บทที่ 55 ตกตะลึงทั้งห้อง
ลั่วถูยืนสงบนิ่งอยู่หน้าศพของลั่วเหยียน ดาบของลั่วเหยียนตกอยู่ห่างจากตัวเขาเพียงไม่ถึงห้าชุ่น ทว่าปลายนิ้วของเขาชี้ไปยังหัวใจของลั่วถู เป็ครั้งแรกที่เขาใช้เพลิงต้นกำเนิดสังหารคน สำหรับคนที่ตาบอดและาเ็สาหัสคนหนึ่ง นับว่าเป็ตัวทดลองที่ไม่เลวทีเดียว ลั่วถูถึงกับตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อว่าเพลิงต้นกำเนิดของเขาจะสามารถสร้างาแถึงตายให้กับกล้ามเนื้อระดับศิษย์าขั้นสี่ได้หรือไม่
แน่นอนว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือตอนสุดท้ายเ้าลั่วเหยียนกลับโง่จนเอายันต์เพลิงะเิใส่หน้าตัวเองเสียอย่างนั้น ของสิ่งนี้เพียงใช้พลังิญญากระตุ้นก็ะเิเปลวไฟออกมาได้แล้ว เมื่อเป็เช่นนี้ ต่อให้ลั่วเหยียนตายไป ก็ยังปิดบังสาเหตุการตายที่แท้จริงที่เกิดจากเพลิงต้นกำเนิดของลั่วถูได้ และเพราะเหตุนี้เองลั่วถูถึงได้กล้าลงมือ
ส่วนลั่วเหยียนที่ตาบอดไปแล้ว พอลั่วถูพูดจบก็ขยับตัวอย่างเงียบงันและฉับไว ทว่าการฟันดาบของลั่วเหยียนครั้งนั้นกลับโดนแต่ความว่างเปล่าข้างกายลั่วถูเท่านั้น สำหรับลั่วถูทัศนวิสัยยามค่ำคืนไม่มีผลกระทบใดทั้งสิ้น ยิ่งใบหน้าของลั่วเหยียนมีไฟลุกท่วมเช่นนี้ จึงกลายเป็เป้าชั้นยอดทีเดียว
“เกิดเื่อะไรขึ้น... ”เงาหลายร่างพังประตูเข้ามา เสียงก้าวเท้าอย่างรีบร้อนดังขึ้นยาวเหยียบไปบนขั้นบันได เสียงกรีดร้องของลั่วเหยียนปลุกแขกส่วนใหญ่ของโรงเตี๊ยมเข้าจนได้
“พี่ใหญ่จ้งสี่ มีแขกไม่ได้รับเชิญลอบเข้ามาในห้อง แต่ถูกข้าจัดการไปเรียบร้อยแล้ว” ลั่วถูโบกมือจากนั้นชี้ไปที่ศพของลั่วเหยียนบนพื้นที่ไฟยังไม่ดับดีด้วยซ้ำแถมยังหัวเราะไปพลาง
หลี่จ้งสี่อาศัยแสงไฟช่วยทำให้มองเห็นสภาพห้องที่เละเทะไปหมด ลูกศรแทงอยู่เต็มพื้น เชือกหลายเส้นของอวนตะขอที่ถูกเผาจนขาด และได้กลิ่นพริกชนิดหนึ่งที่อบอวลอยู่ในห้อง เขาได้แต่นิ่งอึ้งตะลึงงันไปแล้ว
ไม่เพียงหลี่จ้งสี่ที่อึ้ง เหล่าคนที่รีบตามมาด้านหลังก็อึ้งไปตามๆ กันสภาพของห้องนี้ช่างอเนจอนาถเกินจะทนมอง ไม่อยากจะคิดเลยว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นในห้องนี้กันแน่ เตียงใหญ่ขาดเป็สองท่อน และแสงไฟส่องให้เห็นถึงมุมห้องทั้งสี่และบนเสาบางส่วนมีหน้าไม้ติดตั้งไว้เต็มไปหมด คะเนคร่าวๆ แล้วมากกว่าหลายสิบคัน อีกทั้งยังถูกติดตั้งกลไกให้ยิงลูกศรอย่างต่อเนื่องอีกต่างหาก ไกปืนของหน้าไม้มีเชือกเส้นเล็กผูกอยู่กับเตียงที่ขาดออกจากกัน
