เนี่ยหลีมองเสิ่นซิ่วที่กำลังโกรธเป็ฟืนเป็ไฟ เขายิ้มบางๆ และกล่าว “อาจารย์เสิ่นซิ่วมีความรู้สูงส่งโดยแท้ หนังสือที่ไม่เคยเห็นก็บอกว่าไม่มีอยู่จริง มิใช่หมายความว่าอาจารย์เสิ่นซิ่วอ่านหนังสือมาหมดโลกแล้วหรอกหรือ?” เสิ่นซิ่วในชาติที่แล้วก็ไร้เหตุผลไม่น้อย
“หนังสืออัคคีสายฟ้า์รึ? ข้าจำได้แล้ว ดูเหมือนข้าจะยืมหนังสือเล่มนี้มาจากห้องสมุดอีกด้วย! นักเรียนจากครอบครัวสามัญคนหนึ่งพลันเริ่มพูดขึ้นเสียงดัง เขายืมหนังสือมาสามเล่ม หนึ่งในนั้นชื่อว่าหนังสืออัคคีสายฟ้า์ แต่เนื้อหาหลายอย่างในหนังสืออัคคีสายฟ้า์ยากเกินไป เขาอ่านไม่รู้เื่ ยังลืมคืนหนังสือเล่มนี้กลับไปอีกด้วย
เสียงพูดของนักเรียนจากครอบครัวสามัญผู้นั้นทำให้ใบหน้าของเสิ่นซิ่วดำคล้ำลงไปอีก
นักเรียนสามัญชนผู้นี้หยิบหนังสืออัคคีสายฟ้า์ขึ้นมาพลิกเปิด หนังสือเล่มนี้เป็ฉบับคัดลอก มิใช่ฉบับดั้งเดิม ถูกเขียนขึ้นด้วยภาษายุคอาณาจักรวายุเหมันต์ บทแรกถูกแปลไว้แล้ว ทว่าบทอื่นๆ ยังไม่ได้รับการแปล ภาษาจากสมัยอาณาจักรวายุเหมันต์ยุ่งยากซับซ้อนยิ่งนัก คนทั่วไปไม่อาจเข้าใจได้
คิดไม่ถึงว่าจะมีหนังสือเล่มนี้อยู่จริง กระทั่งรองอาจารย์ใหญ่เยี่ยเซิ่งกับอาจารย์หลีว์เย่ก็ยังได้แต่มองหน้ากันด้วยความแปลกใจ แม้พวกเขาเป็ถึงรองอาจารย์ใหญ่และอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิของโรงเรียนเซิ่งหลัน ทว่าห้องสมุดโรงเรียนเซิ่งหลันมีหนังสืออยู่นับแสนเล่ม หนังสือกว่าเก้าส่วนที่รวบรวมไว้มาจากยุคโบราณ แม้แต่พวกเขาก็ยังไม่กล้าพูดว่าพวกเขาสามารถขานชื่อหนังสือออกมาได้ทุกเล่ม ทั้งยังมีหนังสืออีกมากมายที่พวกเขาแปลไม่ออก
ในอดีตเนี่ยหลีท่องไปทั่วแผ่นดินใหญ่ รู้จักภาษาถึงเจ็ดภาษา ั้แ่ก้าวเท้าเข้าสู่ระดับตำนาน หนังสือทุกชนิดเพียงชำเลืองมองคราวเดียวก็อ่านได้ถึงสิบบรรทัดแล้ว อีกทั้งไม่ลืมเลือนเนื้อหาที่อ่านมานั้นอีก อีกทั้งเนี่ยหลียังอาศัยอยู่ในห้วงเวลาภายในหนังสือบันทึกจิตอสูรแห่งกาลเวลาอยู่นานนับร้อยปี อ่านหนังสือไปนับล้านเล่ม
ภาษายุคอาณาจักรวายุเหมันต์ สำหรับเนี่ยหลีแล้วไม่เป็อุปสรรคเลยแม้แต่น้อย
กระทั่งเยี่ยเซิ่งและผู้เฒ่าชุดเทาที่นั่งถัดหลีว์เย่ไปนั้น ต่างก็ทำสีหน้าประหลาด หนังสืออัคคีสายฟ้า์เล่มนั้นพวกเขาก็ไม่เคยอ่านมาก่อน
“เยี่ยเซิ่ง ส่งคนไปที่ห้องสมุดนำหนังสืออัคคีสายฟ้า์มาสิ!” ผู้เฒ่าชุดเทาสั่ง
