ฮวาเหยียนเปิดปากเอ่ยเสียงเบา เสียงของนางเบายิ่งนัก นางััได้ถึงความรู้สึกของท่านพ่อและท่านพี่ใหญ่แห่งตระกูลมู่ เพราะนางมีประสบการณ์มานับครั้งไม่ถ้วน ทุกครั้งที่พิษของหยวนเป่ากำเริบ นางเองก็ทุกข์ใจเช่นเดียวกัน ความโกรธและความไร้กำลังช่วยเหลือล้วนย้อนกลับมาทำร้ายนางให้ดับดิ้น
หลังจากที่ฮวาเหยียนเอ่ยจบ ท่านพ่อและท่านพี่ใหญ่แห่งตระกูลมู่พลันเงียบสนิท
บนถนนสายยาวในเมืองหลวง สองข้างทางมีคนเดินสัญจรไปมา ทั้งสองข้างของถนนมีหลายบ้านจุดโคมไฟ แสงสีแดงนวลที่ตกลงบนพื้นทำให้เกิดชั้นของแสงและเงา
พวกเขาสองสามคนยืนอยู่ในเงามืดของตรอกชายคา
“พิษอะไร? ดินแดนหนาวเหน็บอะไร”
มู่เสวียนเย่ถามขึ้นมาอีกครั้ง
เสียงแหบแห้งถูกเปล่งออกมาจากลำคอของเขา
ดวงตาของฮวาเหยียนเต็มไปด้วยหมอกอึมครึม ทั้งร่างของนางราวกับถูกเคลื่อนย้ายอย่างรวดเร็ว มีภาพฉายชัดอยู่ตรงหน้านาง ความฝันยามราตรีฉายออกมาในสายธารความคิดของนางครั้งแล้วครั้งเล่า
จนกระทั่งยามนี้นางหลับตาลงก็สามารถมองเห็นน้ำแข็งและหิมะได้ทันที
สตรีคนนั้นคือนาง และไม่ใช่นาง...
เพียงแต่พวกเขามีใบหน้าที่เหมือนกันเป็อย่างยิ่ง
สตรีผู้นั้นถูกลูกธนูยิงเข้าที่หน้าอก ใบหน้าของหญิงสาวเปี่ยมไปด้วยไอความตาย ในอ้อมแขนเล็กๆ นั้นกอดเด็กน้อยอยู่คนหนึ่ง นางคุกเข่าลงเพื่อขอความช่วยเหลือ จากนั้นก็กลายเป็กองเือยู่ตรงหน้า
...
ฮวาเหยียนส่ายหัว พยายามที่จะกำจัดภาพนี้ออกจากความคิด เพราะนางไม่กล้าคิดและไม่อยากคิดถึงมัน
“ท่านพ่อ ท่านพี่ใหญ่ เช่นนั้นเรากลับไปถึงจวนแล้วค่อยคุยกันเถิดเ้าค่ะ”
“ไม่จำเป็ เอ่ยมาตรงนี้เลย”
มู่เสวียนเย่ส่ายหัว แม้แต่หนึ่งเคอเขาก็รอไม่ไหว เขาอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวและหลานชายของเขา
ฮวาเหยียนไม่สามารถต้านทานแววตาที่ยืนหยัดและหนักแน่นของมู่เสวียนเย่ได้ นางจึงถอนหายใจและกล่าวว่า "พิษในร่างกายของหยวนเป่าเกิดจากครรภ์มารดา ในตอนนั้นข้าและหยวนเป่าถูกไล่ล่าและตามฆ่าจากชายหน้ากากทองท่ามกลางหิมะหนาวเหน็บ หลังจากนั้นพวกเราก็ตกจากหน้าหน้าผาและได้รับแรงกระแทกอย่างรุนแรง