คำพูดของมู่เฉิงอินนั้นทรงพลัง ทั้งยังเ็าอยู่สามส่วน ยามนางพูด ผู้ชมที่รับฟังล้วนกลั้นหายใจ เมื่อพูดจบ สายตาที่พวกเขาใช้มองฉู่รั่วหลานก็ทอประกายซับซ้อน
เพราะเหตุใดน่ะหรือ? เพราะทุกคนฟังความหมายในคำเสียดสีนั้นออก มู่เฉิงอินกระแหนะกระแหนองค์หญิงผู้เป็เชื้อพระวงศ์ว่าไม่เคยเรียนรู้แม้แต่คัมภีร์ ‘เตือนหญิง’ และ ‘สอนหญิง’ ซึ่งเป็คัมภีร์สอนสตรีที่คุ้นเคยกันดี และยอมกระทั่งละทิ้งชื่อเสียงของตนเอง กล่าววาจาน่าอับอายในที่สาธารณะ ไม่ว่าจะจริงหรือเท็จ หน้าตาและศักดิ์ศรีขององค์หญิงก็ถูกทำลายไปแล้ว
ยังมีคำพูดที่ตามมาหลังจากนั้น ‘เป็องค์หญิงฉู่ที่ตามพัวพันคู่หมั้นของนางครั้งแล้วครั้งเล่า คุณชายตระกูลมู่ไม่สนใจกลับยังยัดเยียดความรู้สึกให้ อีกทั้งวันนี้ยังสาดโคลนใส่ความกันอีก’
เหอๆ เช่นนี้หมายความว่าอย่างไรน่ะหรือ?
นี่ย่อมแสดงถึงการมิอาจยอมแพ้ได้ เป็เหตุผลว่าเหตุใดจึงคิดแผนแตกแยกเช่นนี้ออกมา การตกหลุมรักคุณชายมู่หรือคิดพึ่งพิงตระกูลมู่ ช่างเป็การทำให้ราชวงศ์เสียหน้าอย่างแท้จริง
เวลานี้ฝูงชนโดยรอบที่ใกับคำกล่าวของฉู่รั่วหลานเมื่อครู่นั้น หลังจากไตร่ตรองให้ดีแล้ว พวกเขาก็รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกันแน่
“ตระกูลมู่ซื่อสัตย์ภักดีต่อองค์ฮ่องเต้ ปฏิบัติต่อประชาชนด้วยความเอื้อเฟื้อและยุติธรรม ท่านอ๋องหลู่หนานผู้เป็หัวหน้าตระกูลมู่สูญเสียภรรยาไปเมื่อสิบแปดปีก่อน จนปัจจุบันก็ยังครองตัวสันโดษด้วยมีรักลึกซึ้งต่อภรรยา คุณชายใหญ่อายุยี่สิบหก คุณชายรองยี่สิบสี่ และคุณชายสามยี่สิบสอง มิมีผู้ใดรับอนุเข้ามาสักคน ตระกูลใสสะอาด กฎของตระกูลเข้มงวด ตระกูลมู่เป็ตระกูลมาตรฐานแห่งต้าโจว ซื่อสัตย์ซื่อตรง เป็ที่เคารพของปวงประชา
ชื่อเสียงของตระกูลขุนนางจะโดนดูถูกเหยียดหยามได้อย่างไร? ท่านมีศักดิ์เป็ถึงองค์หญิง กลับละทิ้งหน้าตาและศักดิ์ศรีของตระกูล ใช้ฝ่าเท้าเหยียบหน้าตระกูล เพียงเพื่อความเห็นแก่ตัวของตนเอง! ช่างน่ารังเกียจนัก
ในฐานะองค์หญิง พระองค์ไม่เพียงทำให้คุณชายตระกูลมู่ขายหน้า แต่ยังทำให้หม่อมฉันอับอายขายหน้าอีกด้วย พระองค์ทรงนำคำว่าอนุมายัดใส่หัวหม่อมฉัน เื่นี้หม่อมฉันมิอาจทนได้ ย่อมต้องแจ้งให้ท่านพ่อทูลฝ่าา ให้ฝ่าาทรงทราบเื่ราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้โดยละเอียด แม้ว่าพระองค์จะเป็ถึงองค์หญิง ทว่าก็ต้องรับผิดชอบต่อคำพูดและการกระทำของตนเอง จะทำให้ผู้อื่นอับอายขายหน้าเช่นนี้ได้อย่างไร ช่างกลั่นแกล้งรังแกกันเกินไปแล้วเพคะ!”