“ขอรับ” เยี่ยเซิ่งหันมองหลีว์เย่ที่อยู่ถัดไป หลีว์เย่ไม่กล้าเพิกเฉย รีบพุ่งตัวออกไป
สายตาของนักเรียนทุกคนในชั้นพุ่งไปทางหนังสืออัคคีสายฟ้า์ในมือของนักเรียนสามัญชนผู้นั้น ไม่ว่าจะเป็เยี่ยจื่ออวิ๋นหรือเสิ่นเยวี่ย ทุกคนต่างแปลกใจ ในฐานะที่เป็เด็กจากครอบครัวชั้นสูง พวกนางอ่านหนังสือมาแล้วมากมาย ทว่าพวกนางกลับไม่เคยรู้ว่ามีหนังสือเช่นอัคคีสายฟ้า์อยู่ เพราะหนังสือเล่มนี้ห่างตัวเกินไป น้อยคนนักที่จะสนใจเรียนรู้มัน
เมืองกวงฮุยมียันต์ซึ่งมีรูปแบบสมบูรณ์ที่สุดอยู่สามรูปแบบ ได้แก่ วายุเหมันต์ อัคคี์ และยันต์นำทัพ แทบทุกคนศึกษายันต์ทั้งสามรูปแบบนี้ ยันต์อัคคีสายฟ้าสูญหายไปในระหว่างยุคมืดนานแล้ว เหลืออยู่ในหนังสือเพียงไม่กี่เล่ม เช่นหนังสืออัคคีสายฟ้า์ ทั้งหมดล้วนยังไม่ถูกแปล ดังนั้นจึงถูกวางไว้บนหิ้ง บางครั้งก็จะมีนักเรียนบางคนยืมมันไปศึกษา แต่เมื่อพบว่าตนไม่อาจเข้าใจเนื้อหาในหนังสือได้ พวกเขาย่อมต้องส่งมันกลับคืนทันที
“ไหนข้าดูหน่อยซิ หนังสืออัคคีสายฟ้า์บทที่เจ็ด” นักเรียนสามัญชนผู้นั้นเริ่มเปิดค้นหนังสือไปทั่ว หนังสืออัคคีสายฟ้า์เล่มนี้หนาหลายร้อยหน้า มีทั้งภาพทั้งตัวอักษร เต็มไปด้วยแผนภาพยันต์สายฟ้าทุกชนิด หลังจากบทที่หนึ่งไปก็ไม่มีคำแปลแล้ว ตัวหนังสือยุ่งยากซับซ้อนพวกนั้นแค่เห็นก็ทำให้ผู้คนปวดหัวแล้ว พอเปิดไปถึงบทที่เจ็ด ลำพังแค่บทที่เจ็ดก็มีรูปแบบยันต์อยู่นับร้อยรูป นักเรียนสามัญชนผู้นั้นเริ่มเปรียบเทียบกับภาพบนกระดานดำไปทีละภาพ มองหาภาพที่เหมือนกับยันต์ะเิเพลิงสีแดง
ทุกคนในชั้นเริ่มหมดความอดทน หาเช่นนี้เมื่อไหร่จึงจะพบ?
สีหน้าของเสิ่นซิ่วเย็นะเื “เดาว่าเ้าคงพบหนังสือเล่มนี้จากมุมใดมุมหนึ่งในห้องสมุดและไม่รู้ว่าในนั้นเขียนอะไรไว้บ้างก็มาพูดว่ายันต์ะเิเพลิงสีแดงเอามาจากหนังสือเล่มนี้ ไม่รู้จะเรียกว่าโอหังได้หรือไม่ บรรพชนตระกูลเสินเซิ่งของข้าถูกเ้าทำให้มีมลทิน หากเ้าหายันต์รูปนั้นไม่พบ ข้าจะไปที่หอพิพากษาศักดิ์สิทธิ์ฟ้องร้องว่าเ้าหยามเกียรติบรรพชนของข้า
เนี่ยหลีแสร้งทำเป็ยิ้มแล้วจ้องมองเสิ่นซิ่ว หัวเราะและก็พูดว่า “อาจารย์เสิ่นซิ่ว ท่านพูดเื่พวกนี้ช้าเกินไปหรือไม่ หนังสือเล่มนี้เป็หนังสือเก่าจากยุคอาณาจักรวายุเหมันต์ อายุกี่พันปีแล้ว ยังอายุมากกว่าบรรพชนคนแรกของตระกูลเสินเซิ่งเสียอีกมิใช่หรือ?”
