บทที่ 3 : สนามรบฝานเหริน
สนามรบฝานเหรินนั้นช่างกว้างใหญ่ไพศาล มีคนเคยกล่าวไว้ว่าแท้จริงแล้วที่นี่เป็ส่วนหนึ่งของแผ่นดินต้นกำเนิด แต่เป็เพราะศิลากำเนิดเทพ ที่นี่แห่งนี้จึงถูกตัดขาดออกจากแผ่นดินต้นกำเนิด ตอนแรกที่นี่เป็ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนใฝ่หา ทว่าต่อมากลับต้องกลายเป็สนามรบโดยเฉพาะ
าไม่เคยไร้จุดหมาย บางครั้งเป็เผ่าปีศาจเป็ผู้จุดชนวนา บางครั้งเป็เผ่ามาร และมีบางครั้งที่เป็เผ่าผี โดยปกติแล้วาส่วนมากมักเริ่มต้นโดยห้าเผ่ามืด ราวกับว่าในสายเืของพวกเขามีสัญชาตญาณแห่งการต่อสู้อันดุดันไหลเวียนอยู่ทั่วสรรพางค์กาย เผ่าปีศาจมีความสามารถในการขยายเผ่าพันธุ์อย่างรวดเร็ว แต่อาณาเขตกลับไม่ใหญ่พอ เมื่อมีจำนวนประชากรมากถึงระดับหนึ่ง ก็ทำได้เพียงลดจำนวนคนในเผ่าผ่านา หรือปล้นสะดมทรัพย์สมบัติ อีกทั้งใช้วิธีนี้สร้างประชากรชั้นสูงในเผ่า สร้างโอกาสให้สมาชิกเผ่าได้ทะลวงขึ้นสู่ระดับที่สูงยิ่งขึ้นและก้าวขึ้นสู่โลกชั้นที่สูงยิ่งขึ้นไป
ถิ่นฐานของเผ่ามนุษย์นั้นอยู่ทางฝั่งตะวันออกของศิลากำเนิดเทพ มีลักษณะเป็ป้อมไม้ทรงกลมมีอาณาเขตกว้างราวสิบลี้[1]ที่สร้างขึ้นบนเนินเขา หลังกำแพงที่ตั้งอยู่บนเนินเขาลาดชันซึ่งสร้างด้วยไม้และหินนั้นสามารถเห็นเงาของท่อนไม้ั์ได้อย่างอยู่ไกลๆ ถ้ามีคนคิดจะบุกโจมตีค่ายเมื่อใด คนพวกนั้นจะต้องเจอเข้ากับท่อนไม้ั์ที่กลิ้งลงโจมตี ต่อให้เป็ระดับศิษย์าทั้งหมด หากถูกท่อนไม้ั์กลิ้งทับเข้า เกรงว่าคงกลายเป็แผ่นเนื้อบดในทันที และใช่ว่าใครหน้าไหนจะบุกมาถึงป้อมไม้นี้ได้ง่ายดายตามอำเภอใจแต่อย่างใด ป่าไม้ถูกถางจนกลายเป็พื้นที่เปิดโล่งผืนหนึ่ง ไม่มีทางที่จะเข้าใกล้ป้อมไม้โดยรอดพ้นจากสายตาของหอสังเกตการณ์ที่สูงถึงสิบจั้งได้แน่นอน
เมื่อลั่วถูมาถึงหน้าป้อมไม้ ยามที่พระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าเข้าสูู่เาที่อยู่ห่างไกลนั้นเอง ทว่าบรรยากาศหน้าป้อมกลับไม่ได้เงียบสงบแม้แต่น้อย มีคนขนศพจำนวนมากเร่งฝีเท้าเดินกลับป้อม และคนเก็บกวาดสนามรบก็รีบเร่งกลับค่าย ทั้งยังมีบางส่วนที่ขนส่งเสบียงอีกด้วย ทหารที่รับหน้าที่ตัดไม้หาฝืนก็เริ่มกลับที่ของตนเช่นกัน
