ไม่คิดว่าซูเฟยซื่อไม่รับน้ำใจ ก้าวไปข้างหน้าพยุงซางจื่อขึ้นแล้วหันศีรษะไปถาม “เกิดเื่อะไรขึ้น?”
ถ้าเปลี่ยนเป็ยามปกติ ท่าทีซูเฟยซื่อแบบนี้ นางก็โกรธไปนานแล้ว แต่วันนี้นางต้องอดทนไว้
ซูจิ้งเซียงสูดหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง ในที่สุดก็รักษารอยยิ้มบนใบหน้าไว้ “นังหนูบ่าวรับใช้นี่ไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่ เ้าออกบ้านไปนางถึงกับไม่ได้ติดตาม หากบังเอิญเกิดเื่ นางจะรับผิดชอบอย่างไร?”
“อ้อ? พี่รอง วาจานี้หมายความว่าอะไร ที่นี่เป็พระตำหนักนะ หรือเ้ารู้สึกว่าในพระตำหนักยังจะเกิดเื่? เช่นนั้นเป็เพราะการปกครองของฮ่องเต้ไม่ดีงั้นหรือ? หรือเป็ที่องครักษ์หลวงของราชวงศ์ไม่ดีเล่า?” ซูเฟยซื่อพูดท้าทายทุกถ้อยคำ จงใจยั่วให้ซูจิ้งเซียงโกรธ
“เ้า...” ซูจิ้งเซียงโกรธขึ้งตามคาด ชี้หน้าซูเฟยซื่อด่ายกใหญ่ ไม่เหลือการเสแสร้งเมื่อครู่สักนิด “เ้าอย่าคิดว่าวันนี้ แค่ได้ออกหน้าออกตานิดหน่อยก็สามารถอวดดีได้เล่า เสร็จสิ้นพิธีชุมนุมการแข่งม้าแล้ว เ้าก็แค่บุตรสาวอนุสารเลวคนนั้น อย่าหมายคิดโงศีรษะได้เชียว”
ซูเฟยซื่อยิ้มเยือกเย็น “หรือว่าพี่รองก็ไม่ใช่เป็บุตรสาวอนุหรือ?”
ประโยคนี้ราวกับคมมีดกรีดหัวใจของซูจิ้งเซียงโดยตรง นางกลัวถูกคนอื่นว่าเป็บุตรสาวอนุที่สุด ยิ่งกลัวว่าด้วยเหตุนี้จะถูกผู้คนดูถูก
ไม่คิดว่าวันนี้ซูเฟยซื่อถึงกับพูดเื่นี้ออกมาง่ายๆ แทบเป็การรนหาที่ตาย!
“ซูเฟยซื่อ เ้ามันนังสารเลว!” ซูจิ้งเซียงไม่สามารถยืนหยัดได้อีก เอื้อมมือคิดกระชากผมของซูเฟยซื่อ
ซางจื่อพยายามก้าวไปยั้งไว้ ทว่ากลับถูกซูเฟยซื่อใช้สายตาปราม
ทั้งสองกอดรัดฟัดเหวี่ยงจนกลายเป็ก้อนกลม ซูเฟยซื่อฝึกฝีมือออกกำลังกายทุกวัน แม้จะไม่ได้ใช้วิทยายุทธ์ก็ยังชิงได้เปรียบเหนือกว่า
นางจงใจปล่อยให้ซูจิ้งเซียงข่วนใบหน้าไม่เบาไม่หนักหลายรอย แล้วจึงใช้แรงรวบมือทั้งคู่ของซูจิ้งเซียง กล่าวเสียงโเี้ “ที่นี่เป็พระตำหนัก พี่รองไม่คิดอับอายต่อหน้าผู้คนก็ตามใจเถิด”
ซูจิ้งเซียงถึงกับอึ้งงัน เพราะความโกรธที่โจมตีหัวใจเมื่อสักพัก ทำเอาเกือบลืมไปว่านี่เป็พระตำหนัก ไม่ใช่เขตอิทธิพลของตนเอง
เมื่อครู่แม่ใหญ่เพิ่งพูดกับตนเื่ว่าเป็่หัวเลี้ยวหัวต่อชิงตำแหน่งฮองเฮาของพี่ใหญ่ ถ้าตนทำขายหน้าพวกนางในเวลานี้ละก็
นางลอบมองใบหน้าตนที่ถูกซูจิ้งเซียงข่วนเละอีกครั้ง จึงรู้สึกโล่งใจบ้างเล็กน้อย “อืม นับว่าเ้าโชคดี วันนี้ถ้าอยู่ในจวนอัครมหาเสนาบดี ข้าต้องให้เ้าวิงวอนขอความเมตตา”
“งั้นหรือ? ในเมื่อพี่รองรู้สึกว่าเพียงพอแล้ว ก็เชิญตามสบายเถิด” ซูเฟยซื่อทำท่าทางส่งแขก แย้มยิ้มเบาบางทั่วใบหน้า
เห็นแบบนี้ ซูจิ้งเซียงอดขมวดคิ้วไม่ได้ นี่มันผิดปกติ? กล่าวตามหลัก ต่อให้ซูเฟยซื่อไม่ร้องไห้โวยวายก็ไม่ควรใจเย็นแบบนี้
“ทำไม? พี่รองยังไม่ไปอีกหรือ? ถ้างั้นข้าไปเชิญแม่ใหญ่กับพี่ใหญ่มาก็แล้วกัน” ซูเฟยซื่อกล่าวจบก็มุ่งหน้าไปทางห้องโถงด้านตะวันออก
นี่... ซูจิ้งเซียงรีบดึงนางกลับมาอย่างรวดเร็ว “ใครบอกว่าข้าจะไม่ไป ดูเ้าอีกแวบเดียว ข้าก็สะอิดสะเอียนแทบแย่”
สิ้นวาจาดังกล่าว ขืนไม่ไปอีกก็ขายหน้าแล้วจริงๆ ทว่าที่นี่เป็พระตำหนัก ให้ไปงั้นหรือ? แล้วจะไปไหนได้อีกเล่า?
