วินาทีต่อมา นางได้ยินคำถามที่ไม่แยแสของตี้หลิงหานที่เอ่ยด้วยสีหน้าที่ไม่ยินดียินร้าย
"เพคะ พูดพอแล้ว"
ฮวาเหยียนพยักหน้า น้ำลายล้วนแห้งเหือด
"ถึงคราวของเปิ่นกงแล้วที่จะพูดบ้าง..."
ตี้หลิงหานกล่าวด้วยความนิ่งสงบ ฮวาเหยียนจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้นของเขา จากนั้นก็ได้ยินเขากล่าวว่า "มู่อันเหยียน เ้ารู้หรือไม่ว่าเปิ่นกงเกลียดการถูกผู้อื่นข่มขู่มากที่สุด"
ฮวาเหยียนเลิกคิ้ว แล้วอย่างไรหรือ?
“ในใต้หล้านี้ ความตายเป็การปลดปล่อยรูปแบบหนึ่ง และการอยู่แบบตายทั้งเป็นั้นคือความเ็ปที่เจ็บที่สุด ดังนั้น มู่อันเหยียน เ้าได้รับโทษนั้นที่บังอาจทำร้ายเปิ่นกง ข้าจะทำให้เ้ามีชีวิตอยู่มิสู้ตาย! ”
เสียงของตี้หลิงหานนั้นเ็าราวกับมาจากนรกใต้พิภพ ฮวาเหยียนเห็นความโหดร้ายที่เยือกเย็นในดวงตาของตี้หลิงหาน แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้พูดเล่น
ร่างของฮวาเหยียนแข็งทื่อ แต่โชคดีที่นางมิได้ใจนตื่นตระหนก!
“ดังนั้น มู่อันเหยียน เ้าจงมอบยาถอนพิษให้แก่เปิ่นกงและเปิ่นกงก็จะมอบหนทางสู่ความตายที่ดีให้แก่เ้า มิเช่นนั้น เ้าจะถูกลอกิัจนเส้นเืปูดโปนโลหิตเจิงนองท่วมกายแทน”
สีหน้าของฮวาเหยียนเปลี่ยนไปจนดูไม่ได้ ภาพของชายวัยกลางคนที่ถูกลอกิัออกคนนั้นพลันแวบเข้ามาในหัวของนาง
นางรู้สึกได้ถึงเรือล่มในอ่างน้ำ! หากรู้ว่าจะเกิดเื่แบบนี้ั้แ่ก่อนจะออกจากบ้าน หากนางบอกมู่เอ้าเทียนเอาไว้ ตอนนี้ก็คงไม่ต้องมาลำบากอยู่ในที่แบบนี้ ไม่ต้องคิดเื่ถูกฆ่า เพราะแค่น้ำสักหยด นางก็คงไม่ถูกกระเด็นใส่
นางนึกถึงท่านพ่อที่แข็งแกร่งดั่งเหล็กกล้า ฮวาเหยียนมั่นใจว่า หากมีคนบุกไปในจวนตระกูลมู่ เขาจะช่วยตนและหยวนเป่าให้ปลอดภัยได้อย่างแน่นอน
ฮวาเหยียนนับว่ามองออกแล้ว ตี้หลิงหานผู้นี้เป็คนดื้อรั้นมากจริงๆ และเขาก็เกลียดการที่ถูกคนอื่นข่มขู่เขามากเหลือเกิน
ทำอย่างไรดี?
ถึงให้ยาถอนพิษไปก็ตายอยู่ดี นางไม่ยินยอมนี่นา
"ยาถอนพิษไม่ได้อยู่ที่ตัวหม่อมฉัน"
หลังจากนั้นไม่นาน ฮวาเหยียนก็เปิดปากออกพร้อมใบหน้าที่ไม่น่ามองยิ่งนัก
“เช่นนั้นแล้ว อยู่ที่ใด? ”
"อยู่กับบุตรชายของหม่อมฉันเพคะ"
ฮวาเหยียนตอบ
มุมปากของตี้หลิงหานยกยิ้มอย่างเ็า "มู่อันเหยียน หากเ้ากล้าหลอกเปิ่นกง เปิ่นกงจะลอกผิวของเ้าต่อหน้าบุตรชายของเ้าแน่"
สติของฮวาเหยียนแจ่มชัด ตี้หลิงหาน เ้าคนวิปริต!
“ทหาร ไปพาเด็กคนนั้นมา”
เขาออกคำสั่ง ผู้คุมรับคำสั่งแล้วถอยออกไปทันที
...
อีกด้านหนึ่ง หยวนเป่าที่ตื่นขึ้นจากการสลบไสล
เขาลุกขึ้นและมองไปทางซ้ายที ทางขวาที เห็นว่าที่ที่เขาอยู่นั้นเป็ห้องที่มีผนังสี่ด้าน ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของห้องมีกองฟืนกองอยู่อย่างเป็ระเบียบ ที่มุมห้องมีเก้าอี้ไม้สองสามตัววางไว้ ดังนั้นแล้วที่นี่คือห้องเก็บฟืนหรือ?