แต่ก็ได้รับการช่วยเหลือจากท่านผู้เฒ่าผู้สันโดษ ถึงแม้ว่าเขาจะรักษาชีวิตของเราให้รอดเอาไว้ได้และโชคดีที่ยังไม่ตาย แต่ด้วยสภาพอากาศในยามนั้นที่เลวร้ายจนร่างกายหยวนเป่าได้รับาเ็ หากไม่ใช่เพราะความสามารถทางการแพทย์ระดับสูงแล้ว ก็เกรงว่าอาจจะไม่สามารถรักษาชีวิตของหยวนเป่าเอาไว้ได้
ทว่าร่างกายของหยวนเป่ายังคงมีผลข้างเคียงเรื้อรังที่มีทั้งอาการหนาวสั่นและอ่อนแอ
หลายปีมานี้ ข้าพยายามยาดีๆ มาบำรุงร่างกายเขา มิฉะนั้นเมื่อลมหนาวพัดมาหยวนเป่าจะล้มป่วย แต่ในปีที่ผ่านมาร่างกายของหยวนเป่าดีขึ้นมาก ท่านพ่อ ท่านพี่ใหญ่ พวกท่านอย่าได้กังวลใจไปเลยเ้าค่ะ"
ฮวาเหยียนเอ่ยทุกอย่างจบภายในลมหายใจเดียว
ดวงตาของนางฉ่ำชื้นเล็กน้อย ราวกับว่าการไล่ล่าเมื่อสี่ปีก่อนเพิ่งเกิดขึ้นมาเมื่อวานนี้
บางครั้งยามที่นางอยู่ตัวคนเดียว นางมักจะคิดว่านางได้เดินทางข้ามผ่านกาลเวลาจากศตวรรษที่ยี่สิบสี่อันไกลโพ้น เพราะสตรีคนนั้นที่ชื่อมู่อันเหยียนใช่หรือไม่? หรืออาจเป็เพราะเด็กที่ชื่อหยวนเป่ากัน...
หยวนเป่าจับมือมู่เอ้าเทียนอย่างเชื่อฟัง ท่านแม่ทุกข์ทรมานเป็อย่างยิ่งมานานหลายปีแล้ว โชคดีที่ตอนนี้มีท่านตาและท่านลุง พวกเขาจะต้องทุ่มเทสุดกำลังอย่างแน่นอน โตขึ้นเขาจะกตัญญูกับท่านแม่ ท่านตาและท่านลุงทั้งหลายแน่นอน หยวนเป่าลอบสาบานในใจ
มู่เอ้าเทียนเคยได้ยินคำเหล่านี้มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่เมื่อเขาได้ยินอีกครั้ง เขาก็ไม่อาจหยุดยั้งความรู้สึกทุกข์ทนได้
“จะไม่ให้กังวลใจได้อย่างไรกัน? ”
มู่เอ้าเทียนและมู่เสวียนเย่เอ่ยออกมาพร้อมกันเมื่อพวกเขาได้ยินคำของฮวาเหยียน
ฮวาเหยียนรู้สึกกระอักกระอ่วน นางเอ่ยผิดไปแล้ว...
“น้องหญิง พี่ใหญ่ถามเ้า หยวนเป่าได้รับพิษจากในครรภ์ซึ่งหมายความว่าร่างกายของเ้าเองก็ต้องถูกวางยาพิษด้วยเช่นกัน ดังนั้นเ้าถึงส่งต่อมันให้กับหยวนเป่าได้ เช่นนั้นแล้วตอนนี้เ้าเป็อย่างไร? ร่างกายของเ้าเป็เช่นไร? ”
มู่เสวียนเย่ถามอย่างเคร่งขรึมด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด
ฮวาเหยียนใ ใช่แล้ว เมื่อเอ่ยถึงเื่นี้...