ช่างเถิด คืนนี้ก็พักอยู่ในสวนบุปผชาติของพระตำหนักเสียนโหย่วคืนหนึ่งก็แล้วกัน!
ซูจิ้งเซียงกัดฟัน สาวเท้าก้าวใหญ่เดินออกจากห้องโถงด้านทิศตะวันตก
แต่เมื่อรอจนนางเดินจากไปไกล ซางจื่อจึงเดินเข้ามาอย่างปวดใจ “คุณหนู ด้วยฝีมือท่านความจริงไม่ควรได้รับาเ็นะเ้าคะ”
นางรู้ว่าสิ่งที่ซูเฟยซื่อทำล้วนมีเหตุผล แต่นางอดไม่ได้ที่จะบ่นพึมพำประโยคหนึ่ง ดูใบหน้าดวงน้อยที่ถูกข่วนนี่ วันหน้าจะพบปะผู้คนได้อย่างไร
ซูเฟยซื่อดูซางจื่อขมวดคิ้วปวดใจในตนเอง ก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจ นางหัวเราะคิกอย่างช่วยไม่ได้ “แค่าเ็ผิวชั้นนอกจนดูน่ากลัวเท่านั้น ไม่กี่วันก็ดีขึ้นจนแม้แต่รอยแผลเป็เล็กๆ ก็ไม่เห็นแล้ว เ้าไปตามหลิวมามามาเถิด บอกว่าข้ามีเื่จะขอนาง”
“อ้า?” ซางจื่อใแกมแปลกใจอ้าปากหวอ วันนี้คุณหนูเซ่อซ่าไปแล้วหรือ? ปล่อยให้ซูจิ้งเซียงตบตีเปล่าๆ ก็แล้วกันไป ตอนนี้ยังจะไปขอให้คนรับใช้คนหนึ่งช่วย
“ไม่นานเ้าก็รู้” ซูเฟยซื่อหันไปขยิบตาให้ซางจื่ออย่างซุกซน ทว่าไม่ได้อธิบายกระจ่าง
นางไม่ได้กระทำตามใจแบบนี้มานานแล้ว ทั้งไม่ได้รับการดูแลห่วงใยจากผู้คนแบบนี้มาก่อนอีก
ใน่ไม่กี่วันที่มีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน นางได้ถือเอาซางจื่อเป็คนของตัวเองแล้วจริงๆ
“เ้าค่ะ” เมื่อซางจื่อตอบรับก็เดินออกไป
ซูเฟยซื่อหยักริมฝีปากยิ้มน้อยๆ ตอนนี้ทุกอย่างพร้อมพรัก เพียงเหลือคนที่ควรมาเท่านั้น
ตลอดมาประสิทธิภาพการทำงานของซางจื่อไม่เลว ครั้งนี้เชิญหลิวมามากลับเสียเวลานานเล็กน้อย แต่ขณะที่หลิวมามาเข้าประตูมาก็เริ่มบ่นต่อว่าทันที “คุณหนูสาม ท่านเชิญบ่าวมามีเื่อะไรหรือเ้าคะ? โอ้ เ้านังหนูนี่ก็จริงๆ เชียว ถึงกับคุกเข่าลงบนพื้นบอกว่าบ่าวไม่มาจะโขกศีรษะตายที่นั่น ช่างเคราะห์ร้ายเหลือเกินเ้าค่ะ”
กล่าวจบ ยังไม่ลืมถ่มน้ำลายคำหนึ่งใส่ซางจื่อ
ขณะที่ซางจื่ออยู่กับอวี้เสวียนจีที่นั่น ไหนเลยจะเคยได้รับความคับข้องใจแบบนี้มาก่อน กลับต้องฝืนทนทั้งเป็
ในฐานะบ่าวไพร่ เพียงสามารถบรรลุภารกิจเื่ราวที่เ้านายมอบหมายก็ใช้ได้
ในใจซูเฟยซื่อพลันสั่นสะท้าน ไม่คิดว่าซางจื่อถึงกับทำเพื่อนางได้ถึงก้าวนี้ บุญคุณเื่นี้นางได้จดจำไว้แล้ว