เขาส่ายหัวแล้วพยายามดึงสติกลับมา หยวนเป่าจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้ ตอนที่เขาไปหาเสี่ยวฮวาและเสี่ยวไป๋ พร้อมกับบ่นเื่ของท่านย่าไปด้วย ใครจะไปรู้ว่าเมื่อตอนที่เขากลับมา เขาจะถูกคนลอบโจมตีจากด้านหลัง มีมือตีเข้าที่หลังคอของเขา ดวงตาจึงพลันดับลงและหมดสติไปในทันที
ใบหน้าของหยวนเป่ามืดสนิทไปในทันที
คนแบบไหนกันถึงลงมือแม้กระทั่งกับเด็กได้
อีกทั้งถ้าท่านแม่รู้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขา หากนางหาเขาไม่พบ นางก็คงจะเป็กังวลมาก
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ใบหน้าเล็กๆ ของหยวนเป่าก็ยิ่งดำทะมึน
หยวนเป่าลุกขึ้นแล้วมองดูรอบๆ แต่เขาก็ยังมองไม่ออกว่าที่นี่คือที่ใด ซ้ำยังไม่รู้ว่าใครพาเขามาอยู่ที่นี่ด้วย ห้องเก็บฟืนนี้ใหญ่มากแต่ไม่มีหน้าต่าง มีเพียงประตูบานเดียวที่สามารถออกไปได้ เขาเดินเข้าไปสำรวจอย่างระมัดระวัง พลันได้ยินเสียงพูดคุยดังมาจากด้านนอกของประตู
"เด็กคนนี้สลบไปตั้งนานแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้ตื่นขึ้นมาหรือยัง? "
หนึ่งในนั้นพูดขึ้น
“เ้าอย่าไปยุ่งให้มากนักเลย ท่านอั้นจิ่วให้เราเฝ้า เราแค่ทำหน้าที่ของเราให้ดีก็พอแล้ว”
อีกคนหนึ่งตอบ
“เด็กคนนี้มาจากที่ไหนกัน? ทำไมท่านอั้นจิ่วถึงให้ความสำคัญยิ่ง ทั้งยังส่งพวกเราสองพี่น้องมาเฝ้าดูแลที่หน้าประตูนี่ ที่นี่คือจวนไท่จื่อเชียวนะ หากเด็กฟื้นขึ้นมาแล้วจะทำอันใดได้? เขาจะยังหนีไปได้อีกหรือ? ”
คนเฝ้าประตูคนนั้นเป็คนพูดไปเรื่อย พูดคุยไม่รู้จักจบจักสิ้น
หยวนเป่ากำลังแนบหูตั้งใจฟังก็ได้ยินพวกเขากล่าวถึงนาม 'อั้นจิ่ว' จากนั้นเขาก็ได้ยินตัวอักษรสี่ตัวที่แปลว่าองค์รัชทายาท
หยวนเป่าใเป็อย่างยิ่ง เขารู้สึกติดใจกับตัวอักษรสี่ตัวที่แปลว่าองค์รัชทายาทยิ่งนัก ยามที่อยู่ที่ประตูเมือง เขาได้ยินคนพูดว่า พระองค์เป็อดีตคู่หมั้นของท่านแม่ แต่เพราะหลังจากที่ท่านแม่เกิดเื่ หนังสือถอนหมั้นกลับถูกส่งมาถึงหน้าประตูจวน
ตอนนั้นในใจเขารู้สึกเกลียดชังองค์รัชทายาทยิ่ง คิดไม่ถึงว่าทันทีที่เขากลับถึงบ้าน องค์รัชทายาทจะส่งคนไปจับเขามา
ไอ้เลวคนนี้!
เขาจับตนมาเพื่ออันใด?
ใบหน้าเล็กของหยวนเป่าตึงเครียด หัวเล็กของเขาทำงานอย่างรวดเร็ว ใจคิดว่าองค์รัชทายาทที่ชั่วร้ายคนนั้น้าจับตัวเขาเพื่อจะข่มขู่ท่านแม่ของเขา?
เกลียดจะตายอยู่แล้ว
หยวนเป่าหยัดกายลุกขึ้น สายตาจดจ้องไปที่ประตูที่อยู่ข้างหน้าเขา ซึ่งเป็ทางรอดเดียวของเขา
ในยามนั้น คนสองคนที่อยู่นอกประตูยังคงคุยกันอยู่
หยวนเป่ากลอกตาแล้วค่อยๆ เดินไปที่ประตู ก่อนจะปรับเปลี่ยนสีหน้าตน "แง..."