ในร่างกายของหยวนเป่ามีพิษ เพราะอย่างนี้ร่างกายของมู่อันเหยียนย่อมต้องไม่แข็งแรง ในยามนั้นิญญาของนางแตกสลายตรงหน้าผาหิมะ นอกจากลูกศรที่ปักอยู่บนหน้าอกของนางแล้ว เกรงว่าร่างกายของนางก็ถูกวางยาพิษด้วย แต่ตอนนี้ นางมีสุขภาพที่ดีเยี่ยมและไม่เคยถูกวางยาพิษมาก่อน ดังนั้นนางจึงขมวดคิ้วและเอ่ยเบาๆ ว่า "พี่ใหญ่ ร่างกายของข้าไม่เป็อะไรเ้าค่ะ ท่านผู้เฒ่าที่ช่วยเราไว้มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม เขายอมรับหยวนเป่าเป็ลูกศิษย์ และตอนนี้สุขภาพข้าดีขึ้นมากแล้วเ้าค่ะ”
ฮวาเหยียนอธิบาย
ทว่ายามนางเอ่ยเช่นนี้ ในใจของนางพลันรู้สึกอึดอัดอยู่เล็กน้อย
เพราะโกหกหนึ่งครั้งจึงต้องโกหกนับไม่ถ้วนเพื่อรักษาความลับ แต่ก่อนนางเป็คนโกหกเก่ง นางไม่แม้แต่จะกะพริบตายามที่ต้องโกหกด้วยซ้ำ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับท่านพ่อและท่านพี่ใหญ่แห่งตระกูลมู่แล้ว นางกลับไม่เต็มใจที่จะโกหก ทว่าก็ไม่อาจเลี่ยงได้
ฮวาเหยียนรู้สึกสับสนในใจ อีกทั้งยังไม่สบายใจนัก
“ถ้าเป็อย่างนั้นก็ดี ดีมากเลย ต้องขอบคุณท่านผู้เฒ่าคนนี้ สักวันหนึ่งข้าจะต้องเชิญเขามาที่จวน พ่อจะขอบคุณต่อหน้าเขา”
มู่เอ้าเทียนถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อได้ยินว่าร่างกายของฮวาเหยียนไม่เป็อะไร
“ท่านตา ท่านอาจารย์เป็คนแก่ที่มีนิสัยแปลกๆ ไม่ชอบพบปะผู้คน ข้าเกรงว่าเขาจะไม่มาเป็แขกที่จวนขอรับ”
ในยามนั้นหยวนเป่าพลันเอ่ยแทรกด้วยเสียงเบา
“ไม่เป็ไร ท่านตาสามารถไปหาเขาด้วยตัวเองได้ ขอบคุณเขาที่ช่วยท่านแม่ของเ้าและเ้าเอาไว้”
มู่เอ้าเทียนตอบ
หยวนเป่าขมวดคิ้วและพยักหน้า เขาเองก็คิดถึงอาจารย์ของเขาเล็กน้อยเช่นกัน
"ผู้ใดคือชายหน้ากากทองคำ? "
ในยามนั้น มู่เสวียนเย่ถามขึ้นมาอีกครั้ง
น้ำเสียงของเขาแข็งกระด้างและใบหน้าของเขาก็เคร่งขรึมจริงจัง ในยามนั้นกลิ่นอายแห่งหน่วยราชองครักษ์ประจำวังหลวงก็พลันสลายไปโดยไม่รู้ตัว
ฮวาเหยียนเมื่อเห็นว่ามู่เสวียนเย่มิได้จดจ้องอยู่แต่คำถามนั้นและมิได้ถามอันใดต่อ นางโล่งใจเล็กน้อย ก่อนจะคิดถึงชายหน้ากากทองคำ...