“หลิวมามา ท่านมาแล้ว นั่งลงเร็วๆ” ซูเฟยซื่อฝืนเค้นน้ำตาไม่กี่หยด เช็ดปาดแล้วคราหนึ่ง จึงรีบทักทายหลิวมามา
หลิวมามาเห็นท่าทางของนางก็อดย่นคิ้วไม่ได้ ถามอย่างร้อนใจว่า “นั่งก็ไม่ต้องแล้ว มีเื่ก็รีบพูดเถิดเ้าค่ะ”
“นี่... ข้ายังคิดให้หลิวมามาชิมขนมเหล่านี้ ถ้าหลิวมามาไม่นั่งแล้ว จะกินได้อย่างไร?” ซูเฟยซื่อแสร้งทำเป็ลำบากใจ
หลิวมามากวาดตามองขนมบนโต๊ะแวบหนึ่ง รีบกลืนน้ำลายอึก นี่เป็อาหารว่างในพระตำหนัก แม้แต่ซูเฟยซื่อคุณหนูขุนนางแบบนี้มีเพียงบางครั้งที่เข้าพระตำหนักจึงสามารถได้กินครั้งหนึ่ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนางซึ่งเป็บ่าวไพร่
สีหน้าของนางพลันสุภาพลงไม่น้อย “คุณหนูสามเกรงใจเกินไปแล้ว สิ่งที่มีค่าดุจทองคำนี้ ไหนเลยเป็สิ่งที่บ่าวชราผู้นี้สามารถกินได้”
“หลิวมามาเป็สมุนแขนซ้ายขวาของแม่ใหญ่ ท่านไม่สามารถกิน ข้าก็ยิ่งไม่กล้ากินแล้ว เฟยซื่อรู้ เมื่อก่อนข้าไม่รู้เื่ ล่วงเกินเ้าไปมากมาย แต่เื่ที่ผ่านไปก็ปล่อยให้มันผ่านไป ในอนาคตเฟยซื่อยังมีเื่ที่ต้องน้อมรับความช่วยเหลือจากท่านอีกมาก ยังขอท่านอย่ารังเกียจเลย” ซูเฟยซื่อก้าวไปข้างหน้าดึงหลิวมามานั่งลงให้รู้แล้วรู้รอด ทั้งยังวางขนมใส่มือนางอีก
ซูเฟยซื่อทำมาถึงขั้นนี้แล้ว นางยังมีเหตุผลที่จะไม่กินอีกหรือ?
หลิวมามาหยิบขนมใส่ปากคำโต เคี้ยวพลางกล่าวถามซูเฟยซื่ออย่างคลุมเครือ “คุณหนูสาม ใบหน้าดวงนี้ของท่านเป็เื่อะไรกัน? ตอนพิธีชุมนุมแข่งม้าไม่ใช่ยังดีๆ หรอกหรือเ้าค่ะ?”
ได้ยินวาจา ซูเฟยซื่อรีบเช็ดคราบน้ำตาทันที “เป็พี่รองที่ข่วนข้า ใครให้มารดาข้าตายแต่เนิ่นๆ เล่า ในจวนอัครมหาเสนาบดีไร้ที่พึ่งพิง ข้า...”
“นี่...” สีหน้าของหลิวมามาเปลี่ยนไป แต่ขวางด้วยขนมของว่างตรงหน้าที่ยังกินไม่หมด ได้แต่กล่าวปลอบใจ “ที่คุณหนูสามพูดนี่เป็วาจาอะไร”
"นายหญิงปฏิบัติต่อท่านกับคุณหนูรองเหมือนกัน พวกเ้าสองคน แค่กๆ ๆ… ข้า...”
ดูเหมือนหลิวมามายังคิดจะพูดบางอย่าง ทว่าจู่ๆ กลับกระตุกชักเกร็งไปทั่วร่าง ปากอาเจียนน้ำลายเป็ฟองขาว เกร็งกระตุกไม่กี่ครั้งแล้วคนทั้งคนก็ล้มลงกับพื้น ดวงตาทั้งคู่เหลือกขาวแล้ว
ซูเฟยซื่อเก็บน้ำตาขึ้นมา หัวเราะเ็า กินของของนางก็ย่อมต้องชดใช้อย่างสมน้ำสมเนื้อ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้