บทที่ 14 : คนจากตระกูลลั่ว
ตอนที่ลั่วถูออกจากโรงเตี๊ยม ในเมืองม่อหลานเริ่มมีกองทัพใหญ่เข้ามาเดินกันขวักไขว่แล้ว ทุกพื้นที่อบอวลไปด้วยไอสังหารจากชุดเกราะเอยม้าเหล็กเอย สองวันมานี้ใจเขาจดจ่ออยู่กับการเปิดกล่องชีเฉียวหลิง ไม่สนใจเื่ภายนอกโรงเตี๊ยมสักเท่าไรอยู่แล้ว ดูท่าตอนนี้เมืองม่อหลานจะเกิดการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ขึ้น แต่เขาก็ไม่ประหลาดใจนัก ในเมื่อเผ่ามารและเผ่าปีศาจร่วมมือกันทำลายป้อมมู่สือ ทำเอาวิหารเสินจั้นไม่พอใจเป็อย่างมาก และทำให้เผ่ามนุษย์ทั้งเผ่าโกรธแค้นเป็ฟืนเป็ไฟ
หลังจากลอบฟังข่าวลั่วถูก็ยิ่งใมากขึ้นไปอีก ครั้งนี้วิหารเสินจั้นส่งผู้ยิ่งใหญ่น่าอัศจรรย์มาหลายคน และเมื่อมาถึงเมืองม่อหลานก็รวบรวมทหารระดับสูงที่โชคดีรอดชีวิตจากป้อมมู่สือมาเมืองม่อหลาน รวมทั้งผู้บัญชาการสองคน และฆ่าทิ้งทั้งหมดอย่างไม่ลังเล และไม่ให้โอกาสพวกเขาอธิบายแม้แต่น้อย จากนั้นสั่งปลดแม่ทัพเมืองม่อหลานเหยียนตงออกจากหน้าที่ คืนตราทหารให้ฮูหลานหั้นจากวิหารเสินจั้นรับผิดชอบการทหารในเมืองม่อหลานแทน และเตรียมตอบโต้เผ่ามารและเผ่าปีศาจในทีเดียว
ลั่วถูอดถอนหายใจไม่ได้ ผู้ยิ่งใหญ่จากวิหารเสินจั้นพวกนี้ช่างโเี้นัก คิดไว้แล้วว่าที่ป้อมมู่สือถูกทำลาย ต้องเป็เพราะภายในมีไส้ศึก เป็เหตให้ถูกยึดอย่างง่ายดาย ซ้ำร้ายกองทหารที่รับหน้าที่คุ้มกันแหวนยังหายไปทั้งหมด ทำให้วิหารเสินจั้นโมโหเกินคาด พวกเขาโกรธจนไม่แม้แต่จะตรวจสอบเื่ที่ว่าใครกันแน่เป็ไส้ศึกตัวจริง แต่กลับสังหารคนที่น่าสงสัยทั้งหมดทิ้ง ยอมฆ่าผิดตัวแต่ไม่ยอมผิดพลาด ลั่วถูเชื่อว่าหากป้อมมู่สือยังมีพวกระดับสูงรอดมาถึงเมืองม่อหลานมากกว่านี้ พวกเขาก็คงสังหารทิ้งเหมือนเดิม สำหรับนักรบธรรมดาพวกเขาทำอะไรไม่ได้มากนัก นักรบธรรมดาไม่มีทางปิดหูปิดตาป้อมมู่สือได้แน่ ไม่มีความสามารถพอจะทำให้กองทัพเผ่ามารและเผ่าปีศาจเข้าใกล้ได้โดยไม่รู้ตัวด้วยเช่นกัน ดังนั้น ผู้ยิ่งใหญ่จากวิหารเสินจั้นจึงไม่สนใจพวกนักรบธรรมดา ยิ่งกับพวกคนรับใช้ ยิ่งไม่ได้อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
สำหรับเื่ที่ว่าผู้ยิ่งใหญ่คนใดเป็ผู้มาเมืองม่อหลานนั้น ลั่วถูไม่มีสิทธิ์รู้อยู่แล้ว เขาเป็แค่คนขนศพตัวเล็กจ้อย หรืออีกฐานะหนึ่ง ก็คือศิษย์ที่ไม่อยู่ในสายตาของสำนักจ๋าเสวีย ในเมืองม่อหลานที่แสนใหญ่โต ใครเล่าจะไปสนใจกับแค่เด็กหนุ่มธรรมดาๆ คนหนึ่ง
ากำลังจะอุบัติ เช่นนั้นคนขนศพต้องเตรียมพร้อมเริ่มงาน ในความเป็จริง ลั่วถูเห็นหน้าประตูวิหารอิงหลิงในเมืองมีคนขนศพไม่น้อยกำลังซื้ออุปกรณ์ ทุกครั้งที่ออกไปขนศพคือการเสี่ยงอันตรายอย่างร้ายกาจ มีแต่ต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่สุด ถึงจะมีโอกาสรอดชีวิต ถึงในสนามรบาใหญ่จะมีกฎระดับสูงสุดว่าบุคคลที่เปิดิญญาแล้วห้ามสังหารคนธรรมดาที่อายุต่ำกว่าสิบห้าปีก็ตาม แต่อย่างไรเสียก็มีข้อยกเว้น หรือกับดักบางอย่างที่อันตรายถึงชีวิตคอยทดสอบคนขนศพอยู่ดี
