ตอนที่เจียงไป๋ตื่นขึ้นมา ก็เป็ตอนเที่ยงของวันแล้ว
เมื่อวานตอนเย็นอู่เทียนซีถูกลูกสมุนของเขาหามกลับไป เลขาฯของเขาจางหยางเปิดห้องให้เจียงไป๋เรียบร้อย และก็อยู่ที่ภัตตาคารอาหารปินไห่แห่งนี้
จริงๆ แล้วอู่เทียนซีก็ไม่ได้ไปไหน แต่พักอยู่ห้องข้างๆ สาวสวยสี่คนเดิมทีจัดไว้ห้องละสองคน แต่น่าเสียดายไม่ว่าจะเป็เจียงไป๋ หรือว่าอู่เทียนซีก็ล้วนมีใจแต่ไร้เรี่ยวแรง
เจียงไป๋บิดี้เี นวดบริเวณหัว แล้วอาบน้ำสวมเสื้อผ้าออกจากห้องไป
ทางด้านจางหยางก็รออยู่หน้าประตูแล้ว “คุณเจียงคุณตื่นแล้ว เื่นั้น … เถ้าแก่ยังไม่ตื่น ไม่อย่างนั้น … คุณทานอะไรสักหน่อยก่อนไหม?”
ตอนที่พูด จางหยางเคอะเขินอยู่บ้าง ในขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยความเลื่อมใส
เมื่อวานเจียงไป๋ทำให้เขาหวั่นไหวมากเหลือเกินจริงๆ ทำให้เขาที่ยืนอยู่ด้านนอกประตูในเวลานั้นตะลึงงันไปเลยทีเดียว
แค่พริบตาเดียวมือปืนยี่สิบสามสิบคนต่างล้มลง ทั้งตายและาเ็มากมาย ช่างน่าใกว่าดูหนังฟอร์มั์ของอเมริกา โดยเฉพาะท่าทางที่เผชิญหน้ากับมือปืนไรเฟิลซุ่มยิง ูเาไท่ชานจะถล่มอยู่ตรงหน้าแต่สีหน้าก็ไม่เปลี่ยน ยิ่งทำให้ผู้คนอุทานอย่างเลื่อมใส
ต่อมาท่าทางที่ดื่มเหล้ากับอู่เทียนซีอย่างกล้าได้กล้าเสียนั้น ยิ่งทำให้จางหยางใ เขาไม่เคยเห็นว่าจะมีใครคอแข็งพอๆ กับอู่เทียนซี แต่เจียงไป๋ไม่ใช่แค่พอฟัดพอเหวี่ยง เขายังมอมอู่เทียนซีจนเมาหมอบ และตอนนี้ก็ยังไม่ตื่นเลย
สำหรับเจียงไป๋แน่นอนว่าเคารพอย่างหาที่สุดมิได้
“พี่อู่ยังไม่ตื่นหรือ? ได้ ฉันไปทานอะไรก่อน”
เมื่อเจียงไป๋ได้ยินคำนี้ก็หัวเราะเสียงดัง แล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจ
ล้อเล่นน่า นั่นก็เหล้าขาวมากมายเลย ดื่มหมดไปในคราวเดียว คนปกติหากไม่ตาย ก็สาหัสมากแล้ว อู่เทียนซีจะนอนยาวอีกสักหน่อยก็เข้าใจได้
เมื่อกินข้าวเสร็จ ก็บ่ายโมงกว่าแล้ว เจียงไป๋รออีกสักครู่ แต่ก็พบว่าอู่เทียนซียังไม่ตื่น ทำได้แค่เลือกที่จะอำลา
เื่ราวก็จัดการเรียบร้อยแล้ว เขาไม่อยากอยู่ที่นี่นานนัก ไม่เช่นนั้นแล้ว ด้วยความเข้าใจที่เมื่อวานเขามีต่ออู่เทียนซี คนที่ไม่ยอมแพ้คนพอตื่นขึ้นมาแล้ว เื่นี้ก็ต้องไม่จบแน่นอน และยังต้องดื่มอีก
ดังนั้น …
เจียงไป๋เลือกที่จะหนีรอดเป็ยอดดี ทักทายกับจางหยางสักหน่อยแล้วก็ตรงไปขึ้นเครื่องบินกลับเทียนตู
เพิ่งจะลงเครื่องบินมา ทางอู่เทียนซีก็โทรศัพท์มาหาแล้ว เขาทักทายปราศรัยและฝืนยิ้มอยู่พักหนึ่ง
อีกฝ่ายเป็อย่างที่เจียงไป๋คิด ไม่ยอมแพ้ เอาแต่พูดว่าเมื่อวานร่างกายไม่ค่อยอำนวย ้าให้เจียงไป๋ไปแข่งกันอีกสักครั้ง
