โดยสรุปแล้ว ในตอนนั้นฮวาเหยียนได้ตัดสินใจแล้ว!
ในชีวิตนี้ ตราบใดที่นางยังเป็แม่นางอันเหยียนแห่งตระกูลมู่ พี่สะใภ้ของนาง ภรรยาของพี่ชายที่นางให้การยอมรับจะต้องเป็มู่เฉิงอินเท่านั้น!
“น้องหญิง เวลาผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว แต่พวกเราเอาแต่คุยเื่ของข้า แล้วน้องหญิงเล่า? เข้าพิธีดูตัวหรือยัง มีคนในใจแล้วหรือไม่? ”
"หา? "
จู่ๆ มู่เฉิงอินก็ถามออกมา ฮวาเหยียนจึงอึ้งและตะลึงไปพักหนึ่ง ก่อนที่จะส่ายหัว "น้องยังไม่ได้คุยเื่การแต่งงานเลย รวมถึงยังไม่มีคนในใจด้วยเ้าค่ะ"
คนสำคัญในใจของข้าคือท่านพ่อมู่ ลูกชายตัวน้อยของข้า พี่ใหญ่ของข้า แล้วก็ยังมีท่านด้วยอีกคน...
พวกท่านทั้งหมดคือคนสำคัญในใจของข้า ดีหรือไม่
“อ่า เช่นนั้นน้องหญิงชื่นชอบบุรุษเช่นไรเล่า? ”
อาจเป็เพราะว่าความหดหู่ในใจได้รับการปัดเป่าแล้ว ในตอนนี้ทุกคนต่างผ่อนคลายความตึงเครียดลง ดังนั้นมู่เฉิงอินจึงสนใจหัวข้อคนในใจของฮวาเหยียนเป็อย่างยิ่ง นางจ้องมองไปที่น้องหญิงด้วยรอยยิ้ม
แม้แต่สาวใช้นามหลิงหลงเองก็มีดวงตาทอประกายสดใส ท่าทางเต็มไปด้วยความคาดหวังเต็มที่
"เอ่อ…"
ฮวาเหยียนยกมือขึ้นเพื่อจับคาง ไม่มีใครเคยถามคำถามนี้กับนางมาก่อน นางโตมาขนาดนี้แล้ว แต่ไม่เคยมีความรู้สึกชมชอบผู้ใดเลย มักจะอยู่ตามลำพังอยู่เสมอ อยู่คนเดียวและเดินคนเดียว เื่ของคนในใจ นางไม่เคยมีมาก่อน และไม่เคยคิดถึงมาก่อนด้วย
นางไม่รู้ว่าการชอบใครสักคนนั้นให้ความรู้สึกอย่างไร
“พี่หญิงมู่ ความรู้สึกที่ชอบใครสักคนเป็อย่างไรหรือ? ”
ทันใดนั้นฮวาเหยียนก็ส่งเสียงถามออกมา
นางสงสัยใคร่รู้ขึ้นมาแล้วจริงๆ
เมื่อสักครู่ตอนที่มู่เฉิงอินพูดถึงพี่ชายคนโตของนาง ดวงตาของหญิงสาวทอประกายหลากหลายอารมณ์ ในตอนแรกสุดเป็ความเศร้าโศกเสียใจ ขุ่นเคือง ก่อนจะตามมาด้วยความสุขแม้จะระมัดระวัง และสุดท้ายก็คือความเข้มแข็ง...
