ฟูเหรินผู้เฒ่ายิ้มบางๆ กล่าวต่ออย่างนุ่มนวลว่า “เอาล่ะๆ ย่าไม่พูดแล้ว หลิงเอ๋อร์เพิ่งฟื้นขึ้นมาต้องพักผ่อนให้ดี”
“หลิงเอ๋อร์ ท่านหมอบอกว่า าแบนศีรษะของเ้าไม่ลึก หากบำรุงดูแลอย่างดีก็จะไม่หลงเหลือรอยแผลเป็เอาไว้ ประเดี๋ยวจะให้ห้องครัวเตรียมสิ่งของบำรุงอย่างดีเพื่อบำรุงเ้า” น้ำเสียงมู่เจิ้นกั๋วเรียบเฉย ทว่าไม่ขาดตกบกพร่อง ท่ามกลางความเรียบเย็นของน้ำเสียงกลับแฝงแววกังวลเล็กน้อย
มู่เจิ้นกั๋วติดค้างบุตรสาวนางนี้ไว้มากนัก เขามักจะอยู่ไม่ใกล้แต่ก็ไม่ไกล ั้แ่เล็กจนโตเขาใส่ใจนางเพียงน้อยนิด ทว่านั่นก็เป็เื่ที่ช่วยไม่ได้
มู่จื่อหลิงมองชายวัยกลางคนที่สง่าผ่าเผยตรงหน้า ชายผู้นี้คงเป็บิดาของนางสินะ แม้ในคำพูดของเขาจะมีความห่วงใย ทว่าแฝงไปด้วยความห่างเหินเล็กน้อย
มู่จื่อหลิงพยักหน้าเบาๆ “ทำให้พวกท่านกังวลใจแล้ว วางใจเถิดเ้าค่ะ หลิงเอ๋อร์มิได้เป็กระไร”
“ท่านพี่ ในที่สุดท่านก็ฟื้นเสียที เสวี่ยเอ๋อร์กังวลจะแย่แล้ว” หญิงสาวผู้สวมกระโปรงยาวสีแดงเข้มผู้หนึ่งพุ่งเข้ามาหามู่จื่อหลิงจากนอกประตู
หญิงสาวที่จู่ๆ ก็โผเข้ามา ทำให้มู่จื่อหลิงไม่ทันตั้งตัว นางเซเสียหลักไปด้วยกันทั้งสองฝ่าย เมื่อนางได้กลิ่นของชาดลอยฟุ้งจึงขมวดคิ้วเรียวอย่างนึกรังเกียจ ดันร่างที่ทับอยู่บนตัวนางออกไปตามสัญชาตญาณ
เช่นนี้จึงสามารถมองหญิงสาวตรงหน้าได้อย่างเต็มตา อายุนั้นรุ่นราวคราวเดียวกับนาง ทว่าท่าทางกลับไม่เหมือนกันเลยแม้แต่นิด ดวงหน้างดงามหยาดเยิ้ม ปอยผมสีดำสนิททั้งสองที่คลอเคลียอยู่บนใบหน้าช่างเพิ่มเสน่ห์น่าดึงดูดเข้าไปอีก
ลางสังหรณ์ของมู่จื่อหลิงทำให้นางรู้สึกว่าหญิงสาวผู้นี้มิใช่ตะเกียงที่ขาดน้ำมัน ดูท่าแล้วคงรับมือไม่ได้ง่าย แล้วยังแต่งตัวเย้ายวน แค่เห็นก็ทำให้ผู้อื่นชอบไม่ลง
เหล่าไท่จวิน [1] เห็นผู้มาใหม่ สีหน้าก็เปลี่ยนโดยพลัน นางถลึงตาตำหนิอย่างโกรธเคือง “อี๋เสวี่ย ท่าทางตึงตังปึงปังนี่มันคืออันใดกัน มิเห็นหรือว่าหลิงเอ๋อร์าเ็อยู่”
“ขออภัยท่านพี่หญิงเ้าค่ะ เสวี่ยเอ๋อร์แค่เป็ห่วงท่านมากไป” มู่อี๋เสวี่ยกล่าวขึ้นด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยแววตาขอโทษ ดวงตาคู่นั้นมีน้ำตาเอ่อคลออย่างน่าเวทนา ราวกับว่าวินาทีถัดไปน้ำตาพวกนั้นจะไหลร่วงลงมา ทำให้ผู้พบเห็นเกิดความสงสาร
ในใจมู่จื่อหลิงหัวเราะเสียงเย็น นางยังมิทันทำสิ่งใด เหตุใดหญิงสาวผู้นี้จึงแสร้งทำตัวน่าสงสารขึ้นมาเสียแล้วเล่า
เวลานี้เองสาวใช้ผู้หนึ่งก็เข้ามาจากนอกประตูเรือน กล่าวอย่างนอบน้อมว่า “เหล่าไท่จวิน นายท่าน จวนฉีหวังมาส่งสินสอดแล้วเ้าค่ะ องค์ชายหกรออยู่ที่ห้องโถงด้านหน้า”
“ข้ารู้แล้ว ให้องค์ชายรอสักครู่ พวกข้ากำลังไป” มู่เจิ้นกั๋วสั่งสาวใช้ แล้วเอ่ยขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “ท่านแม่ พวกเราไปกันก่อนเถิด อย่าให้องค์ชายหกรอนานเกินไป”