ลั่วถูเห็นกลุ่มนักรบเผ่ามนุษย์ลากรถที่ขนซากสัตว์ป่าจากทุกสารทิศทยอยกลับมา มีคนที่กลับมาจากป่า มีคนกลับมาจากที่รกร้าง มีทั้งคนที่กลับมาจากสนามรบ และมีคนที่เดินกลับมาจากแม่น้ำด้วยเช่นกัน… โดยรวมแล้ว่เวลาที่พระอาทิตย์ตกดิน เป็เวลาที่ป้อมปราการไม้วุ่นวายมากที่สุด ดูเหมือนทุกคนจะวุ่นวายกับการขนข้าวของเต็มมือกันเต็มไปหมด แต่ก็ยังปรากฏที่สีหน้าเป็ทุกข์อยู่ดี มีทหารที่าเ็ทั้งกอง ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ในสนามรบก็จริง ทว่าสัตว์ป่าเองก็อันตรายไม่แพ้กัน แถมยังมีเผ่าต่างๆ ที่มาล่าสัตว์เหมือนกันอีกด้วย
ในแผ่นดินต้นกำเนิดนี้อาชีพคนขนศพนับเป็อาชีพที่ต่ำต้อยแต่พวกเขากลับไม่ถูกพวกนักรบเลือกปฏิบัติแต่อย่างใด เพราะไม่มีนักรบคนไหนรู้ว่าหลังจากที่ตนก้าวเข้าสู่สนามรบแล้ว ตนจะรอดกลับมาได้ ดังนั้นสำหรับคนขนศพแล้ว อย่างน้อยในค่ายทหารนี้ก็ได้รับการดูแลบ้าง โดยเฉพาะหลังา การได้พาเพื่อนร่วมเผ่าที่ไปรบกลับบ้าน นับเป็เกียรติของพวกเขา
“ลั่วอูฐ!” เสียงแห่งความยินดีช่วยให้ลั่วถูตั้งสติและดึงตัวเองออกมาจากมิติพิศวงได้ในทันที ภาพเต่าลึกลับยังคงวนเวียนอยู่ในสมองของเขาไม่หยุด พลังอันหนาแน่นคอยประคับประคองให้ร่างกายของเขาดูดซับมันอย่างเชื่องช้า เ้าสิ่งนี้เองที่ทำให้เขาสามารถแบกศพที่หนักถึงหนึ่งร้อยกว่าจิน[2] จากศิลากำเนิดเทพกลับมาถึงค่ายทหารเป็ระยะทางกว่าร้อยลี้ได้ จะเรียกว่าปาฏิหาริย์ก็คงไม่ผิดนัก...
“อ๊ะ!” ลั่วถูได้สติกลับมาอีกครั้ง และหยุดโคจรปราณที่ได้รับมาจากภาพเต่าลึกลับแบกหินในทันที และกระอักเืเสียออกมาอีกครั้ง เืสีเทาเข้มส่งกลิ่นฉุนรุนแรง ในขณะที่เขาถอนจิตออกจากภาพมิตินั้นก็ราวกับเสาหลักที่คอยค้ำจุนต้านทานอาการาเ็ได้ถูกถอดออกไป ทำให้าแบนร่างแผลงฤทธิ์อีกครั้ง
“ลั่วอูฐ!” เสียงนั้นรีบรุดใกล้เข้ามา ลั่วถูมองเห็นใบหน้าที่เป็กังวล เขาคือซ่งตง ศิษย์จากสำนักจ๋าเสวียเหมือนกันและยังเลือกเป็อาชีพคนขนศพด้วยกันนั่นเอง
“ซ่งตง เจอหน้าเ้าทีไร ดูเหมือนข้าจะโชคร้ายไปเสียทุกที...” ลั่วถูยิ้มอย่างสลดใจ ถ้าหากบอกว่าเขายังมีเพื่อนละก็ ซ่งตงคือหนึ่งนั้น เมื่อเขาเห็นซ่งตงเขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ค่ายทหารก็อยู่ตรงหน้าแล้ว คงพอจะรักษาชีวิตน้อยๆ นี้ไว้ได้