เมื่อมู่เฉิงอินได้ยินคำพูดของฮวาเหยียน นางเงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะเห็นว่าดวงตาของฮวาเหยียนเต็มไปด้วยความอยากรู้ เป็สายตาแห่งความอยากรู้อยากเห็น ในเวลานี้ั์ตาคู่สวยคู่นั้นทอประกายชัดเจนยิ่ง
ดังนั้นมู่เฉิงอินจึงเข้าใจแล้ว นี่คือแม่นางที่มีความว่างเปล่าทางด้านอารมณ์ ใสสะอาดราวกับกระดาษเปล่าสีขาว เหมือนกับตัวนางตอนที่ยังไม่เคยได้พบกับบุตรชายคนโตแห่งตระกูลมู่
มู่เฉิงอินก้มศีรษะลงเม้มริมฝีปากยิ้ม ส่ายหัวไม่กล่าวสิ่งใด
“พี่หญิงมู่ ท่านกล่าวอันใดสักคำเถิดเ้าค่ะ ท่านหัวเราะอันใดหรือ ตกลงแล้วความรู้สึกที่ชอบใครสักคนนั้นเป็เช่นไรหรือเ้าคะ? ”
เมื่อเห็นมู่เฉิงอินหัวเราะแต่ไม่กล่าวอันใดสักคำ ฮวาเหยียนจึงถามขึ้นมาอีกครั้ง และนางก็ได้ฟังมู่เฉิงอินกล่าวว่า “การชอบใครสักคนน่ะหรือ เป็การที่กลางวันคิดถึงกลางคืนคะนึงหา ไม่ว่าจะดึงลำไส้ห้อยท้อง [1] หรือความปรารถนารุนแรง ผูกพันเกี่ยวเนื่องกับจิตใจ... คือการที่เมื่อได้พบก็ยินดีนัก เมื่อไม่พบก็ให้คิดถึงยิ่งนัก โดยสรุปแล้ว หากน้องหญิงได้เจอคนที่ชอบแล้ว เ้าก็จะเข้าใจได้เองนั่นแหละ...! "
ขณะที่มู่เฉิงอินกล่าวคำเหล่านี้ ใบหน้าของนางแสดงออกถึงความรู้สึกหวานล้ำที่ไม่อาจปกปิดได้ ฮวาเหยียนมองแล้วรู้สึกอับจนคำพูด เป็อย่างนั้นหรือ? การชอบใครสักคนจะยุ่งยากอะไรขนาดนั้น วันทั้งวันไม่เป็อันทำอันใด สุดท้ายก็ต้องกลับไปคิดถึงซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างนั้นหรือ?
“อ่า เช่นนั้นข้าก็ไม่อยากมีคนในใจแล้ว…”
ฮวาเหยียนส่ายหัว
คำพูดนี้ทำให้ทั้งมู่เฉิงอินและหลิงหลงหัวเราะออกมา
“น้องหญิง เ้าชอบล้อข้าเล่นนัก หรือว่าั้แ่เล็กจนโตเ้าไม่เคยคิดจินตนาการถึงคนในใจในอนาคตของเ้าว่าจะมีรูปร่างหน้าตาเป็เช่นไรมาก่อนหรือ? ”
เมื่อได้ยินคำถามของมู่เฉิงอิน ฮวาเหยียนก็หยุดไปครู่หนึ่ง นางลูบคางและกะพริบตาปริบๆ ทันใดนั้นก็เปลี่ยนท่าทางเป็เรียบร้อยน่ารักกระแทกใจคน “ก็มิใช่ว่าข้าไม่เคยคิดถึงเื่นี้มาก่อน ข้าเคยคิดอยู่ครั้งหนึ่ง...”