ลั่วถูเองก็ต้องซื้ออุปกรณ์ไม่น้อยเช่นกัน แต่เขาซ่อนพวกดาบ กระบี่และหน้าไม้ไว้นอกเมืองแล้ว ของพวกนั้นถ้าขนเข้าเมืองม่อหลานด้วยต้องสะดุดตาเกินไปแน่นอน แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว แหวนคงหลิงในมือเขา สามารถเก็บของได้ตามใจนึก พวกยาพิษเอย ลูกศรเอย ถุงเก็บศพระดับสูงเอย ส่วนยาต้านมาร ยาต้านปีศาจและยาที่แก้พิษของเผ่าต่างๆ ครั้งนี้ ลั่วถูยอมเสียเงินมากหน่อยเพื่อซื้อยาระดับสูง เพราะเขาไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเดิมที่เขาเกือบจะไม่รอดอีกครั้ง ตอนนี้ตัวเขาไม่ได้ขาดเงินแล้ว มีทั้งเหรียญม่วงซิงเหินหนึ่งเหรียญ เหรียญฟ้าหลายร้อยเหรียญ และเหรียญขาวอีกพันกว่าเหรียญ
“ลุงเต๋อ วันนี้ขายดีร้านยุ่งน่าดูเลยนะ!” เ้าของร้านซินเต๋อเซวียนหรือก็คือผู้เฒ่าเต๋อนั่นเอง สำหรับลั่วถูแล้วไม่ใช่คนแปลกหน้าอะไร เพราะร้านของเขาคือร้านเดียวในเมืองม่อหลานที่มีพวกยันต์อาคมหรือวัตถุดิบเกี่ยวกับอาคมขาย แน่นอนว่าผู้เฒ่าเต๋อของร้านซินเต๋อเซวียนก็เป็ที่ชื่นชอบของนักรบเผ่ามนุษย์เช่นกัน เพราะของประหลาดมากมายที่ร้านอื่นไม่รับซื้อ แต่ผู้เฒ่าเต๋อรับ เช่นพวกกระดูกสัตว์อสูร กระดูกเผ่าปีศาจ หรือกระทั่งหินพิลึกพิลั่น ของพวกนี้เรียกได้ว่าขยะล้วนๆ แต่ผู้เฒ่าเต๋อกลับเอาไปใช้ได้ ถึงแม้ของพวกนี้ราคาไม่สูงนัก แต่สำหรับนักรบธรรมดาแล้ว ขายได้เท่าไรก็เอาเท่านั้น
“อะไรกัน นี่เ้ายังไม่ตายเรอะ ไม่ใช่เล่นๆ เลยนะเนี่ย!” เมื่อผู้เฒ่าเต๋อเห็นลั่วถูก็ส่งยิ้มทักทายออกมา จากนั้นก้มหน้าไปเก็บถุงที่พวกนักรบวางไว้บนโต๊ะ ให้ไปสองเหรียญขาว ถึงจะเงยหน้าขึ้นมาพูดต่อ “หนุ่มน้อย รับภารกิจอีกแล้วหรือ? ข้าขอเตือนเ้าให้พักก่อนค่อยว่าอีกทีเถอะ าในตอนนี้ไม่สนใจกฎกันแล้ว คนขนศพในเมืองม่อหลานกลับมาได้ไม่ถึงครึ่ง เผ่ามารกับเผ่าปีศาจเป็บ้ากันไปหมดแล้ว กลับสำนักจ๋าเสวียไปเรียนซะดีกว่า”
“ขอบคุณที่ลุงเต๋อห่วงใย ข้าน้อยจะระวังให้มาก เมื่อเสร็จภารกิจครั้งนี้ก็จะกลับแผ่นดินต้นกำเนิด กลับไปศึกษาอีกหลายอย่างที่สำนักจ๋าเสวีย!” ลั่วถูกล่าวด้วยความสัตย์จริง เขารู้ว่าคนๆ นี้พบเจอกับผู้คนมากมายทุกวัน จึงได้รับข่าวสารมาไม่น้อย คำเตือนนี้นับว่าเป็ความห่วงใยอย่างหนึ่ง ถึงลุงเต๋อจะพูดเื่นี้กับคนขนศพทุกคนก็เถอะ
“ก็ดี มีแผนในใจก็ดีแล้ว ครั้งนี้จะเอาอะไรล่ะ?” ผู้เฒ่าเต๋อพยักหน้ารับแล้วถามต่อ
“จานอาคมกับธงอาคม แล้วก็วัตถุดิบอีกนิดหน่อย นี่รายการของ...” ลั่วถูนำรายการที่ตน้าส่งให้
ผู้เฒ่าเต๋อมองเพียงแวบหนึ่ง จากนั้นหันมามองลั่วถูด้วยความสงสัย และถามออกไปด้วยความใ “หนุ่มน้อย เ้าจะไปออกรบหรือ ครั้งหนึ่งใช้ข้าวของตั้งขนาดนี้เชียว?”