เสียงของมู่เฉิงอินเต็มไปด้วยโทสะ ใบหน้างดงามเ็า เสียงของนางทรงพลัง ส่วนใบหน้าของฉู่รั่วหลานแดงก่ำ ดวงตาเต็มไปด้วยความละอายใจ แม่นางมู่กล่าวจนผู้ชมโดยรอบมีอารมณ์ร่วม
ใช่แล้ว หนึ่งคือมู่เสวียนเย่จากตระกูลภักดี อีกหนึ่งคือมู่เฉิงอินจากตระกูลนักปราชญ์ คนเหล่านี้จะทำเื่น่าละอายเช่นนั้นได้อย่างไร?
หนึ่งบู๊หนึ่งบุ๋น สองตระกูลยิ่งใหญ่ผู้เป็ตัวแทนแถวหน้าของเมืองหลวงแห่งต้าโจวร่วมมือกัน สุดท้ายองค์หญิงผู้หยาบคายจึงถูกทำให้อับอายเช่นนี้
น่ารังเกียจเสียจริง
“ใช่แล้ว องค์หญิงทำเกินไปแล้ว ข้าย่อมเชื่อว่าคุณชายใหญ่มิใช่คนเช่นนั้น ล่วงเกินหรือ? อย่าทำให้ขำไปหน่อยเลย ข้าติดตามคุณชายใหญ่ตระกูลมู่มานานปี ไม่เคยเห็นเขาใกล้ชิดกับสตรีคนใดเลย”
“ใช่แล้ว ข้าจำได้ว่ามีปีหนึ่งในเทศกาลโคมไฟ คุณหนูใหญ่ของตระกูลเซียะพลัดหล่นลงมาจากหอคอยตะเกียง และได้รับการช่วยเหลือจากคุณชายใหญ่ตระกูลมู่ เ้ารู้หรือไม่ว่าเขาช่วยได้อย่างไร? ใช้พลังลมปราณ ซัดดาบใหญ่ในฝ่ามือไปรับร่างคนให้ล้มลงบนกองหญ้า”
“ใช่ๆ ข้าก็รู้เื่นี้ คุณชายใหญ่ตระกูลมู่ปฏิบัติตามมารยาทอันดีตลอดมา เว้นระยะห่างกับสตรี มิเคยทำให้ผู้ใดขุ่นเคือง”
เสียงดังขึ้นทีละเสียง ฝูงชนล้วนตื่นเต้นเป็อย่างยิ่ง ฉู่รั่วหลานละอายใจจนแทบจะหารูมุดลงไป
มู่เฉิงอินมีพร์ด้านการพูด วาจาของนางทั้งมั่นคงและนุ่มนวล กระตุ้นอารมณ์ของผู้อื่น นำพาศักดิ์ศรีของตระกูลมู่คืนสู่แสงสว่าง สั่นะเือารมณ์ในใจของทุกคน
ศักดิ์ศรีของมู่เฉิงอินแห่งตระกูลมู่กับมู่เสวียนเย่แห่งตระกูลมู่ไม่อาจเหยียบย่ำได้ง่ายดายเพียงนั้น ทว่านางกลับกลายเป็สตรีไร้ยางอาย! อับอายขายหน้า ชื่อเสียงถูกทำลายจนย่อยยับ! โดยเฉพาะอย่างยิ่งมู่เฉิงอิน้าให้ผู้เป็พ่อทูลเื่นี้กับเสด็จพ่อ นางที่รู้ว่าตนเองมิได้รับความโปรดปรานจากเสด็จพ่ออยู่แล้ว พระองค์ย่อมไม่ยอมออกหน้าเพื่อนางเป็แน่ ล้ำเส้นสองตระกูลใหญ่ ไม่ต้องพูดถึงว่าแต่เดิมนางก็ไม่มีทั้งหน้าตาและศักดิ์ศรี