ทันใดนั้นเสียงร้องไห้ที่น่าสงสารปนโศกเศร้าก็ะเิขึ้นจากภายในห้องเก็บฟืน
เสียงร้องไห้ของเด็กตัวน้อยดังก้องไปทั่วห้อง ช่างดึงดูดความสนใจของผู้คุมที่อยู่นอกประตูได้จริงๆ
จากนั้นหยวนเป่าก็ได้ยินเสียงของหนึ่งในสองคนนั้น "ไอ๊หยา เด็กคนนั้นตื่นแล้ว กำลังร้องไห้อยู่ พวกเราเองก็เข้าไปข้างในกันเถอะ"
“อย่าเข้าไปยุ่งเลย เรามีหน้าที่แค่เฝ้าประตูเท่านั้น”
อีกคนหนึ่งพูด
หยวนเป่าพิจารณาจากคำพูดของทั้งสองคนจึงรู้ว่า คนเฝ้าประตูสองคนนี้ คนหนึ่งเป็คนอยากรู้อยากเห็นยิ่ง ในขณะที่อีกคนก็ทุ่มเทให้กับหน้าที่ของตัวเองมาก และไม่ชอบยุ่งเื่ของชาวบ้านเท่าไรนัก
หยวนเป่าออกแรงหนักขึ้น ร้องไห้ต่อไป "ฮือ... ท่านแม่ ข้าจะหาท่านแม่ ที่นี่มืดเหลือเกิน ฮือ ท่านแม่ ท่านอยู่ที่ไหนขอรับ?"
“ฮือๆๆ ท่านแม่ อ่า... มีงูด้วย...”
หยวนเป่าร้องไห้อย่างหนัก คนสองคนที่อยู่นอกประตูดูเหมือนจะกระซิบกระซาบและพูดคุยอะไรบางอย่างกัน หลังจากนั้น หยวนเป่าก็ได้ยินเสียงแกร๊กซึ่งเป็เสียงของประตูที่ถูกปลดจากทางด้านนอก จากนั้นประตูห้องเก็บฟืนก็ถูกผลักเปิดออก ก่อนที่คนเฝ้าประตูตัวอ้วนจะเดินเข้ามา
“เด็กน้อย ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องร้องแล้ว งูอยู่ที่ไหน? ”
คนเฝ้าประตูอ้วนเดินเข้ามาจากด้านนอก ก่อนจะมายืนอยู่ตรงหน้าของหยวนเป่า เหลียวซ้ายแลขวา ดูเหมือนจะมองหางูและปลอบหยวนเป่าด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ
คนเฝ้าประตูร่างผอมอีกคนยืนอยู่นอกประตู เขาไม่เข้ามาด้านในและดูระแวดระวังตัวมาก
หยวนเป่าหรี่ตาลง แต่ใบหน้าของเขากลับดูน่าสงสาร เด็กน้อยมีน้ำตานองเต็มหน้า “ท่านลุง งูอยู่ตรงนั้น ข้าเห็นงูยาวยิ่งนักเลื้อยผ่านไป…”
น้ำตาใสไหลพรากจากดวงตาทั้งสองข้างของหยวนเป่า รูปร่างลักษณะผิวขาวละเอียด เรียบเนียนทุกอณูของเด็กคนนี้ราวกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบก็ไม่ปาน คนเฝ้าประตูตัวอ้วนมองตรงไปที่หยวนเป่าทันที
เด็กน้อยคนนี้งดงามยิ่งนัก
“ไม่มีงูนี่นา...”
คนเฝ้าประตูตัวอ้วนเดินค้นหารอบห้องถึงสองครั้ง แต่เขาไม่เห็นร่องรอยของงูใด ชายหนุ่มจึงบ่นพึมพำออกมาทันที
“เด็กน้อย เ้าเห็นงูจริงหรือ? ”
เขาถาม
หยวนเป่ากะพริบตาพร้อมกับทำท่าทางน่าเอ็นดู "ใช่ ข้ายังถูกงูนั้นกัดเข้าทีหนึ่ง"
“อะไรนะ? เ้าโดนงูกัดหรือ? ”
เมื่อคนเฝ้าประตูตัวอ้วนได้ยินคำพูดของหยวนเป่า เขาก็สะดุ้งใจนตัวลอย ใบหน้าขาวซีดทันที
เด็กน้อยคนนี้เป็คนที่อั้นจิ่วสั่งให้พวกเขาเฝ้าคอยดูแล หากเกิดอะไรขึ้น พวกเขาสองคนจะต้องถูกตำหนิเป็แน่
“เด็กน้อย เ้าโดนงูกัดตรงไหน รีบให้ลุงดูเร็วเข้า”
คนเฝ้าประตูตัวอ้วนรีบวิ่งไปที่หยวนเป่าเพื่อดูแผลของเขา
“ไม่เอา ข้าอยากเจอท่านแม่ พวกท่านเอาท่านแม่ของข้าไปซ่อนไว้ที่ไหน จะหาท่านแม่ ฮือๆๆ...”
เชิงอรรถ
[1] เรือล่มในอ่างน้ำ อุปมาหมายถึงรู้และเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่ากำลังเกิดปัญหาขึ้นที่นั่น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้