“ข้าไม่รู้ว่าเขาเป็ใคร แต่หากได้เจอกันอีกที ข้าย่อมจำเขาได้อย่างแน่นอนเ้าค่ะ! ”
ฮวาเหยียนกัดฟันเอ่ย
ผู้ชายคนนั้นได้ทิ้งความทรงจำอันอย่างลึกซึ้งให้นาง และนั่นคือดวงตาที่เ็าและโหดร้ายคู่นั้น
ดวงตาของฮวาเหยียนเต็มไปด้วยรังสีสังหาร อย่าปล่อยให้นางพบกับบุรุษผู้นี้เป็อันขาด ไม่อย่างนั้นนางจะไม่มีวันปล่อยเขาไป แค้นที่หน้าผาหิมะนั้นทำให้นางไม่อาจอยู่ร่วมโลกกับศัตรูผู้นี้ได้แน่นอน
“ได้ น้องหญิงกลับไปวาดรูปเหมือนของเขาเถิด พี่ใหญ่มีเส้นสายอยู่มาก มาดูกันว่าเราจะหาเบาะแสอะไรได้บ้าง”
"เ้าค่ะ"
ฮวาเหยียนพยักหน้า ด้วยความช่วยเหลือจากตระกูลมู่ นางจึงไม่จำเป็ที่จะต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้งนี้เพียงลำพัง
“ท่านผู้เฒ่าที่ช่วยพวกเ้าและเป็ท่านอาจารย์ของหยวนเป่า ตัวตนเขาคือใคร เ้ารู้หรือไม่? ”
มู่เสวียนเย่ถามขึ้นมาอีกครั้ง
ฮวาเหยียนส่ายหัว ในตอนแรกนางยังถามคำถามนี้กับท่านผู้เฒ่าติงอยู่ แต่ท่านผู้เฒ่ากลับเอ่ยอย่างเฉยเมยว่า "เขาเป็ยอดฝีมือดผู้เร้นกายจากใต้หล้า ตัวตนของเขาไม่อาจบอกคนอื่นสุ่มสี่สุ่มห้าได้ และให้เรียกเขาว่าท่านผู้เฒ่าติงก็พอ”
ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงอาศัยอยู่ด้วยกันที่ด้านล่างหน้าผาเป็เวลาสี่ปี โดยที่นางก็ยังไม่รู้ตัวตนของท่านผู้เฒ่าคนนั้น
“ท่านพี่ใหญ่ ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันเ้าค่ะ ตัวตนของท่านผู้เฒ่านั้นลึกลับเป็อย่างยิ่ง เขาให้ข้าเรียกเขาว่าผู้เฒ่าติง”
ฮวาเหยียนบอกความจริง
"ยอดฝีมือล้วนชอบปกปิดชื่อเสียงเรียงนามที่แท้จริง เขาช่วยลูกและหยวนเป่าไว้ ตระกูลมู่ของเราเป็หนี้บุญคุณเขา"
มู่เอ้าเทียนต่อบทสนทนา
มู่เสวียนเย่พยักหน้า "ถ้าอย่างนั้นท่านผู้เฒ่าผู้สันโดษผู้นี้เคยบอกหรือไม่ว่าจะกำจัดพิษในร่างกายของหยวนเป่าอย่างไร? "
นี่เป็ข้อกังวลที่ใหญ่ที่สุดของพวกเขาในยามนี้
เอ่ยถึงเื่นี้ ใบหน้าของฮวาเหยียนก็เริ่มจริงจังเพราะนางกำลังรอโอกาสที่จะเอ่ยถึงเื่บิดาผู้ให้กำเนิดหยวนเป่า
"ผู้เฒ่าติงบอกว่าพิษในร่างกายของหยวนเป่าสามารถกำจัดได้ แต่ต้องใช้ยาอายุวัฒนะหลายประเภท..."
“เื่นี้ไม่มีปัญหา ไม่ว่า้ายาอายุวัฒนะอันใด ตระกูลมู่ของพวกเราล้วนหามาให้ได้”
เมื่อได้ยินคำอธิบายของฮวาเหยียน ดวงตาของมู่เอ้าเทียนก็สว่างวาบขึ้น จากนั้นเขาก็ตบหน้าอกและเอ่ยออกไป
ทันทีที่สิ้นเสียง เขาพลันได้ยินว่าฮวาเหยียนเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงที่เบาว่า “แต่มีอย่างหนึ่งที่หายากที่สุด และไม่มีมิได้…”
“ยาอันใด?”