“พูดไร้สาระให้มันน้อยๆ หน่อย ทำไมถึงาเ็ขนาดนี้… สีเทา… นะนี่เ้าถูกพิษมาร!” ซ่งตงรีบเข้าพยุงตัวลั่วถูไว้ กลับเห็นิับริเวณไหล่ของลั่วถูกลายเป็สีเทา สีของเืก็เป็เทาเข้ม จึงใอย่างช่วยไม่ได้
“อย่างเ้าคงไม่ยากจนถึงขนาดยาต้านมารก็ไม่มีปัญญาพกไปสนามรบหรอกนะ!” ซ่งตงรีบนำขวดหยกสีเทาออกจากกระเป๋า เทยาต้านมารออกมาหลายเม็ด และกรอกใส่ปากของลั่วถูทันทีโดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้พูดอะไร
“สหาย มาช่วยกันหน่อย...” ในขณะที่ซ่งตงป้อนยาให้ลั่วถู ก็ได้นักรบในละแวกนั้นช่วย นำถุงศพที่ลั่วถูแบกมาไปไว้บนรถที่ว่างเปล่าคันหนึ่ง
เมื่อถึงหน้าป้อมไม้ ไม่มีใครบังอาจขโมยผลงานกันในเวลาแบบนี้ นี่คือการให้เกียรติคนในเผ่าและให้เกียรติคนขนศพเช่นกัน ถ้ามีศพของบุคคลสำคัญที่ต้องส่งจากสนามรบกลับไปยังแผ่นดินต้นกำเนิด บนถนนจะมีแต่คนมายื้อแย่งกันทำภารกิจศพนี้ ทว่าในสนามรบแห่งนี้กลับไม่เกิดสถานการณ์เช่นนั้นขึ้น เพราะที่นี่คนส่วนมากเป็ทหาร หากบังเอิญเจอกับพวกนักล่ารางวัลระหว่างทางเข้า พ่อค้าไร้ยางอายพวกนั้นย่อมไม่ลังเลที่จะลงมือแย่งผลงานเป็แน่ แต่ในเมื่อค่ายทหารอยู่เบื้องหน้าแล้ว ลั่วถูกับซ่งตงไม่ต้องกังวลถึงปัญหานี้เลย
“เปล่าประโยชน์ ข้าหลงอุบายของเ้าลูกสุนัขเผ่ามารเข้า ยาต้านมารธรรมดาไม่มีประโยชน์แล้ว! พาข้าไปพบท่านหมอฉิงเถอะ” ลั่วถูยิ้มอย่างขมขื่น ยาของซ่งตงกับยาที่เขาเตรียมไว้คุณภาพไม่ต่างกันมาก ล้วนเป็ของราคาถูก เป็ยาระดับทั่วไป ยาต้านมารระดับสูงมีราคาสูงกว่ายาทั่วไปถึงสิบเท่า อย่างไรเสียคนขนศพมีใครบ้างที่ไม่ได้ทำเพราะตั้งใจเอาคะแนนความสำเร็จไปแลกกับยาเปิดิญญา ใครจะไปยอมเอาคะแนนมากถึงสิบเท่าไปแลกกับของอย่างยาต้านมารกัน
“ถึงอย่างนั้นเ้าก็ยังเดินกลับมาได้ ดูท่าคนอย่างเ้าจะยังไม่ถึงคราวตาย… ตอนนี้อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย!” ซ่งตงให้ลั่วถูขึ้นรถคันนั้น และเขาวิ่งตามอยู่ข้างหลัง