“ไม่ผิด!” เสิ่นซิ่วพยักหน้า นี่เป็ข้อเท็จจริงที่ยากจะปฏิเสธ
“เช่นนั้นก็ง่ายแล้ว” เนี่ยหลีมองเด็กนักเรียนสามัญชนผู้นั้นและพูดว่า “พลิกหนังสืออัคคีสายฟ้า์บทที่เจ็ด นับจากท้ายบทขึ้นมาสามสิบหน้า แผนภาพลำดับที่หกบนหน้าที่สามสิบ เทียบกับยันต์ะเิเพลิงสีแดง”
เห็นใบหน้าเนี่ยหลีเต็มไปด้วยความมั่นใจ ในใจของเสิ่นซิ่วเคียดแค้นยิ่งนัก หากเนี่ยหลีค้นพบที่มาของยันต์ะเิเพลิงสีแดง นั่นย่อมกลายเป็ความด่างพร้อยของตระกูลเสินเซิ่ง เพราะตระกูลเสินเซิ่งเคยประกาศการประดิษฐ์รูปแบบยันต์ะเิเพลิงสีแดงและยันต์อื่นๆ อีกถึงสิบหกรูปแบบของบรรพชนต้นตระกูลซึ่งสร้างชื่อเสียงใหญ่หลวงให้กับตระกูลเสินเซิ่ง หากโลกภายนอกรับรู้ว่ายันต์ต่างๆ ของตระกูลเสินเซิ่งมาจากการลอกแบบจากหนังสือโบราณเล่มนี้ นั่นย่อมต้องเป็การทำลายชื่อเสียงของตระกูลเสินเซิ่งอย่างใหญ่หลวง
เห็นสีหน้าแฝงแววหวาดกลัวของเสิ่นซิ่ว เนี่ยหลีแอบยิ้มอย่างเ็า ชื่อเสียงของตระกูลเสินเซิ่งล้วนมาจากการถือครองรูปแบบยันต์อัคคีศักดิ์สิทธิ์ซึ่งสืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น ประดิษฐ์รูปแบบยันต์ขึ้นเองอะไรกัน พร์อันโดดเด่นที่ปกป้องเมืองกวงฮุยจากเหตุการณ์เลวร้ายอะไรกัน อันที่จริงตระกูลเสินเซิ่งก็เป็แค่พวกเสแสร้งตระกูลหนึ่งเท่านั้น!
ก่อนที่เมืองกวงฮุยในชาติก่อนจะถูกทำลาย ทุกครอบครัวล้วนต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของเมือง ตระกูลเสินเซิ่งรับผิดชอบเฝ้าประตูทางทิศตะวันตกของเมืองกวงฮุย แต่ระหว่างที่ากำลังดำเนินไปอย่างรุนแรง เพื่อที่จะถนอมกำลังของตน ตระกูลเสินเซิ่งให้นักสู้ทุกคนในครอบครัวหนีไปซ่อนตัวในูเาเซิ่งจู่ ทำให้ประตูทางทิศตะวันตกแตกพ่าย ทำให้อสูรวายุเหมันต์ดาหน้ากันเข้ามาในเมืองได้ เนี่ยหลียังจำได้ชัดเจน ปีนั้นอสูรวายุเหมันต์เข่นฆ่าชาวเมืองกวงฮุยอย่างโเี้
เนี่ยหลีและพวกที่เหลือไม่มีทางเลือก จำต้องทิ้งบ้านอพยพออกจากเมืองกวงฮุย!
หลังจากเกิดใหม่ เนี่ยหลีไม่มีความรู้สึกที่ดีต่อตระกูลเสินเซิ่งเลยแม้แต่น้อย
ในชีวิตหนนี้ ข้าจะให้ครอบครัวจอมเสแสร้งนี้ถูกลบออกไปจากเมืองกวงฮุยให้จงได้!
คิดอยากให้ตระกูลเสินเซิ่งถูกผู้คนทั้งเมืองกวงฮุยรังเกียจ ก่อนอื่นต้องเปิดเผยธาตุแท้ของครอบครัวจอมเสแสร้งนี้เสียก่อน!
“หน้าสามสิบ รูปแบบที่หกงั้นรึ?” นักเรียนสามัญชนผู้นั้นพึมพำ เมื่อได้คำแนะนำนั้น เขาก็พบภาพยันต์อัคคีสายฟ้าที่้าอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ย!” กลุ่มนักเรียนพากันส่งเสียงร้องด้วยความแปลกใจ รูปยันต์อัคคีสายฟ้าประกอบด้วยสองส่วน ส่วนหนึ่งมีลักษณะเหมือนยันต์ะเิเพลิงสีแดงไม่มีผิดเพี้ยน ยันต์ะเิเพลิงสีแดงดูซับซ้อนน้อยกว่ายันต์อัคคีสายฟ้า มีลักษณะเทียบเท่ากับครึ่งส่วนของมันพอดี
เนี่ยหลีพูดถูกจริงๆ
เสิ่นซิ่วกำหมัดแน่น ปลายนิ้วของนางซีดขาว เสิ่นเยวี่ยที่อยู่ในกลุ่มนักเรียนจ้องมองไปทางเนี่ยหลี แววตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เพราะเนี่ยหลีกำลังทำลายชื่อเสียงของตระกูลเสินเซิ่งของพวกมัน!