เหล่าไท่จวินพยักหน้า เหลือบมองมู่อี๋เสวี่ยอย่างเ็า ไม่อยากเอ่ยอะไรกับนางให้มากความนัก ตนเองมิอาจอยู่ข้างกายหลิงเอ๋อร์ได้มาก อย่าได้เพิ่มความวุ่นวายให้หลิงเอ๋อร์จะเป็การดีกว่า
ผู้อื่นนั้นคงมิทราบ แต่ยายแก่อย่างนางรู้ว่าอี๋เสวี่ยผู้นี้ต่อหน้าเป็อย่าง ลับหลังเป็อีกอย่าง ในเวลาปกติมักรังแกหลิงเอ๋อร์ของนางไม่น้อยเลยทีเดียว
“หลิงเอ๋อร์ วันนี้พักผ่อนให้ดี วันรุ่งขึ้นต้องแต่งงานแล้ว ต้องแต่งออกไปอย่างงดงาม ย่ากลับก่อนล่ะ” เหล่าไท่จวินเอ่ยประโยคที่มิได้มีความยินดีใดๆ ทั้งยังเผยให้เห็นความอาลัยอาวรณ์และวิตกกังวลในก้นบึ้งของหัวใจ
นี่เป็งานสมรสที่ไทเฮาทรงประทานให้ ในสายตาคนนอกหากได้ดองกับเชื้อพระวงศ์นั้นคงจะรุ่งโรจน์ไร้ขีดจำกัด ทว่าเจตนาเื้ัของไทเฮาผู้ใดเล่าจะทราบ มิใช่จะนำสกุลมู่ไปเป็เครื่องสังเวยในการแก่งแย่งชิงบัลลังก์หรอกหรือ
สกุลมู่ในเวลานี้ไม่เหมือนวันวานอีกแล้ว อยากจะถอยก็ถอยมิได้ ได้แต่ปล่อยให้เป็ไปตามโชคชะตาเท่านั้น!
ได้ยินวาจาของเหล่าไท่จวินแล้ว มู่อี๋เสวี่ยที่อยู่ด้านข้างก็กำขวดในมือทั้งสองแน่น ในดวงตาปรากฏความอำมหิตวาบผ่าน
มู่จื่อหลิง กระสอบฟาง [2] เช่นเ้ายังอุตส่าห์แต่งให้ฉีอ๋องได้ ั้แ่เล็กจนโตสิ่งที่ข้า้า ข้าสามารถแย่งมาจากเ้าได้ทั้งสิ้น ครั้งนี้เองก็เช่นกัน!
ในเมื่อการร่วงหล่นจากรถม้ามิอาจฆ่าเ้าได้ เช่นนั้นพรุ่งนี้เ้าก็จงเปลี่ยนไปจนผู้อื่นจำมิได้ก็แล้วกัน ดูสิว่าเ้าจะยังแต่งออกไปได้อีกหรือไม่!
เมื่อมู่จื่อหลิงได้ยินคำพูดของเหล่าไท่จวินก็ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะได้สติกลับคืนมา “เ้าค่ะ ท่านย่าค่อยๆ เดินนะเ้าคะ”
“เสี่ยวหาน ดูแลนายน้อยของเ้าให้ดี” เหล่าไท่จวินกำชับกับเสี่ยวหานที่อยู่ด้านข้าง
“เ้าค่ะ บ่าวจะดูแลนายน้อยให้ดี เหล่าไท่จวินค่อยๆ เดินนะเ้าคะ” เสี่ยวหานตอบรับอย่างนอบน้อม
“หลิงเอ๋อร์เพิ่งฟื้น พวกเ้าอย่าได้คุยกันนานจนเกินไป” มู่เจิ้นกั๋วเอ่ยเสียงเรียบพลางมองไปที่มู่อี๋เสวี่ยที่อยู่ด้านข้าง ก่อนจะตามเหล่าไท่จวินออกจากเรือนไป
มู่อี๋เสวี่ยถอนสายบัวอย่างน่าเอ็นดูแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เสวี่ยเอ๋อร์ทราบแล้ว ท่านพ่อค่อยๆ เดินนะเ้าคะ”
เมื่อมองจากสายตาคนภายนอกจะเห็นว่ามู่อี๋เสวี่ยทั้งน่าเอ็นดูและมีมารยาทเพียงใด เทียบกับมู่จื่อหลิงที่นิ่งเงียบไม่พูดจาอยู่ด้านข้างแล้ว เห็นได้ชัดว่าไม่มีมารยาท ต่างกับมู่อี๋เสวี่ยอย่างสิ้นเชิง
หลังจากพวกเขาเดินจากไป มู่จื่อหลิงยังคงตกตะลึง คิดถึงวาจาของเหล่าไท่จวิน...แต่งงาน? เหตุใดต้องแต่งงานเล่า เพิ่งทะลุมิติมาก็มอบเื่น่าประหลาดใจเช่นนี้ให้นางเลยหรือ อย่ามาล้อกันเล่นแบบนี้สิ!