สำหรับคนขนศพที่ได้ลงทะเบียนไว้ ค่ายทหารก็ไม่ได้ละเลยขอเพียงมีป้ายคาดเอวก็เข้าไปได้ทันที อย่างไร้สิ่งกีดขวาง นักรบโดยทั่วไปจะเข้าใจหัวอกคนขนศพเป็อย่างดี โดยเฉพาะเมื่อพบคนขนศพที่าเ็กำลังแบกศพเพื่อนร่วมเผ่ากลับมา หากใครพอช่วยเหลือได้ ก็ไม่มีใครเกี่ยงลงมือ ดังนั้นซ่งตงจึงพยุงลั่วถูเข้าป้อมทันที หลังจากเข้าป้อมแล้ว ซ่งตงถือป้ายของลั่วถูไว้ นำถุงศพมอบให้หัวหน้ากองผู้เฝ้าประตูป้อม การทำเช่นนี่นับเป็การส่งภารกิจเรียบร้อยแล้วและคะแนนจะส่งให้เ้าของป้ายเอง แน่นอนว่าศพที่ส่งมอบผ่านหัวหน้ากอง รางวัลของหัวหน้ากองได้ส่วนแบ่งไปต้องไม่น้อยแน่ รางวัลที่ตระกูลของผู้ตายมอบให้ต้องแบ่งในหัวหน้ากองครึ่งหนึ่ง แต่เวลานี้ลั่วถูไม่มีทางเลือกแล้ว ที่เขามายังค่ายทหารก็เพราะ้าการคุ้มครองนั่นเอง เช่นนั้นก็มีแต่ต้องยอมถอยให้สักก้าว
……
สำหรับลั่วถูที่มีชีวิตกลับมาถึงป้อมทหารได้ ทำเอาท่านหมอฉิงประหลาดใจอย่างมาก จากที่เขาสังเกตพิษอยู่รอบนอกหัวใจของลั่วถู แม้พิษจะยังไม่เข้าสู่หัวใจ แต่ก็ส่งผลต่อหัวใจไม่น้อย ขอเพียงพิษมารยังไม่เข้าสู่หัวใจยาต้านมารขั้นสูงก็เพียงพอจะช่วยชีวิตน้อยๆ ของเขาได้
สถานการณ์ตรงหน้านี้แม้แต่ท่านหมอฉิงเองก็ยังคาดไม่ถึง เพราะดูราวกับว่ามีกำแพงล่องหนคอยขัดขวางไม่ให้พิษมารเข้าสู่หัวใจอยู่ หากช้าอีกเพียงนิดพิษมารคงเข้าสู่หัวใจไปแล้ว ถึงตอนนั้นลั่วถูคงไม่รอดแล้วจริงๆ ในสถานการณ์แบบนี้เขาพูดได้แค่ว่าลั่วถูโชคดีเหลือเกิน แต่สำหรับยาต้านมารระดับสูงนี้ ลั่วถูก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนไปไม่น้อยแพงระยับ การหาศพครั้งนี้นับว่าสูญเปล่าเสียแล้ว คะแนนส่วนนั้นถูกท่านหมอฉิงรับไปหมดแล้ว แต่นี่ก็เป็เื่ที่ช่วยไม่ได้ เพราะชีวิตสำคัญกว่ามากนัก อีกทั้งราคาของท่านหมอฉิงก็นับว่ายุติธรรมอย่างมาก ด้วยเหตุนี้จึงนับได้ว่าเขาคือขุนพลใหญ่ของเรือนพยาบาลประจำกองทัพนี้นั่นเอง
หลังจากได้กินยาต้านมารขั้นสูง ลั่วถูถูกซ่งตงพาตัวมาพักในศาลาเรียบง่ายแห่งหนึ่งที่มุมของค่ายทหาร ถึงแม้กองทัพจะไม่ได้ดูถูกคนขนศพ แต่คนขนศพก็มีตำแหน่งต่ำมาก อีกทั้งยังเป็คนธรรมดาทั้งหมด จึงแบ่งพื้นที่ตรงมุมหนึ่งของค่ายให้คนขนศพและคนงานของกองทัพอยู่รวมกันที่นั่น