เจียงไป๋รีบหาเหตุผลปฏิเสธ แต่เสียดายที่อีกฝ่ายยังคงเซ้าซี้ไม่จบไม่สิ้น จนทำให้เจียงไป๋ฝืนยิ้มอยู่อย่างนั้น และทำได้แค่รับปากไป หากมีเวลาก็จะไปปินไห่อีก ไม่เมาไม่เลิก
เจียงไป๋ที่กลับมาบ้านอย่างเหนื่อยสายตัวแทบขาดก็ล้มตัวลงนอนทันที เขาที่โล่งใจสุดๆ ก็นอนหลับไปอีกคืนหนึ่ง จนกระทั่งเช้าของอีกวันเพิ่งจะตื่นขึ้น
มองดูนาฬิกาเพิ่งจะหกโมงกว่า เจียงไป๋เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไปวิ่งรอบหนึ่ง ก่อนจะกินข้าวเช้า เมื่อเขากลับถึงบ้านก็ได้รับสายจากหวงชาน “เ้าพ่อเจียง เื่ทางปินไห่จัดการเรียบร้อย เย็นวันก่อนก็ได้รับสายแล้ว ผมจึงจัดการเื่อย่างไม่รอช้า และรีบโทรศัพท์มาหาคุณ คุณเก่งจริงๆ เพื่อนของผมที่อยู่ทางนั้นบอกว่า อู่เทียนซีถูกคุณจัดการจนอยู่หมัด และจัดการอู่เทียนซีเพียงคนเดียว หลังจากนั้นก็มอมเหล้าเขาจนเมาหมอบบนโต๊ะอาหาร ไม่ได้สติหนึ่งวันหนึ่งคืนเลยหรือ?”
“เหอะๆ จัดการแล้วก็ดี”
เจียงไป๋หัวเราะเบาๆ และก็ไม่เซ้าซี้ปัญหานี้อีก
เื่ในปินไห่ใหญ่โตเสียอย่างนั้น อยากจะปิดก็ปิดไม่มิด เจียงไป๋เองก็เข้าใจจุดนี้ แน่นอนว่าไม่ได้เซ้าซี้อะไรมากเกินไป เขาหัวเราะเบาๆ ก็ถือว่าได้รับมือแล้ว
“คุณวางใจ ของส่งออกไปแล้ว ภายในหนึ่งเดือนกว่าผมจะต้องจัดการเื่ให้เรียบร้อย ไม่นานเงินก็จะเข้าบัญชีแล้ว”
ทางหวงชานโทรศัพท์มาหา เป็ธรรมดาที่จะไม่พูดแค่นี้
เื่ที่ปินไห่ก็จัดการแล้ว เขานอกจากจะซาบซึ้งบุญคุณแล้ว แน่นอนว่าต้องจัดการเื่ที่รับปากไว้ให้เรียบร้อย ไม่อย่างนั้น เขาหวงชานก็ไม่ต้องอยู่แล้ว บุคคลอย่างอู่เทียนซีก็ล้วนถูกเจียงไป๋จัดการ ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเป็เขาล่ะ? ในเมืองกูซูเขาก็ถือว่าเป็คนใหญ่คนโต แต่ในสายตาของคนอย่างอู่เทียนซีและจ้าวอู๋จี๋ เกรงว่าแม้แต่มดตัวน้อยๆ ก็เทียบไม่ได้ จะกล้าใช้ลูกไม้ “ข้ามสะพานไปแล้วก็รื้อออก” กับเจียงไป๋ได้อย่างไร? นอกจากว่าเขาเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้ว
จริงๆ แล้ว ไม่ใช่แค่หวงชาน คนมากมายก็ได้รับข่าวนี้แล้ว
อู่เทียนซีไม่ใช่จางฉางเกิง จางฉางเกิงเรียกลมเรียกฝนอยู่ในเทียนตูได้ แต่หากเป็ทั้งประเทศก็เป็ได้แค่อันดับสอง ในสายตาของคนใหญ่คนโตที่แท้จริงก็ออกหน้าออกตาไม่ได้
แต่อู่เทียนซีไม่เหมือนกัน นั่นคือหนึ่งในคนส่วนน้อยที่อยู่จุดสุดยอดที่สุด เป็คนใหญ่คนโตที่สามารถแข่งกับจ้าวอู๋จี๋ หลี่ชิงตี้ ท่านชายน่าหลาน ฯลฯ คือคนที่เรียกลมเรียกฝนได้อย่างแท้จริง