แม้ว่าอายุของชาตินี้และชาติที่แล้วจะเท่ากันซึ่งก็คือสิบเจ็ดปี สำหรับนางแล้วก็ยังเร็วเกินไป แค่พริบตาเดียวก็ต้องแต่งเสียแล้ว จะให้นางปรับตัวได้อย่างไรกัน แม้เวลาจะแก้ไขก็ยังไม่มี
“เวลานี้ไม่มีเื่ใดแล้ว พวกเ้าออกไปก่อน” เมื่อมู่อี๋เสวี่ยเห็นเหล่าไท่จวินและมู่เจิ้นกั๋วจากไปแล้ว ริมฝีปากก็ฉีกยิ้มแฝงความอำมหิตออกมาทันที นางออกคำสั่งกับสาวใช้ด้านข้าง
“เ้าค่ะ บ่าวขอตัวลา!” สาวใช้ส่งเสียงตอบรับแล้วพากันถอยออกไป
มู่จื่อหลิงจึงได้สติขึ้นมา เห็นว่าภายในเรือนนั้นเหลือแค่มู่อี๋เสวี่ย ในใจก็แค่นเสียงเย็น หญิงสาวผู้นี้มิได้มาดีดังคาด อดทนรอมิไหวก็ลงมือเสียแล้ว เช่นนั้นนางก็ยินดีที่จะเล่นเป็เพื่อน
“ท่านพี่ เป็อย่างไร ยังเจ็บาแอยู่หรือไม่เ้าคะ” มู่อี๋เสวี่ยก้าวมาหามู่จื่อหลิงอย่างช้าๆ ขณะที่กำลังเอื้อมมือมาดึงมือนาง มู่จื่อหลิงกลับหลบได้ทันเวลา แล้วถอยห่างออกไปอีก
มู่จื่อหลิงตอบอย่างเฉยเมยโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า “ขอบคุณที่เป็ห่วง ข้าไม่เจ็บแล้ว”
หึ! นางพอจะรู้แล้วว่าหญิงผู้นี้จะมาไม้ไหน คาดว่าเ้าของร่างคนก่อนนี้ต้องเสียเปรียบหญิงสาวผู้นี้มาไม่น้อยแน่ คิดจริงหรือว่านางจะยังเป็ลูกพลับนิ่มที่คอยรอรับการข่มเหงรังแกจากนาง
มู่จื่อหลิงในเวลานี้อะไรก็ยอมได้ แต่ความแค้นนั้น นางคงปล่อยไปเฉยๆ ไม่ได้
เพราะปกติมีแค้นก็ชำระตรงนั้นเสีย เวลานี้หญิงสาวผู้นี้ยืนกรานที่จะมาหาเื่ ก็อย่าโทษว่านางใจร้ายก็แล้วกัน
แววตาของมู่อี๋เสวี่ยปรากฏความไม่พอใจวาบผ่านก่อนจะจางหายไปทันที
นางรู้สึกว่าสายตาของมู่จื่อหลิงในวันนี้ทั้งเ็าราวกับคนแปลกหน้า ไม่มีแววเฉื่อยชาและว่างเปล่าเหมือนที่แล้วมา กลับกระจ่างใส ั์ตาคมปลาบ ทำให้ในใจนางเผยความกลัวขึ้นมาเล็กน้อย
ทว่านางไม่สนใจ ไม่ว่ามู่จื่อหลิงจะเปลี่ยนไปอย่างไรก็ยังคงเป็กระสอบฟางเช่นเดิม ไม่สามารถขึ้นมาเทียบนาง มู่อี๋เสวี่ยได้
“ท่านพี่ เสวี่ยเอ๋อร์ไหว้วานให้คนนำ ‘โอสถขจัดรอยแผลเป็’ ชั้นดีมาจากวังหลวงขวดหนึ่ง มาเถิด ข้าจะทาให้ท่าน”
ดวงตาของมู่อี๋เสวี่ยที่ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มมีชัยทอประกายหน้าซื่อใจคด นางนำขวดยาที่กำไว้แน่นออกมา แล้วเดินเข้าไปใกล้มู่จื่อหลิง ก่อนจะเปิดฝาขวดออก
---------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] เหล่าไท่จวิน หมายถึงฮูหยินผู้เฒ่า ในที่นี้หมายถึงคุณย่าของนางเอก
[2] เกระสอบฟาง หรือ กระเป๋าฟาง หมายถึงบุคคลที่ไม่มีความสามารถหรือไม่ได้เื่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้