ลั่วถูเหนื่อยมากจริงๆ ถึงจะจัดการเื่การรักษาได้แล้ว แต่ภายใต้การกัดกร่อนของพิษมาร เขาก็แทบจะทรุดตัวนอนลงโดยไม่สนว่าสภาพแวดล้อมจะแย่สักแค่ไหน เมื่อหัวถึงพื้นก็หลับลึกเสียจนฟ้ามืด นี่ทำให้ซ่งตงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อทรัพยากรพวกนั้น ลั่วถูยังโชคดีที่รอดกลับมาได้ แต่คนขนศพที่ออกไปคราวนี้ไม่ได้มีเพียงลั่วถูคนเดียวแต่อย่างใด ในาครั้งนี้ดูเหมือนมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้น จากที่เขารู้มา คนขนศพที่ออกไปหลายวันมานี้เกรงว่ากลับมาได้ไม่ถึงครึ่ง บางทีอาจมีบางส่วนที่ตายเพราะกับดักจากเผ่าอื่นเหมือนลั่วถู และยังมีบางส่วนที่ถูกสังหารโดยสัตว์ป่าเช่นกัน นี่คือความจริงอันโหดร้าย
แท้จริงแล้วซ่งตงทราบดีว่า สัตว์ป่ามากมายในาครั้งนี้ไม่ใช่สัตว์ที่มีต้นกำเนิดที่นี่ แต่เป็สัตว์ที่ผู้มีอำนาจจากโลกชั้นสูงเปิดประตูมิติส่งมันมา นี่คือสนามรบและในขณะเดียวกันก็เป็ลานฝึกฝนเช่นกัน พวกเขาทั้งล่าสัตว์และล่าชนต่างเผ่า บรรดาเผ่าในโลกชั้นสูงไม่ได้สนใจว่าลานฝึกฝนบนโลกชั้นล่างจะมีคนตายมากน้อยเท่าไร พวกเขาสนแค่ว่าหลังจากาจบลงจะสามารถสร้างนักรบชั้นสูงได้มากเท่าไร และพวกมดแมลงที่ยังเปิดิญญาไม่ได้แบบคนขนศพ ก็ไม่ถูกนับว่ามีชีวิตอยู่ั้แ่แรกแล้ว
ซ่งตงมองลั่วถูที่หลับลึกแต่ตัวเขาเองกลับเขาไม่ลง เพราะเขารู้ดีว่าคืนนี้เป็คืนที่ผิดปกติจากข่าวที่ผู้าุโในตระกูลส่งมา ตระกูลซ่งมีเครือข่ายใหญ่กว่าตระกูลลั่วมาก แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ใช่ลูกหลานสายตรงเหมือนลั่วถู ดังนั้นถึงแม้เขาจะมาจากตระกูลระดับหก ทว่ากลับไม่มีโอกาสเปิดิญญาครั้งที่ห้า ทำได้เพียงพยายามด้วยตัวเองที่โลกเบื้องล่างั้แ่เนิ่นๆ แม้จะเป็เช่นนั้นแต่เขากลับยังคงได้รับข่าวสารบางอย่างจากทางตระกูลได้อยู่ดี
“ลั่วถู เ้าไม่ควรมาที่ค่ายทหารนี้เลย...” ซ่งตงยิ้มด้วยความขมขื่นอย่างฉับพลัน แต่ถ้าลั่วถูมาไม่ถึงค่ายทหารนี่ ก็คงไม่รอดมาถึงตอนนี้...
________________________________________________________________________________________
[1] ลี้ คือ หน่วยวัดระยะทางของจีนโบราณ 1 ลี้เท่ากับประมาณ 500 เมตร
[2] จิน คือ หน่วยวัดน้ำหนักของจีน 1 จินเท่ากับ 500 กรัม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้