"เป็เช่นไรหรือ? "
มู่เฉิงอินถาม มุมปากของนางประดับด้วยรอยยิ้ม ดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้
หลิงหลงเองก็กำลังเงี่ยหูฟังอยู่
เป็เ้านายและสาวใช้ที่ได้ฟังสิ่งที่ฮวาเหยียนเปิดปากกล่าว “คนในใจของข้าในอนาคต เขาเป็คนที่รักความสะอาดที่สุดในใต้หล้า มีลักษณะที่น่าทึ่งที่สุด อาภรณ์สีขาวราวกับหิมะ บริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์และไร้ที่ติ สามารถทำให้ท้องนภาเปลี่ยนสี และทำให้ทุกสรรพสิ่งรู้สึกละอายใจ"
"อ่า…"
"ว้าว…"
ฮวาเหยียนกล่าวด้วยท่าทางจริงจัง ั์ตาของนางทอประกายแน่วแน่เป็อย่างยิ่ง แสงอาทิตย์จากนอกหน้าต่างส่องกระทบเข้าที่ร่างของนาง ในเวลานี้อารมณ์ของนางมั่นคงเรียบง่ายไม่แยแสจึงทำให้ภาพนี้สวยงามราวกับรูปวาด
“นั่น นั่นคือท่านเทพเซียนแล้วกระมัง คนที่แม่นางเหยียนชมชอบต้องเป็ท่านเทพเซียนเป็แน่ ใต้หล้านี้จะหาคนเช่นนี้ได้จากที่ใดกัน? ”
เมื่อหลิงหลงได้ยินคำพูดของฮวาเหยียน ก็ปรากฏภาพขึ้นมาท่ามกลางท้องทะเลแห่งความคิดโดยอัตโนมัติ ราวกับว่านางไม่เคยได้พบพานกับชายหนุ่มที่แม่นางเหยียนพรรณนาถึง เช่นนั้นเขาผู้นั้นก็ต้องเป็ท่านเทพเซียนเป็แน่
"ฮ่าฮ่า ใช่แล้ว คนในใจของข้าคือท่านเทพเซียน"
ฮวาเหยียนหัวเราะขึ้นมาสองเสียง
เพียงแต่ประโยคเช่นนี้ถูกกล่าวขึ้นมาอย่างสนิทสนมท่ามกลางเหล่าพี่สาวและน้องสาว ทั้งสามหัวเราะด้วยกัน
ในเวลานั้น ไม่มีผู้ใดคาดคิด แม้แต่ฮวาเหยียนเองก็คงไม่สามารถคาดเดาได้ว่าคำพูดของนางในวันนี้จะกลายเป็คำทำนายในอนาคต นางจะได้พบกับชายที่เหมือนกับท่านเทพเซียนผู้นั้น ร่วมใช้ชีวิตกับเขา ผ่านทั้งสุขและทุกข์จริงๆ
ด้านนี้ฮวาเหยียนและมู่เฉิงอินกำลังพูดคุยกันอย่างถูกคอ ในขณะเดียวกันมู่เสวียนเย่ก็รีบเดินทางไปยังจวนตระกูลเจียงหลังจากที่ได้รับจดหมายจากเสี่ยวไป๋ ถึงแม้เขาจะทราบดีว่าท่านพ่อของตนไม่แน่ว่าอาจจะถูกเอาเปรียบ แต่เมื่อได้รับข้อความจากน้องหญิง เขายังคงจะหาคนมาทำหน้าที่แทนและรีบพุ่งมาเพื่อเป็กำลังสนับสนุน
แต่ระหว่างทางที่เขาผ่านมา ล้วนได้ยินข่าวลือมั่วซั่วเต็มไปหมด?
หยวนเป่าเป็หลานชายแห่งจวนตระกูลเจียง? เป็บุตรชายของเจียงจือฮ่าว? นี่มันไม่ใช่เื่ที่พูดไปเรื่อยไม่มีหลักฐานหรือ?
เขาถามคนที่สัญจรไปมาจึงทราบว่าท่านพ่อได้พาคนกลับไปแล้ว อีกทั้งยังเป็การพุ่งทะยานรีบร้อนกลับตระกูลอีก แต่เขากลับไม่คิดว่าท่านพ่อจะไม่อยู่ที่จวน น้องหญิงเองก็ไม่อยู่ คนที่อยู่รอต้อนรับเขากลับเป็เ้าหลานชายตัวน้อยหยวนเป่า
ดูเหมือนเ้าตัวเล็กจะรอเขานานแล้ว อ่างน้ำแข็งในจวนถูกวางทิ้งไว้สักระยะหนึ่งและมันก็เย็นเฉียบ บนโต๊ะมีผลไม้แตงโมแช่เย็น ทันทีที่เขาก้าวข้ามประตูเข้ามา พ่อบ้านลุงหวังก็พาเขามาที่นี่
