่นี้ที่ต้องคอยคุมขังนักฆ่า เ้าอำเภอที่อยู่ในจวนก็กล้าๆ กลัวๆ อยู่ตลอด เขากลัวว่าจะทำให้นักฆ่าตายไป แต่ในวันนี้เมื่อเวินซีมาหาจึงโล่งอก จึงรีบพานางและจ้าวต้านเข้าไปที่ทางลับของจวนอำเภอ
คนทั้งหมดเดินไปตามเส้นทางอยู่นาน ในที่สุดเวินซีก็ได้เห็นนักฆ่าที่ใกล้จะตาย
าแของเขาถูกพันไว้อย่างลวกๆ มิได้มีหมอมารักษาให้ าแจึงกลายเป็หนองเหม็นเน่าไหลออกมา
เมื่อเห็นเวินซี นักฆ่าก็ถุยน้ำลายอย่างเ็า ใช้แรงทั้งหมดพาตัวเองให้หันหน้าไปทางอื่น
เวินซีเข้าไปในห้องมืดและนั่งลงบนเก้าอี้ที่มีเพียงตัวเดียว “พูดมาเถิด ผู้ใดส่งเ้ามา? เ้าเป็คนฆ่าครอบครัวนั้นใช่หรือไม่?”
“นางชั่ว ถ้าจะฆ่าข้าก็ทำเลย ข้าไม่มีทางบอกอันใดกับเ้า” นักฆ่าะโใส่
จ้าวต้านหรี่ตาลง สายตาของเขาแผ่รังสีอำมหิต เขาเข้าไปในห้องและหยุดยืนที่เบื้องหน้าของนักฆ่า
“ข้าจะบอกให้นะ ไม่ว่าอย่างไรเ้าก็ต้องตายด้วยเงื้อมมือเ้านายข้า นางชั่ว อ๊า—”
เท้าของจ้าวต้านเหยียบลงที่าแนั้น ทำให้นักฆ่าร้องโหยหวน
“ไม่พูดก็ไม่เป็ไร เพราะว่าข้ารู้หมดแล้ว เ้าฆ่าปิดปากเพื่อมิให้ครอบครัวนั้นพูดว่าเคยเจอเวินเยียนใช่หรือไม่ล่ะ?”
เวินซีนั่งเอนกายอยู่บนเก้าอี้ แววตาของนางแฝงไปด้วยความดูแคลน เื่นี้นางเดาออกนานแล้ว
เวินเยียนจ้างเขามาฆ่านาง แต่เวินเยียนก็คิดไม่ถึงว่าตนเองจะถูกเปิดโปงในตอนแข่งขันจนถูกจับเข้าคุก เพื่อให้แน่ใจว่าครอบครัวนั้นจะไม่พูดอะไร นางจึงส่งนักฆ่าไปปิดปากพวกเขาทันที
“ข้าไม่รู้ว่าเ้ากำลังพูดอันใด” นักฆ่าหลบสายตา
“ซื่อสัตย์ดีนี่ แต่เวินเยียนคงไม่คิดเช่นนี้น่ะสิ หากนางรู้ว่าเ้าหายไป คงคิดจะปิดปากเ้าเป็อย่างแรก” เวินซีเอ่ยด้วยรอยยิ้มอยากดูเื่สนุก
“ไม่ต้องปั่นหัวข้าเสียให้ยาก เ้านายข้ามิใช่เวินเยียนสตรีไร้ประโยชน์นั่น”
“ข้ารู้ เ้านายของเ้าก็คือหลานเยว่เฉิง”
“เ้า...เ้า...เ้ารู้หรือ?” เมื่อนักฆ่าได้ยินเวินซีเอ่ยชื่อนั้นออกมาก็เผยสีหน้าไม่อยากเชื่อ
“ฆ่ายกครัว ถึงอย่างไรเื่นี้ก็ต้องมีการสืบหาข้อเท็จจริงให้กับสาธารณชน ข้าจะให้โอกาสเ้า หากเ้าพูดไปว่าเป็ฝีมือของเวินเยียน เช่นนั้นข้าจะปล่อยเ้าไป หากเ้ายังดึงดันไม่พูดอันใด เช่นนั้นศพของเ้าก็จะเป็คำอธิบายที่ดีที่สุด”
“ข้าจะให้เ้าคิดทบทวนสิบวัน เ้าคิดให้ดีว่าอยากจะอยู่หรือตาย อีกสิบวันข้าจะมาหาเ้า”
เวินซีพูดจบก็ออกไปจากห้อง จ้าวต้านมองดูนักฆ่าแล้วกลับออกไปเช่นกัน
“คุณหนูเวินซี เื่ที่ฆ่ายกครัว เื่ร้ายแรงเช่นนี้ ข้าเกรงว่ามัน...” ท่านเ้าอำเภอเห็นว่าพวกเขากำลังจะออกไปจึงรีบขัดจังหวะ