ทุกคนคิดตามได้ทันที เมื่อมือสังหารฟันเตียงจนขาด ชิ้นส่วนของเตียงที่ขาดจะไปขยับกลไกของหน้าไม้ทั้งหมดทันที การต้องรับมือกับหน้าไม้เกือบร้อยดอกที่ยิงออกมาในเสี้ยววินาทีไม่ใช่เื่ง่าย ทว่าเมื่อพิจารณาอย่างละเอียดกลับพบว่าบนร่างของคนผู้นี้ไม่มีรอยแผลจากการโดนหน้าไม้ยิงแม้แต่น้อย ดูก็รู้แล้วว่าคนผู้นี้ต้องมีสมบัติคุ้มกายแน่นอน อีกทั้งยังเป็คนที่มีฝีมือพอสมควรทีเดียว เพียงแต่สภาพในตอนนี้ เรียกว่าตายอนาถยังดูจะเบาไปเสียด้วยซ้ำ
“รีบดับไฟเร็ว... ” เถ้าแก่โรงเตี๊ยมก็รีบตามมาเช่นกัน ใบหน้าเขียวคล้ำทันที เขาไม่อยากรีรอจนปล่อยให้ไฟบนร่างลั่วเหยียนลามไปเผาทั้งชั้นของเขาหรอกนะ เขามองไปที่ลั่วถูที มองไปที่ศพลั่วเหยียนที ตอนนี้เขาไม่สบอารมณ์เอาเสียเลยแต่กลับไม่อาจกล่าวโทษลั่วถูได้ ในเมื่อมีคนมีลอบสังหารในโรงเตี๊ยมของเขา นั่นหมายความว่าการรักษาความปลอดภัยของพวกเขาไม่เพียงพอ เช่นนั้นไม่ว่าลั่วถูจะตอบโต้อย่างไรก็ไม่นับมามากเกินไป
“เ้าหมอนี่คือคนที่เหลือรอดจากกลุ่มโจรวันนี้... ” ทหารรับจ้างคนหนึ่งลุกขึ้นชี้ตัวทันที ตวัดดาบฟันลงไปที่มือข้างหนึ่งของลั่วเหยียน หลังจากนั้นหยิบแหวนวงหนึ่งขึ้นมาพิจารณา จากนั้นเก็บดาบที่ตกอยู่บนพื้นเก็บขึ้นพินิจอย่างละเอียด และกล่าวออกมาอย่างมั่นใจ
“พวกโจรที่ยังเหลือรอด!” สีหน้าของหลี่จ้งสี่เครียดขรึมขึ้นทันที วันนี้ในป่าว่านจู๋ มียอดฝีมือคนหนึ่งซ่อนตัวอยู่ในกองโจรด้วย เขาเพียงมอบหมายให้พี่น้องศิษย์าขั้นสามคนหนึ่งไปขวางไว้ แต่กลับกลายเป็ว่าพี่น้องคนนั้นาเ็สาหัสเสียแทน ส่วนยอดฝีมีผู้นั้นหนีเข้าป่าลึกค้นหาไม่พบ เมื่อมีทหารรับจ้างคนหนึ่งด้านหลังของเขากล่าวออกมา เขาก็จำได้ทันที แหวนวงนี้เป็ของคนที่หนีไปได้คนนั้นไม่ผิดแน่ หรืออาจกล่าวได้ว่าคนที่ใบหน้าถูกเผาผู้นี้คือคนที่ทำร้ายพี่น้องของเขานั่นเอง
“บังอาจนัก ถึงกลับกล้าตามมาถึงในเมืองลั่วเยี้ยนเช่นนี้” หลี่จ้งสี่มองไปยังลั่วถู บนใบหน้าพลันปรากฏรอยยิ้มประหลาดใจ “น้องลั่ว เ้าระมัดระวังมากจริงๆ เ้ารู้อยู่ก่อนแล้วหรือว่าโจรที่เหลือรอดจะลอบตามมาสังหาร ถึงได้วางกับดักไว้ในห้องเสียมากมายเช่นนี้? ช่างปราดเปรื่องยิ่งนัก!”