นางอ้าปากค้าง คิดอยากกล่าวบางสิ่งเพื่อหักล้าง แต่นางเกิดและเติบโตในตระกูลชาวนา ไม่เคยได้รับการขัดเกลา เมื่อได้ฐานะกลับคืนก็ไม่โปรดปรานการเรียนหนังสือ แล้วจะเอาสิ่งใดไปเทียบเคียงมู่เฉิงอินได้
เวลานี้ฝูงชนตื่นเต้นเป็อย่างยิ่ง พวกเขาล้วนเป็องครักษ์ให้แก่มู่เสวียนเย่กับมู่เฉิงอิน เชื่อมั่นในคนทั้งสอง อวยพรพวกเขาทั้งสอง สายตาเยาะเย้ยนับไม่ถ้วนตกลงที่ร่างของฉู่รั่วหลาน ราวกับนางถูกแก้ผ้าแล้วโดนโยนทิ้งท่ามกลางสายตาของสาธารณชน
ั์ตาของฉู่รั่วหลานแดงก่ำ มือและเท้าของนางสั่นเทาด้วยโทสะ
และในยามนี้ยังมีคนผู้หนึ่งที่หัวใจเต้นแรงสั่นไหวหาใดเปรียบ นั่นคือมู่เสวียนเย่ ดวงตาอันเร่าร้อนของเขาตรึงอยู่บนร่างของมู่เฉิงอิน คำที่นางเพิ่งกล่าวมาก้องกังวานและทรงพลัง ราวกับค้อนหนักที่กระแทกหัวใจของเขา ทั้งซาบซึ้งทั้งตื่นเต้น
ตระกูลมู่จงรักภักดีต่อองค์ฮ่องเต้ รับใช้แว่นแคว้นและปวงประชา นั่นคือความรับผิดชอบ หยาดเหงื่อและรอยแผลทั้งหมดบนร่างมาจากการตรากตรำทำงาน ล้วนเป็เพราะความจริงใจและความหลงใหลของเขาเอง โดยที่เขาไม่เคยวอนขอสิ่งใดตอบแทน แต่กลับมีคนจดจำความดีของเขาไว้ในใจ คำพูดของนางทั้งนับถือ ให้เกียรติ และปกป้องเขาอย่างไม่ปิดบัง
นางเข้าใจบุรุษตระกูลมู่ นางเคารพตระกูลมู่
การนินทาเปรียบเสมือนมีดคม สามารถฆ่าคนได้โดยไร้ร่องรอย
ฉู่รั่วหลานไม่สนใจหน้าตาเกียรติยศ ทำลายชื่อเสียงของเขา หวังเกาะตระกูลมู่ เขาเป็เพียงบุรุษผู้หนึ่งที่มิอาจโต้แย้งอันใดได้ นอกจากพลังยุทธ์ เขาย่อมไร้หนทางโต้กลับ อีกทั้งเขายังมิอาจลงมือทำร้ายองค์หญิง นั่นถือเป็ทางเลือกสุดท้ายของเขา
ต้องขอบคุณสตรีของเขาที่เปลี่ยนกระแสน้ำ พลิกสถานการณ์ขึ้นมาได้
มู่เสวียนเย่ได้ยินเสียงหัวใจของตนสั่นไหวอย่างชัดเจน ยิ่งได้ใกล้ชิดยิ่งชมชอบ แทบจะทนรอไม่ไหว ปรารถนาให้นางแต่งเข้าตระกูลของเขาพรุ่งนี้เลย
ความอ่อนโยนของนาง ความสามารถของนาง ความงามของนาง ความแข็งแกร่งของนาง ทุกสิ่งของนางล้วนทำให้เขาชมชอบนัก ยิ่งมองก็ยิ่งชอบ
ความรักและความเอาใจใส่เกือบจะล้นทะลักออกมาจากแววตาของมู่เสวียนเย่ และนั่นทำให้มู่เฉิงอินหน้าแดงก่ำ