มู่เอ้าเทียนและมู่เสวียนเย่ต่างก็ถามขึ้นมาอย่างประหม่าพร้อมกัน
หยวนเป่าถอนหายใจและก้มศีรษะลง เฮ้อ...
"มันคือโลหิตของบิดาผู้ให้กำเนิดหยวนเป่าเ้าค่ะ"
ฮวาเหยียนไม่มีการเอ่ยอ้อมค้อมใด นางเอ่ยออกมาโดยตรง
มู่เอ้าเทียนและมู่เสวียนเย่ตกตะลึง พวกเขาไม่เคยคิดว่านี่ก็นับเป็ยาชนิดหนึ่ง
เื่เกี่ยวกับบิดาของหยวนเป่า พวกเขาไม่้าเอ่ยถึง ซ้ำยังเกลียดยิ่งนัก ถ้าพวกเขาสามารถหาชายคนนั้นได้ ตระกูลมู่เกรงว่าพวกเขาจะต้องฆ่าชายผู้นั้นจนถึงแก่ความตายแน่
เ้าสารเลวคนนี้ได้พรากเอาหญิงสาวที่ยอดเยี่ยมที่สุดของตระกูลมู่ไป
มีเพียงโชคชะตาที่ทำร้ายคน...
“เื? ต้องเป็เืจากบิดาผู้ให้กำเนิดเขาหรือ? ”
มู่เอ้าเทียนยืนยันอีกครั้งด้วยใบหน้าที่เ็า
ฮวาเหยียนไม่ได้เอ่ยอะไรอยู่ครู่หนึ่ง หยวนเป่าก็ถอนหายใจยาว เขาเรียนเื่การแพทย์จึงเข้าใจเื่นี้ดีกว่าใครๆ ดังนั้นเขาจึงพยักหน้า “ท่านตา ท่านลุงใหญ่ หยวนเป่าก็เกลียดพ่อที่ไม่เคยเจอเช่นกัน เขาทำให้ท่านแม่ทรมานยิ่งนัก...
อย่างไรก็ตาม สำหรับพิษของหยวนเป่า ไม่มีทางอื่นนอกจากต้องใช้เืของเขาในการทำยา หากทำยาสำเร็จแล้ว ก็ต้องทำการเปลี่ยนถ่ายเื หยวนเป่าถึงจะมีชีวิตอยู่ได้ขอรับ"
หยวนเป่าขมวดคิ้วและเอ่ยอย่างขมขื่น
แท้จริงแล้วเขาไม่เกรงกลัวความตายหรือความเ็ป แต่เขาไม่อาจที่จะทอดทิ้งท่านแม่ของเขาเอาไว้ได้ เขาเห็นนางร้องไห้อย่างบ้าคลั่งเพื่อเขา ดังนั้นเขาจะต้องดีขึ้นให้ได้ และเขาจะดีกับนางและรักนางให้มาก
เมื่อหยวนเป่าเอ่ยถึงพ่อผู้ให้กำเนิด น้ำเสียงของเขาเ็า ไม่ว่าผู้ใดล้วนฟังออกว่าเด็กคนนี้รู้สึกไม่ดีกับบิดาผู้ให้กำเนิดของตน
“ดังนั้น ท่านพ่อ ท่านพี่ใหญ่ ข้าอยากถามว่าข้าเคยรักผู้ใดมาก่อนหรือไม่เ้าคะ? หยวนเป่าเป็บุตรของคนที่ข้ารักใช่หรือไม่? ”
ฮวาเหยียนถามต่ออย่างระมัดระวัง
ใบหน้าของมู่เอ้าเทียนและมู่เสวียนเย่ไม่ได้ดูดีนัก สองพ่อลูกดูคล้ายกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยใบหน้าที่สงบและไม่ชอบพูดคุย พวกเขาดูเหมือนถูกแกะสลักออกจากแท่นแม่พิมพ์เดียวกันจริงๆ
เมื่อฮวาเหยียนถามคำถามนี้ มู่เอ้าเทียนและมู่เสวียนเย่พลันเงียบ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งมู่เอ้าเทียนที่หันศีรษะหนี ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถเผชิญหน้ากับฮวาเหยียนได้
คนทั้งคนเศร้าโศก อ้างว้าง ที่มาพร้อมกับความเสียใจอย่างสุดซึ้ง
หัวใจฮวาเหยียนจมดิ่งลึกลงไปทันที...