หากเขาปริปากว่าจะต่อกรกับหวงชาน โดยไม่เสียดายที่จะลงมือเอง แต่เจียงไป๋ก็ไปที่ปินไห่รังของอู่เทียนซีมาแล้วรอบหนึ่ง และก็ฉีกหน้าอู่เทียนซีแล้ว บีบจนอู่เทียนซีต้องปล่อยของของหวงชาน นี่ก็เป็การก้มหน้ายอมแพ้แล้ว
ยิ่งทำให้อู่เทียนซีที่เรียกได้ว่าเป็บุรุษแห่งสุราเมาหมอบลงใต้โต๊ะ นี่เป็เื่ที่สั่นะเืมากแน่นอน อยากจะปิดก็ปิดไม่มิด
ยิ่งไปกว่านั้นทางด้านอู่เทียนซี ยิ่งไม่มีความคิดที่จะปิดบัง วันที่สอง เื่นี้ก็เล่าลือกันไปทั่วแล้ว ผู้คนต่างก็รู้กันว่าอู่เทียนซีเสียเปรียบให้เจียงไป๋แล้ว แน่นอนว่าแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว แต่คนที่มีความเกี่ยวข้องอยู่บ้างต่างก็รู้เื่นี้กันแล้ว
ชื่อเสียงของเจียงไป๋ดังไปทั่วหัวเซี่ยเป็ครั้งแรก โดยเฉพาะคนใหญ่คนโตในเทียนตูกับเหอเป่ยและทุกๆ มณฑล เมื่อพูดถึงเจียงไป๋ก็ต้องยกนิ้วให้ และเรียกอย่างเคารพว่า “เ้าพ่อเจียง”
แต่เื่เหล่านี้เจียงไป๋ล้วนไม่รู้ ถึงจะรู้ เกรงว่าจะไม่สนใจ การเรียกขานอย่างนี้มักทำให้รู้สึกว่าไม่ค่อยชอบเท่าไร เมื่อเทียบกันแล้วเจียงไป๋ยิ่งชอบให้ผู้คนเรียกเขาว่า “คุณเจียง” มากกว่า
“ได้ ทุกอย่างมอบให้นายจัดการ”
หลังจากที่เจียงไป๋ตอบกลับอย่างยิ้มแย้มก็วางสาย
และโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก หวางเป้า ฉวีเจี๋ย จางฉางเกิง หม่าฉางหยาง อู๋จง … ทยอยกันโทรศัพท์มาหา มีบางคนยินดี บางคนชมเชย บางคนสอบถาม
หลังจากที่เจียงไป๋รับมือไปทีละคนแล้ว พอดูนาฬิกาก็สิบโมงกว่าแล้ว
“พี่ชาย ฉันสอบเสร็จแล้ว … ”
เวลานี้ในโทรศัพท์มือถือของเจียงไป๋ก็มีข้อความเด้งขึ้นมา
คือจู้ซินซินสาวน้อยผมหางม้า เนื้อหาง่ายๆ สั้นๆ แต่ก็มีความหมายมากมาย
สำหรับหญิงสาวคนนี้ เจียงไป๋ยังคงพึงพอใจมาก แน่นอนว่าเชื่อใจ ดังนั้นเื่บางเื่ก็ไม่จำเป็ต้องหลบ
แน่นอนว่าปัญหาหลักคือเจียงไป๋ไม่มีใบขับขี่ …
สักพักเสี่ยวเทียนก็รีบมา ทั้งสองคนขับรถตรงไปที่โรงเรียนมัธยมห้าสิบหกเทียนตู พอถึงหน้าประตูโรงเรียนก็พบว่ายังไม่เลิกเรียน เจียงไป๋กำชับให้เสี่ยวเทียนขับไปไกลสักหน่อยแล้วเขาก็ลงจากรถ
เจียงไป๋ยืนจุดบุหรี่หนึ่งมวนอยู่หน้าประตูโรงเรียน และก็พิงกำแพงที่อยู่ไม่ไกลจากประตูโรงเรียน เขารออยู่อย่างเงียบๆ
บุหรี่ก็เป็บุหรี่ที่ก่อนหน้านี้อู่เทียนซีให้มา
พูดจริงๆ บุหรี่ที่ให้เป็พิเศษนี้สูบสบายกว่ายี่ห้อหงถ่าชานราคาเจ็ดหยวนของเขามาก และนี่ก็ทำให้เจียงไป๋แอบเสียใจ ก่อนที่เขาจะไปทำไมถึงไม่รอถามเื่บุหรี่กับอีกฝ่ายก่อน …
เขาลืมไปเลย มัวแต่กลัวว่าเมื่อเ้านั่นตื่นมาแล้วจะดื่มเหล้ากับเขาต่อ จึงรีบหนีออกมาก่อน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้