เมื่อครู่หญิงสาวยังมีสีหน้าเ็า ดวงตาเต็มไปด้วยโทสะ ทว่านางถูกมู่เสวียนเย่จับจ้องจนเขินอายหน้าแดง นางเดินกลับไปยืนเคียงข้างเขาอย่างเอียงอาย ยื่นมือน้อยๆ ออกไป คว้าจับกันไว้และบีบแน่น
บรรยากาศระหว่างคนทั้งสองกลายเป็สีชมพู โลกของพวกเขามีเพียงกันและกัน เ้ามีข้า ข้ามีเ้า แม้แต่ผู้ชมที่มองอยู่ก็ยังหน้าแดง เหตุใดจู่ๆ บรรยากาศจึงได้กลายเป็เช่นนี้ สองคนกุมมือกันแน่น สองตาสบประสาน เปี่ยมล้นด้วยความรัก
เวลานี้ฉู่รั่วหลานเสียหน้าจนหมดสิ้นแล้ว นางกัดริมฝีปาก ดวงตาเปลี่ยนเป็สีแดง ทั้งร่างสั่นด้วยความโกรธ นางมิอาจทนมองภาพนี้ได้ อยากพุ่งเข้าไปแยกคนทั้งสองจนแทบทนไม่ไหว
สายตานางหันเหไปทางฉู่หลิวซวง ฉายแววขอความช่วยเหลือ
ฉู่หลิวซวงมองด้วยสายตาเ็า ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับมู่เฉิงอินนั้นเพียงผิวเผิน แค่พยักหน้าทักทายยามพบเจอ พวกนางอยู่ในแวดวงของสตรีสูงศักดิ์เช่นเดียวกัน เงยหน้าไม่พบ ก้มหน้าประสบ [1] สตรีผู้นี้สำหรับนางแล้วถือว่ามีความประทับใจอยู่บ้าง ทว่าอีกฝ่ายกลับเจรจาแต่งงานกับมู่เสวียนเย่แห่งตระกูลมู่ เหอๆ เช่นนั้นก็อย่าได้โทษนางแล้วกัน ผู้ใดใช้ให้นางเกลียดคนของตระกูลมู่เล่า นางเกลียดมู่อันเหยียนแห่งตระกูลมู่ ทั้งบิดาไปจนถึงพี่ชายของสตรีผู้นั้นล้วนขัดสายตานางทั้งสิ้น สรุปคือหากยืนอยู่ฝั่งเดียวกับตระกูลมู่ นางล้วนเกลียดชังทั้งหมด!
นางหันมองลูกพี่ลูกน้องของตน ช่างโง่เสียจริง นางปูทางไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ทว่าสุดท้ายกลับทำลายตนเองจนเหม็นเน่าแล้วโยนเกียรติยศให้อีกฝ่าย ช่างโง่เง่าจริงๆ
“หึ...”
พริบตานั้น ฉู่หลิวซวงก็หัวเราะเสียงเบาออกมา
เพียงรอยยิ้มเดียวของนาง พลันดึงดูดความสนใจจากทุกคนได้ทันที
เชิงอรรถ
[1] เงยหน้าไม่พบ ก้มหน้าประสบ 抬头不见低头见 (tái tóu bù jiàn dī tóu jiàn) เป็สำนวนหมายถึง เจอกันบ่อยครั้ง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้