มู่เสวียนเย่ถอดเสื้อคลุมของเขาออก จิบชาสมุนไพรเย็นๆ ยังไม่ทันที่เขาจะเปิดปากพูด ก็ได้ยินหยวนเป่าบอกว่า "หยวนเป่าทราบว่าท่านลุงใหญ่้าจะถามอันใด ท่านลุงใหญ่ไม่ต้องรีบร้อน กินแตงผลไม้ และให้หยวนเป่าพูดให้ท่านลุงใหญ่ฟังช้าๆ นะขอรับ”
เ้าตัวน้อยคนนี้ไม่รอให้มู่เสวียนเย่กล่าวอะไรสักคำ หยวนเป่าก็ได้อธิบายเื่ราวทั้งหมดทั้งก่อนและหลังอย่างชัดเจนยิ่ง มู่เสวียนเย่ฟังจนตกตะลึงตาค้างอ้าปากหวอ
“ดังนั้น ท่านแม่ทัพเหล่ยถิงแห่งตระกูลเจียงจึงเข้าใจผิดคิดว่าเ้าเป็ทายาทของตระกูลเจียงของพวกเขาเช่นนั้นหรือ? ”
ในตอนนั้นใบหน้าของมู่เสวียนเย่ปรากฏท่าทางทำอันใดไม่ถูกที่ยากจะพบเห็น
“อืม ทำให้ท่านปู่กับท่านแม่โกรธแทบตายน่ะขอรับ จะอธิบายเยี่ยงไรเขาก็ไม่รับฟังเลยสักนิด ตอนนั้นมีผู้ชมอยู่ไม่น้อยเลย ถึงแม้ว่าท่านปู่จะปฏิเสธข่าวลือนี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้จะข่าวจะถูกแพร่ไปเป็เช่นไรแล้ว"
หยวนเป่าน้อยถอนหายใจเฮือก ท่าทางเขาดูเหมือนกับผู้ใหญ่ตัวน้อย
มู่เสวียนเย่สูญเสียรอยยิ้ม เขาส่ายหัวไปมา “ไม่เป็ไร หยวนเป่าน้อย ข่าวลือหยุดอยู่ที่นักปราชญ์ พวกเราเลิกสนใจมันได้แล้ว”
มู่เสวียนเย่ลูบหัวหยวนเป่า ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความรักและอาทร
แต่เขากลับไม่เห็นดวงตาที่กำลังตรึกตรองของหยวนเป่าน้อยนั้นกระตุกยิกๆ
เขากำลังคิดอะไรอยู่งั้นหรือ? กำลังคิดว่าจะพูดกับท่านลุงใหญ่อย่างไรดีน่ะสิ
“ยังมีอีกเื่หนึ่ง ท่านลุงใหญ่ ท่านตาถูกฮ่องเต้เรียกเข้าไปพบในวังแล้วขอรับ...”
หยวนเป่าน้อยจู่ๆ ก็กล่าวขึ้น
“เกิดเื่อันใดขึ้น? หยวนเป่า เ้ารู้หรือไม่? ”
มู่เสวียนเย่ถามออกไปโดยไม่รู้ตัว
เขาเห็นหยวนเป่าน้อยะโลงจากเก้าอี้ เอนตัวมาตรงหน้าเขา กระแอมไอในลำคอ ก่อนจะพูดอย่างเฉียบขาดว่า “หยวนเป่าเองก็ไม่ทราบว่าเกิดเื่อันใดขึ้น แต่ข้าได้ยินความเห็นของท่านแม่และท่านตา เกรงว่าเื่นี้จะเกี่ยวข้องกับท่านลุงใหญ่ขอรับ”
“เกี่ยวข้องกับข้า? ”
ใบหน้าของมู่เสวียนเย่งุนงง
“อืม จากการวิเคราะห์ของท่านแม่ ข้าเกรงว่าฮ่องเต้้าจะมอบราชโองการอภิเษกสมรสให้แก่ท่าน ดังนั้นจึงเรียกท่านตาเข้าวังไปสอบถาม…”
"อะไรนะ? "
มู่เสวียนเย่ที่สงบนิ่ง จู่ๆ ก็ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ ใบหน้าที่เ็าของเขามืดครึ้มลงทันที "ราชโองการอภิเษกอันใด? "
เชิงอรรถ
[1] ดึงลำไส้ห้อยท้อง 牵肠挂肚 qiān cháng guà dù เป็สำนวนที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึกที่พัวพันอยู่ในหัวใจ หมายถึง ในใจทั้งคิดถึงห่วงใยห่วงหาอาทรมากๆ ถึงขนาดปล่อยวางไม่ลง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้