“ต้องเตรียมของกันภัยมากหน่อย ออกไปครั้งนี้คงกินเวลานาน!” ลั่วถูเอาเหรียญขาวออกมาถุงหนึ่ง
ผู้เฒ่าเต๋อเปิดถุงออกดู ทำเพียงส่ายหน้า ไม่ได้พูดอะไร เข้าไปเตรียมจานอาคมและข้าวของตามรายการให้ลั่วถูทันที ในความเป็จริงแล้วที่ร้านของเขามีแต่จานอาคมระดับต่ำ แต่บังเอิญมีของดีติดร้านอยู่บ้างอันสองอัน ซึ่งราคาก็สูงเสียจนคนขนศพคงไม่มีเงินซื้อ แต่ในเมื่อลั่วถูนำถุงเหรียญขาวซิงเหินออกมา เช่นนั้นเขาก็ยินดีขายออกไปสองอัน ตบท้ายด้วยการแถมยันต์อาคมที่เขาทำเองขึ้นให้อีกหลายใบด้วย
กับของร้านผู้เฒ่าเต๋อ ลั่วถูไม่เคยต้องกังวล เพราะจานอาคมและธงอาคมมากมายล้วนเป็ของผู้เฒ่าเต๋อทำขึ้นเอง ในสนามรบฝานเหรินชื่อเสียงของร้านซินเต๋อเซวียนโด่งดังมาก เมื่อเห็นจานอาคมที่ผู้เฒ่าเต๋อนำออกมา ลั่วถูก็พอใจมาก เขาเคยเรียนอาคม เพียงแต่ไม่อาจหาวัตถุดิบได้ในเวลาอันสั้น และไม่มีเวลาพอจะทำจานอาคมเอง ดังนั้น จึงซื้อจากผู้เฒ่าเต๋อแทน โดยปกติแล้ว เขามักนำวัตถุดิบกับจานอาคมที่เขาทำเองมาให้ผู้เฒ่าเต๋อช่วยขายอยู่บ้าง ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนนับว่าไม่เลวทีเดียว
“ขอบคุณลุงเต๋อ ข้าไปละ!” ลั่วถูพยักหน้า
“หนุ่มน้อย ต้องรอดกลับมาให้ได้นะ ข้ายังขาดศิษย์อยู่สักคน รอเ้ากลับมาเป็ลูกน้องของคนแก่คนนี้อยู่นะ!” ผู้เฒ่าเต๋อยิ้ม
“ลุงเต๋อโปรดวางใจ ชะตาข้ายังไม่ถึงฆาต ตายไม่ได้แน่นอน!” ลั่วถูกล่าวตอบกลับ และเดินออกจากร้านไป เพราะเขารู้สึกว่าเหมือนมีคนอื่นมารอซื้อขายบ้างแล้ว คนหลายคนเข้ามาในร้านสักพักแล้ว แต่เขาเพิ่งได้หันหน้าไปดู แต่กลับถูกหยุดอย่างคาดไม่ถึง เพราะมีบางคนกำลังขวางทางเขาอยู่ ทำเอาต้องขมวดคิ้วมุ่นในทันที และได้ยินเสียงไม่รู้ร้อนรู้หนาวดังขึ้น “ถูน้อย เ้าไม่กลับไปรายงานที่ตระกูลนานมากแล้ว ท่านผู้เฒ่าคิดถึงเ้านะ!”