เนี่ยหลีย่อมสังเกตเห็นสีหน้าเป็ปรปักษ์ของเสิ่นซิ่วและเสิ่นเยวี่ย เขาหัวเราะอย่างเ็าคราหนึ่ง คนบ้านเสินเซิ่งล้วนเหมือนกันหมด ไม่ถามหาเหตุผลกับตนเอง เอาแต่กล่าวโทษผู้อื่น หากมิใช่พวกเ้าทำผิด ใยต้องกลัวว่าผู้อื่นจะเปิดโปงเล่า?
“ต่อให้บรรพชนของตระกูลเสินเซิ่งของข้าประดิษฐ์ยันต์ขึ้นจากยันต์อัคคีสายฟ้าแล้วจะเป็ไร?” เสิ่นซิ่วส่งเสียงฮึเ็าคราหนึ่ง
เนี่ยหลีหัวเราะฮาๆ และตอบ “อาจารย์เสิ่นซิ่ว ดูเหมือนท่านไม่คุ้นเคยกับจรรยาบรรณของผู้ควบคุมจิตอสูรดีนัก ท่าน้าให้ข้าอธิบายให้ฟังหรือไม่? จรรยาบรรณผู้ควบคุมจิตอสูรถ่ายทอดกันมาเป็เวลากว่าสามพันปีแล้ว ผู้ควบคุมจิตอสูรทุกคนล้วนต้องทำตามกฎเกณฑ์นี้ จรรยาบรรณผู้ควบคุมจิตอสูรบทที่หนึ่งร้อยหกสิบเอ็ด การคัดลอกยันต์จากผู้ควบคุมจิตอสูรผู้อื่นต้องระบุแหล่งที่มาให้ชัดเจนและไม่อาจกล่าวอ้างว่าเป็ของตนได้ นี่เป็จรรยาบรรณของผู้ควบคุมจิตอสูรช่หรือไม่!”
“เ้า... เ้า...” เสิ่นซิ่วโกรธจนตัวสั่น คำพูดของเนี่ยหลีช่างจี้ใจดำยิ่งนัก พูดตามตรงว่าตระกูลเสินเซิ่งไม่เคารพกฎเกณฑ์ของผู้ควบคุมจิตอสูรเลยแม้แต่น้อย ทว่าต่อให้เป็เช่นนี้ นางก็ไม่อาจปฏิเสธถ้อยคำของเนี่ยหลีได้
“หากเป็การอ้างอิง เรียนรู้จากรูปแบบยันต์อัคคีสายฟ้าเพื่อสร้างรูปแบบยันต์ของตนเอง เช่นนั้นก็แล้วไป อย่างไรก็ตาม บรรพชนของตระกูลเสินเซิ่งกลับฉวยเอาครึ่งหนึ่งของยันต์ออกมาตรงๆ ทั้งยังอวดอ้างว่าเป็ผู้ประดิษฐ์เอง นี่ออกจะไม่... ไม่เป็บรรพชนที่เลอะเลือนเกินไปหน่อยหรือ ความผิดก็คือความผิด หรือบรรพชนรุ่นแรกของตระกูลเสินเซิ่งจะมีเื่ลำบากใจอื่นที่มิอาจพูดออกมาได้?” เนี่ยหลีกระพริบตาปริบๆ พูดอย่างไร้เดียงสา
คำพูดของเนี่ยหลีเชือดเฉือนนัก กรีดลงบนจุดอ่อนของตระกูลเสินเซิ่งตรงๆ แต่ยังแสร้งทำเป็ไร้เดียงสา ทำให้เสิ่นซิ่วและเซิ่นเยวี่ยโกรธจนแทบอยากจะฆ่าใครสักคนได้เลย
พวกนักเรียนพากันกระซิบกระซาบถกประเด็น
“ที่แท้บรรพชนรุ่นแรกของตระกูลเสินเซิ่งก็เป็คนเช่นนี้”
“พูดกันว่าแม้ประมุขรุ่นแรกของตระกูลเสินเซิ่งจะเป็เพียงผู้ควบคุมจิตอสูรระดับทอง ในเื่การศึกษายันต์ เขาเป็ผู้เชี่ยวชาญที่สามารถประดิษฐ์ยันต์อัคคี์ได้มากมายหลายรูปแบบ ตระกูลเสินเซิ่งรับสืบทอดยันต์อัคคี์มาใช่หรือไม่?”
