว่านางจะ้าเพียงสาวใช้ที่ไม่สลักสำคัญอะไรเท่านั้น
สองแม่ลูกมองไป๋เซี่ยเหอราวกับกำลังมองคนโง่เง่า ไป๋เซี่ยเหอพยักหน้าก่อนจะยืนกรานอย่างแน่วแน่ “คำร้องขอนี้ยากมากหรือ?”
“ไม่ยาก เพียงแต่เมื่อเ้าตัดสินใจแล้วว่าจะร้องขอสิ่งนี้ เ้าย่อมไม่สามารถเปลี่ยนใจได้” ลู่เป๋าเหยารีบส่งคนไปปล่อยตัวฝูเอ๋อร์ด้วยความกลัวว่าไป๋เซี่ยเหอจะเปลี่ยนใจ
เมื่อไป๋เซี่ยเหอกลับมาถึงจวนได้ไม่นาน สาวใช้ผู้หนึ่งที่เนื้อตัวสกปรกมอมแมมก็วิ่งเข้ามาหานางอย่างรวดเร็ว ใบหน้าเล็กของสาวใช้มีสีเหลือง ดวงตาลึกโบ๋ และแก้มตอบอย่างเห็นได้ชัด ฝูเอ๋อร์อายุมากกว่าไป๋เซี่ยเหอถึงสองปี ทว่าร่างกายกลับไม่ได้สูงไปกว่าไป๋เซี่ยเหอเลย
“คุณหนูใหญ่ ท่านไม่เป็อะไรก็ดีมากแล้วเ้าค่ะ ฝูเอ๋อร์คิดว่าพวกนาง...” แววตาของฝูเอ๋อร์เผยความรักอย่างจริงใจออกมา นี่คือคนที่ห่วงใยนางอย่างแท้จริงในจวนแห่งนี้
ไป๋เซี่ยเหอประคองฝูเอ๋อร์ สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความอิดโรย “เ้าวางใจเถิด ข้าไม่เป็ไร หลายวันนี้เ้าจงดูแลร่างกายให้ดี อย่าให้ใครเข้ามารบกวนข้า ไม่ต้องยกอาหารมาให้ข้า เพราะในห้องของข้ามีอาหาร ปล่อยให้ข้าพักผ่อนก็พอแล้ว”
เมื่อเห็นใบหน้าเล็กของไป๋เซี่ยเหอดูอิดโรยจนซีดเซียว ฝูเอ๋อร์ก็รีบพยักหน้าทันที ระหว่างทางกลับมาที่เรือนนางได้ยินมาว่าคุณหนูใหญ่นั้นเก่งกาจยิ่งนัก สามารถช่วยชีวิตฮ่องเต้เอาไว้ได้ แม้ว่านางจะยังมีคำถามมากมายที่อยากจะถามคุณหนูใหญ่ ทว่าการปล่อยให้คุณหนูใหญ่ได้พักผ่อนย่อมเป็เื่สำคัญที่สุดในเวลานี้
“คุณหนูใหญ่ ท่านพักผ่อนให้สบายเถิด ฝูเอ๋อร์จะคอยเฝ้าอยู่หน้าประตู ไม่ว่าใครก็ไม่อาจเข้ามาด้านในได้เ้าค่ะ!”
ไป๋เซี่ยเหอมองใบหน้าเล็กที่ฝืนทำเป็เข้มแข็งของฝูเอ๋อร์ นางอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าร่างกายกลับไม่เอื้ออำนวย นางจึงเอนตัวลงบนเตียงและหลับตาลง
หลังฝูเอ๋อร์เดินออกไปและปิดประตูเรียบร้อยแล้ว ในผ้าห่มผ้าไหมที่แต่เดิมนูนเป็ก้อนกลมก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็แบนเรียบ จากนั้นแสงสีขาวสายหนึ่งก็พุ่งออกจากหน้าต่างทันที
จวนตระกูลไป๋อันตรายเกินไปสำหรับนางในร่างจิ้งจอก เพราะร่างนี้อ่อนแอ ไร้ความสามารถในการดูแลตนเอง
หลังจากนั้นไม่นาน
ไป๋เซี่ยเหอในร่างจิ้งจอกก็มายืนอยู่หน้าประตูจวนเซ่อเจิ้งอ๋อง ความรู้สึกพ่ายแพ้พลุ่งพล่านในใจ
นึกไม่ถึงว่านอกจากจวนเซ่อเจิ้งอ๋อง นางก็หาจวนที่เหมาะสมกว่านี้ไม่ได้แล้ว นางอาศัยสัญชาตญาณในการมาที่นี่ จากนั้นนางก็ตรงดิ่งไปยังห้องของฮั่วเยี่ยนไหว
แม้ว่าไป๋เซี่ยเหอจะรู้ดีว่าฮั่วเยี่ยนไหวเป็บุรุษอันตราย
ทว่ายามที่จำแลงกายเป็จิ้งจอกครั้งก่อน และนอนอยู่ข้างกายของฮั่วเยี่ยนไหว ทั้งร่างของนางราวกับถูกห่อหุ้มไปด้วยน้ำพุอันอ่อนโยนอย่างไรอย่างนั้น การอยู่ข้างกายเขาทำให้จิตใจของนางสงบนิ่ง ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้นี้ช่วยให้ร่างกายของนางฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าเงาสีขาวจะว่องไวเพียงใด ทว่าผู้คนในจวนเซ่อเจิ้งอ๋องล้วนมากความสามารถ วรยุทธ์ของพวกเขาล้วนแล้วแต่โดดเด่น ดังนั้นเมื่อเงาสีขาวพาดผ่านร่างกายไป ย่อมไม่มีทางที่คนเ่าั้จะไม่รู้ตัว
เพียงแต่พวกเขาไม่กล้าขัดขวาง อันที่จริงเมื่อเห็นเงาสีขาว พวกเขาต่างลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ในที่สุดจิ้งจอกน้อยของท่านอ๋องก็กลับมาแล้ว
์ทราบดีว่าพวกเขาผ่านวันคืนก่อนหน้านี้มาได้อย่างไร นับั้แ่จิ้งจอกน้อยหายตัวไปโดยไม่ทราบสาเหตุ สีหน้าอันเย็นเยียบของท่านอ๋องก็ลดอุณหภูมิลงครั้งแล้วครั้งเล่า แม้แต่ยามที่พี่น้องในจวนรายงานเื่สำคัญ พวกเขาล้วนไม่กล้ารายงานเสียงดัง ด้วยกลัวว่าจะยั่วยุโทสะของพระพุทธรูปองค์นั้นเข้า
แม้ว่าท่านอ๋องจะไม่ได้พูดอย่างชัดเจน ทว่าจากการคาดเดาของใต้เท้าอิ๋งเฟิง เหตุผลหลักๆ ที่ทำให้ท่านอ๋องเป็เช่นนี้ล้วนมาจากจิ้งจอกน้อยตัวเดียว
แม้ว่าพวกเขาจะไม่เชื่อการคาดเดาของใต้เท้าอิ๋งเฟิง ทว่าพวกเขาก็ไม่กล้าพูดและไม่กล้าถาม เพียงหวังว่าหลังจากจิ้งจอกน้อยตัวนี้กลับมาแล้ว บรรยากาศเย็นะเืภายในจวนจะบรรเทาลงสักเล็กน้อย
------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้