“ลั่วเหยียน...” สายตาของลั่วถูปรากฏความเ็าอย่างเฉียบพลัน และหยุดก้าวเดินทันที
“เ้าควรจะเรียกข้าว่าท่านลุงสอง!” สายตาของชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าลั่วถูส่งรอยยิ้มไม่แยแส และกล่าวออกมาตรงไปตรงมา
ลั่วถูไม่พูดอะไร เพียงแค่ส่งเสียงหึเบาๆ ที่คนผู้นี้พูดก็ไม่ผิด หากนับตามลำดับาุโของโลกชั้นล่าง เขาต้องเรียกคนข้างหน้านี้ว่าลุงสองจริงตามที่เ้าตัวว่า แต่ตัวเขาเป็ถึงลูกหลานสายตรงของตระกูลลั่ว และคนตรงหน้าเป็แค่คนของสายเืรองเท่านั้น ยังไม่มีคุณสมบัติพอให้เขาเรียกว่าลุงสองด้วยซ้ำไป
ลั่วถูมองลั่วเหยียนและสองคนข้างกายเขา จากนั้นกล่าวออกไปอย่างเ็า “ถ้ามีธุระก็พูดออกมา ถ้าไม่มีก็หลีกทาง ข้ายังมีเื่มากมายต้องทำ”
“ลั่วถู ไม่รู้จักเคารพผู้าุโ ให้พวกเราสั่งสอนเขาหน่อยไหมว่าควรทำตัวเช่นไร...” คนที่พูดคือเด็กหนุ่มหัวล้านข้างตัวลั่วเหยียน ฤดูร้อนที่ร้อนดั่งไฟทำเอาศีรษะโล้นของเขาดูมันเงาสว่างไสวทีเดียว เหนือร่างกายที่ท่อนบนเปลือยเปล่าปรากฏเป็รอยสักสีเขียวรอยหนึ่งลากยาวจากอกพาดไปถึงหลัง
“หนุ่มน้อย ที่นี่คือร้านซินเต๋อเซวียน ถ้าจะลงมือเชิญออกไปด้านนอก ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าคนแก่อย่างข้าไม่เกรงใจ...” ตอนที่เด็กหนุ่มหัวล้านกำนิ้วมือทั้งสิบจนมีเสียงข้อนิ้วดังขึ้น เสียงยานคางของผู้เฒ่าเต๋อก็ดังขัดขึ้น จากนั้นราวกับมีจิตสังหารปกคลุมห้องเล็กๆ นี้ไว้ทันที สีหน้าของเด็กหนุ่มหัวล้านเปลี่ยนไป ในใจรับรู้ได้ถึงอันตรายที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงนั้น เผลอก้าวถอยหลังสองก้าวอย่างไม่อาจควบคุม
“ท่านเ้าของร้าน ขออภัยด้วย เด็กพวกนี้เพียงหยอกล้อกันเท่านั้น พวกเขาล้วนเป็ครอบครัวเดียวกัน จะลงมือซี้ซั้วได้อย่างไร...” ลั่วเหยียนยิ้มแห้ง และหันไปคำนับผู้เฒ่าเต๋อ จากนั้นกล่าวเสียงต่ำด้วยความโเี้กับลั่วถู “ตามข้ามา!”
“มีอะไรก็รีบพูด อย่าทำตัวลับล่อๆ” ลั่วถูไม่ขยับ กล่าวตอบอย่างไม่สะทกสะท้านด้วยเสียงดังอันแสนเ็า
สีหน้าลั่วเหยียนถมึงทึงในทันที เหงื่อกาฬไหลเหมือนเอาหน้าจุ่มน้ำมาอย่างไรอย่างนั้น เมื่อเห็นฝ่ายตรงข้ามยืนกรานไม่ออกไป ย่อมต้องเปิดปากกล่าวอย่างเสียมิไม่ได้ “ความประสงค์ของท่านผู้เฒ่าคือให้เ้ายอมแพ้เื่เปิดิญญาครั้งที่เจ็ดเสีย เ้าลองมาแล้วหกครั้งล้วนไม่สำเร็จ เดิมทีก็ไม่มีโอกาสแล้ว เอายาเปิดิญญาหกสิบสี่เม็ดไปใช้อย่างเสียเปล่าเช่นนี้ คงดีกว่าหากใช้มันสร้างโอกาสให้เด็กน้อยจากโลกชั้นล่างของพวกเรา ดังนั้น หวังว่าเ้าจะมอบคะแนนของเ้ามาเสีย...”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้