“ไม่คิดเลยว่ายันต์ะเิเพลิงสีแดงที่แท้ก็คัดลอกมาจากหนังสือโบราณเล่มหนึ่ง”
“ข้าอ่านบันทึกยันต์วายุเหมันต์ ยันต์ด้านในคัดลอกมาจากหนังสือโบราณ แต่พวกเขาระบุแหล่งที่มาเอาไว้เสมอ ไม่เคยอวดอ้างว่าเป็ผู้ประดิษฐ์เอง”
“นี่เป็จรรยาบรรณของผู้ควบคุมจิตอสูร ผู้ควบคุมจิตอสูรผู้สูงส่งทุกคนล้วนปฏิบัติตาม!” นักเรียนกลุ่มหนึ่งเริ่มสงสัย นักประดิษฐ์ยันต์ผู้ยิ่งใหญ่ในหัวใจของพวกมันกลับกลายเป็พวกนักต้มตุ๋นเพื่อชื่อเสียงอย่างนั้นหรือ?
ได้ยินข้อถกเถียง เสิ่นเยวี่ยยิ่งเคืองใจ เขาถือเนี่ยหลีเป็ศัตรูผู้หนึ่งไปแล้ว สีหน้าของเขาเขียวคล้ำ เขาพลันลุกขึ้นและพูด “เนี่ยหลี ตระกูลเสินเซิ่งของข้าสืบทอดกันมากว่าสามร้อยปีแล้ว พวกเราเป็หนึ่งในสามตระกูลหลักของเมืองกวงฮุย ไม่ใช่พวกที่มาจากครอบครัวธรรมดาสามัญเช่นพวกเ้า ยันต์ะเิเพลิงสีแดงนี้เป็ยันต์ที่อยู่ในบันทึกของท่านบรรพชนรุ่นแรกและไม่ได้ถูกประกาศออกมา ลูกหลานรุ่นต่อมาพบบันทึกของท่านบรรพชนรุ่นแรกนี้เข้า จึงคิดว่ามันถูกประดิษฐ์โดยท่านบรรพชนรุ่นแรก นี่ถือเป็เื่ปกติยิ่ง”
เนี่ยหลีมองเสิ่นเยวี่ย เ้าช่างสมกับเป็ลูกหลานตระกูลเสินเซิ่ง พูดจาคดเคี้ยว คำเดียวก็สามารถหาข้ออ้างเพื่อปัดความรับผิดชอบทิ้งได้!
เสิ่นเยวี่ยเน้นเสียงเข้มขณะพูดถึงคำว่า “ตระกูลหลัก” และชี้ชัดว่าเนี่ยหลีเป็เพียงคนในครอบครัวชั้นสูงปลายแถว บ่งบอกเจตนาชัดเจน หากเนี่ยหลียังไล่ไม่เลิก เช่นนั้นตระกูลเสินเซิ่งซึ่งเป็หนึ่งในตระกูลหลักย่อมต้องไม่ปล่อยเขาไว้เป็แน่
สำหรับเสิ่นเยวี่ยผู้นี้ เนี่ยหลีก็ดูแคลนเขายิ่งนัก ในอดีต เสิ่นเยวี่ยและเยี่ยจื่ออวิ๋นกำลังจะหมั้นหมายกันในไม่ช้า อย่างไรก็ตาม เมื่อหายนะมาเยือน เสิ่นเยวี่ยกลับชิงหนีไปเสียก่อน ได้ยินคำพูดของเสิ่นเยวี่ย เนี่ยหลียิ่งอารมณ์เสียยิ่งนัก
“นักเรียนเสิ่นเยวี่ยโอหังไม่น้อย โชคดี เมืองกวงฮุยมีกฎหมายเคร่งครัด ไม่เช่นนั้นข้าคงต้องกลัวว่าตระกูลเสินเซิ่งคิดจะจัดการข้า...” เนี่ยหลีเหมือนหมูตายไม่กลัวน้ำร้อน กระพริบตาปริบๆ พูด “เชื่อว่าตระกูลยิ่งใหญ่เช่นตระกูลเสินเซิ่งคงต้องช่วยดูแลความปลอดภัยให้ข้าอยู่แล้ว หาไม่ หากข้ามีปัญหาอันใด เกรงว่าตระกูลเสินเซิ่งคงเลี่ยงไม่พ้นความด่างพร้อย”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้