“ท่านเ้าอำเภอวางใจเถิดเ้าค่ะ เื่นี้ข้าจะให้คำอธิบายที่กระจ่างที่สุดแก่ประชาชน”
“เช่นนั้นข้าจะว่าตามคุณหนูเวินซีสักครา” เมื่อท่านเ้าอำเภอได้ยินดังนั้นก็วางใจและเดินออกไป
หลังจากที่เวินซีออกมาจากอำเภอแล้วก็ไม่รู้จะไปที่ใด จึงไปที่ร้านชานม ในเวลานั้นที่ร้านยังคงมีคนต่อแถวยาวเหยียด โดยมีทหารลับคอยทำชานมให้ลูกค้า
ภายในร้านมีผู้คนมากมายโดยมีการจัดการอย่างเป็ระเบียบ
เวินซีเดินดูร้านรอบหนึ่งก็คิดจะจากไป แต่ไม่คิดเลยว่าลูกค้าที่ต่อแถวอยู่จะมีฮูหยินซ่ง
ฮูหยินซ่งถือถ้วยไว้พลางมองไปด้านหน้าด้วยความกระตือรือร้น แม้เวินซีจะเดินเข้าไปใกล้ขนาดนี้แล้ว แต่นางก็ยังไม่ทันได้สังเกตเห็น
“ฮูหยินซ่ง มาทำอันใดที่นี่เ้าคะ? หากฮูหยินอยากดื่มชานม ให้คนรับใช้นำไปส่งให้สิเ้าคะ”
เวินซีเอ่ยปากขึ้นกะทันหัน ทำเอาฮูหยินซ่งใ
ฮูหยินซ่งค่อยๆ หายใจแล้วพูดออกมา “ชานมที่คนรับใช้นำไปที่จวนน่ะเย็นหมดแล้ว หมดปัญญาจึงต้องมาซื้อเอง เ้าอย่าได้คิดว่าตลกล่ะ” ฮูหยินซ่งรู้สึกอับอาย หากนางไม่ชอบจริงๆ จะมาต่อแถวซื้อเองได้เช่นไร
“ฮูหยินซ่งอยากดื่มก็ตามข้ามาเ้าค่ะ” เวินซีพานางเข้าไปในร้าน แล้วยกชานมที่เพิ่งทำเสร็จส่งให้
“เวินซี เ้าเป็เถ้าแก่ที่นี่หรือ?” ฮูหยินซ่งมีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
“ใช่น่ะสิเ้าคะ หากฮูหยินซ่งอยากทานหม้อไฟหรือชานม ข้าจะเลี้ยงเองเ้าค่ะ”
“เวินซี เ้าเก่งมาก” ฮูหยินซ่งใจนถึงขนาดที่เอ่ยชมออกมาได้เพียงคำนี้
“ขอบพระคุณสำหรับคำชมเ้าค่ะฮูหยิน”
เวินซีจึงยกชานมมาให้อีกถ้วย ฮูหยินซ่งนั่งลงดื่มอย่างมีความสุขจนเก็บความรู้สึกไว้ไม่อยู่ เมื่อเห็นว่าชานมหมดแล้วนางก็เอนพิงเก้าอี้
หลังจากที่พักผ่อนพอสมควรแล้ว นางก็นึกขึ้นได้ว่ามีเื่ที่ลืมบอกเวินซี จึงเอ่ยปาก
“การแข่งขันทำเครื่องหอมของเ้ากับเวินเยียนได้กำหนดแล้ว เป็การแข่งขันรอบที่สามในอีกเจ็ดวัน อย่าลืมคิดวิธีป้องกันหากเวินเยียนใช้อุบายอันใด เวินเยียนนางไม่มีทางแข่งกับเ้าดีๆ แน่”
“เ้าค่ะ ขอบพระคุณฮูหยินเ้าค่ะ”
เมื่อรู้เวลาการแข่งขันแล้วเวินซีก็เริ่มมีความั่นใจ
ขณะที่ฮูหยินซ่งกำลังจะกลับออกไป เวินซีก็นำถ้วยใบใหญ่ออกมา ตักชานมให้ฮูหยินนำกลับไปด้วย
ฮูหยินซ่งรับไว้ในอ้อมกอดโดยไม่ปฏิเสธ ภายใต้สายตาอิจฉาของผู้คนที่ต่อแถวอยู่ นางเดินโอ้อวดออกไปอย่างภาคภูมิ
เวินซีอยู่ที่ร้านต่อก็มิได้ทำอันใด จึงกลับร้านเครื่องหอมไปกับจ้าวต้าน
ทันทีที่กลับถึงร้าน นางก็เข้าห้องไปนำส่วนประกอบเครื่องหอมทั้งหมดออกมา แล้วเริ่มคิดที่จะพัฒนาเครื่องหอมตัวใหม่