“ไปกันเถอะ รีบกลับไปที่จวนกันเถิด นี่เป็เวลาอันใดแล้ว นอกจากนี้ห้ามผู้ใดเอ่ยอะไรเกี่ยวกับเื่ของวันนี้เด็ดขาด”
จู่ๆ มู่เอ้าเทียนก็เอ่ยขึ้นมาพร้อมกับอุ้มหยวนเป่าขึ้น ก่อนจะยกเท้าก้าวเดินไป
“เื่เงินสามล้านตำลึงกับเวลาสามวันนี้ค่อนข้างกระชั้น แต่พ่อจะหาทางให้ได้ ลูกไม่จำเป็ต้องกังวล พ่อจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อไม่ให้เ้าต้องเข้าไปในจวนไท่จื่อ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเ้าและองค์รัชทายาทเกรงว่าคงจะต้องจบลง หลังจากนี้อย่าไปยั่วยุองค์รัชทายาทอีกเลย”
มู่เอ้าเทียนเดินไปได้สองก้าวก็หยุดแล้วหันมาเตือนด้วยความกังวลสองสามคำ
หัวข้อเปลี่ยนไปอย่างตรงไปตรงมาและจงใจ เป็ความจงใจที่จะเลี่ยงกล่าวถึงประเด็นก่อนหน้านี้
“ไปเถอะๆ กลับจวนเร็ว วันนี้ทุกคนเหนื่อยมากแล้ว ตกกลางคืนก็ให้รีบเข้านอนแต่หัวค่ำ”
หลังจากที่มู่เอ้าเทียนเอ่ยจบ พอหันมา ทุกคนก็เดินทางต่อ
เงาของดวงจันทร์สาดแสงส่อง เงาด้านหลังของมู่เอ้าเทียนตกกระทบลงบนพื้นอย่างอ้างว้าง เต็มไปด้วยความเ็ปที่มิอาจบรรยายได้
“พี่ใหญ่ หยวนเป่าเกิดขึ้นในปีนั้นที่หอนางโลม...”
“ท่านพ่อไปแล้ว พวกเราก็รีบไปกันเถอะ”
ทันทีที่ฮวาเหยียนเปิดปาก มู่เสวียนเย่ก็หลีกเลี่ยงหัวข้อนี้ทันที เขาลากฮวาเหยียนให้รีบเดินเพื่อไล่ตามมู่เอ้าเทียนไป
ฮวาเหยียนถอนหายใจ ในใจท่านพ่อและท่านพี่ใหญ่ที่แท้ก็พยายามปิดปากไม่เอ่ยถึงเื่หอนางโลมเมื่อสี่ปีที่แล้ว ดูเหมือนว่าเื่นี้สำหรับพวกเขาแล้วเป็ความเ็ปที่ไม่อาจอธิบายได้
แต่เมื่อเห็นการแสดงออกของท่านพ่อและพี่ใหญ่แล้ว ดูเหมือนพวกเขาจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามู่อันเหยียนมีคนรัก
แล้วผู้ใดกันคือเ้าของจี้หยกที่มู่อันเหยียนกล่าวก่อนจากไป?
ฮวาเหยียนปวดหัวมาอยู่นานและรู้สึกว่าเื่ที่ทำให้เกิดการแตกหักครั้งใหญ่คือเื่หอนางโลมเมื่อสี่ปีที่แล้ว แต่ตอนนี้ท่านพ่อและท่านพี่ใหญ่กลับปิดปากเงียบ นางควรเริ่มตรวจสอบจากที่ใดกัน?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้