เครื่องหอมส่วนใหญ่ของเวินอี๋เหนียงล้วนเป็เครื่องหอมเพื่อความงาม คงความสาว นี่เป็สิ่งที่เวินอี๋เหนียงถนัดที่สุดในการทำเครื่องหอมทั้งหมด เวินซีคิดว่าหากตนเอง้าจะชนะก็จำเป็ต้องเริ่มคิดค้นในด้านอื่นๆ แต่จะเป็ด้านใด ยามนี้นางยังคิดไม่ออก
เวินซีทาเครื่องหอมลงบนหลังมือซ้ำๆ แต่ก็เช็ดออกเพราะยังไม่ถูกใจ นางคิดว่าตนเองด้อยกว่าเวินอี๋เหนียงเสมอ เครื่องหอมของเวินอี๋เหนียงนั้นทำให้ทุกคนประหลาดใจได้ทุกครา
เวินซีใส่ส่วนผสมมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งรู้สึกเหนื่อยจึงนอนลงบนโต๊ะ
“ค่อยๆ ทำ เ้าเป็บุตรสาวของเวินอี๋เหนียง ได้รับการถ่ายทอดมาจากมารดา เ้าไม่มีทางแพ้แน่”
เมื่อเห็นนางดูรีบร้อนเช่นนั้น จ้าวต้านก็อดมิได้ที่จะปลอบโยนและรินน้ำชาให้
“หวังว่าจะเป็เช่นนั้น วันนี้ข้าไม่ทำแล้ว” เวินซีวางเครื่องหอมลงแล้วลุกขึ้น
“จะไปที่ใดอีก?” จ้าวต้านเห็นนางจะออกไปจึงเอ่ยปากถาม
“ไปเล่นกับพวกยียี”
นางมิได้ไปหาพวกเด็กๆ นานแล้ว ย่อมคิดถึงพวกเขาเป็ธรรมดา
เมื่อได้ยินนางพูดเช่นนี้ จ้าวต้านก็ยิ้มและตามไปด้วย
หิมะตกหนักปกคลุมไปทั่วทั้งเรือน ขณะนั้นพวกยียีกำลังเล่นกันอยู่กลางสวนอย่างสนุกสนาน เด็กทั้งสามคนช่วยกันปั้นตุ๊กตาหิมะ
ชาติที่แล้วเวินซีไม่เคยปั้นตุ๊กตาหิมะเลย นางจึงอยากลองดู
“พี่สะใภ้”
“พี่สะใภ้!”
“ท่านพี่สะใภ้”
เสียงของเด็กๆ แต่ละคนดังขึ้นพร้อมกัน ในน้ำเสียงแฝงไปด้วยความตื่นเต้น พวกเขาวิ่งไปหานางและพาไปที่กลางสวน
เวินซีเล่นกับพวกเขา ช่วยกันปั้นตุ๊กตาหิมะ ใบหน้าเล็กๆ ของนางหนาวจนรู้สึกแสบไปหมด แต่รอยยิ้มยังคงไม่หายไป
จ้าวต้านเอนตัวลงมองดูพวกเขาเล่นกันอย่างสนุกสนานและอดยิ้มออกมาไม่ได้
ทันใดนั้นก็มีคนปาก้อนหิมะใส่หน้าเขา ตามด้วยเสียงหัวเราะของเวินซีที่ดังขึ้น
เขาปัดหิมะที่อยู่บนหน้าออก ก่อนจะเข้าร่วมาหิมะด้วย
ไม่รู้ว่าทั้งครอบครัวเล่นสนุกกันนานเท่าใด จนกระทั่งเหนื่อยหอบถึงได้หยุดพัก
ทันใดนั้นเอง จู่ๆ ก็มีคนรับใช้ที่ไม่คุ้นหน้าเข้ามาภายในสวนหลัง เขามองไปทุกซอกทุกมุมของเรือน ก่อนที่ดวงตาจะเป็ประกายเมื่อได้เห็นเวินซี
เวินซีมองคนรับใช้ผู้นั้นอย่างระวังตัว นางกำลังจะถามว่าเขาเป็ผู้ใด แต่เขาก็คุกเข่าลงตรงหน้า พลันโขกหัวลงกับพื้น
“คุณหนูเวินซี ได้โปรดช่วยนายน้อยของเราด้วยขอรับ นายน้อยของเราเป็ไข้หนัก เขากำลังจะตายแล้วขอรับ”
“นายน้อยของเ้าคือผู้ใด?” เวินซีขมวดคิ้ว
“นายน้อยของข้าคือโจวอวี่ชางขอรับ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้