“หึ ตัวข้าเพียงกันไว้ดีกว่าแก้ พี่จ้งสี่ท่านเองก็ทราบดี ยามว่างข้าเคยเป็คนขนศพมาก่อน ตอนอยู่ในสนามรบ พวกต่างเผ่ามักซ่อนกับดักไว้ในศพนักรบของพวกเรา หลังจากการผ่านประสบการณ์เสี่ยงเป็เสี่ยงตาย ตัวข้าก็ติดนิสัยขี้ระเเวงไปเสียหมด คืนนี้หลังจากกลับเข้าเมือง ข้ายังััได้ถึงอันตราย ถึงได้ตรวจสอบและระวังตัวมาโดยตลอด ข้ารู้สึกราวกับมีคนจ้องมองตอนที่พวกเราเข้าโรงเตี๊ยม กระทั่งตอนที่พวกเรากินข้าวอยู่ที่หอลั่วเยี่ยนก็ยังรู้สึกอยู่ ถึงได้รู้ว่าต้องมีคนลอบตามพวกเราอยู่แน่ และศัตรูของพวกเราเกรงว่าคงมีแค่กลุ่มโจรที่เจอวันนี้ คืนนี้ข้าจึงเตรียมพร้อมอย่างดี อย่างไรเสียทั้งกลุ่มที่ร่วมเดินทางกันเกรงว่าคงมีแค่ข้ากับเจียงิ่ที่ไร้ประโยชน์และไร้พลังที่สุด หากเป็โจรมาแก้แค้นจริง ต้องพุ่งเป้าไปหาคนที่อ่อนแอที่สุดก่อนเป็แน่ ข้าจะไม่ป้องกันไว้ก็ไม่ได้ ใครจะรู้เล่า ว่าเขาจะมาจัดการคนอ่อนแออย่างข้าก่อนจริงๆ!” ลั่วถูโบกมืออย่างช่วยไม่ได้ ราวกับว่าตัวเขาเองไม่มีทางเลือกจริงดังว่ามา
“พี่ถู เ้าไม่เป็ไรใช่ไหม... ” ในตอนนั้นเองเจียงิ่ได้เดินเข้าไปหาอย่างใราวกับแมวน้อยอย่างไรอย่างนั้น นางกอดแขนของลั่วถูเสียแน่นท่าทางดูตื่นตระหนกเหลือเกินจากนั้นเอ่ยถามออกมา
“ข้าไม่เป็ไร มือสังหารถูกข้าสังหารไปแล้ว!” ลั่วถูชี้ไปที่ศพบนพื้นพลางกล่าวอย่างยิ้มแย้ม
“น้องลั่วไม่อาจนับว่าเป็คนอ่อนแอได้แน่นอน!” เสียงของกู้อวิ๋นเซียวพลันดังออกมา ข้างตัวมีเงาอ้วนๆ ของว่านเจียฉายในชุดนอนอยู่ด้วย เห็นได้ชัดว่าเมื่อพบสิ่งผิดปกติกู้อวิ๋นเซียวก็พุ่งไปหาว่านเจียฉายเป็อันดับแรก อย่างไรเสียคนผู้นี้ต่างหากคือนายจ้างที่ออกเงินจ้างพวกเขา หากเกิดเื่อะไรขึ้นกับว่านเจียฉาย ต่อให้พวกเขาจะส่งสินค้าไปถึงเทียนตูได้ ก็ไร้ความหมาย
“เถ้าแก่ โรงเตี๊ยมของเ้าไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไรนัก แม้แต่โจรที่เหลือรอดก็ยังลอบเข้าโจมตีได้ ถ้าไม่ใช่ว่าน้องชายของข้าเป็คนระมัดระวัง เกรงว่าคนที่ตายคืนนี้คงจะเป็น้องชายของพวกข้าเสียแทน เ้าเห็นความเสียหายที่เกิดขึ้นกับโรงเตี๊ยมของเ้าวันนี้หรือเปล่า?” ว่านเจียฉายลากเถ้าแก่ออกไปตำหนิซึ่งๆ หน้า
สีหน้าของเถ้าแก่เดี๋ยวก็เขียวเดี๋ยวก็แดง โรงเตี๊ยมของเขาเกือบจะถูกเผาวอดไปแล้ว ไหนจะยังเื่ที่สภาพของห้องนี้เละเทะไปหมด เกรงว่าคงต้องซ่อมใหม่ทั้งหมด แต่คำพูดของว่านเจียฉายหมายความว่าอย่างไร มีหรือเขาจะไม่เข้าใจ แต่ก็ทำได้เพียงฝืนยิ้มแห้งๆ และกล่าวออกมาว่า “เถ้าแก่ว่านพูดอะไรออกมา ความเสียหายวันนี้นับเป็บทเรียนของโรงเตี๊ยมพวกเรา เป็พวกเราเองที่สะเพร่า ปล่อยให้โจรย่องเข้าโรงเตี๊ยมมาได้ ข้าจะเปลี่ยนห้องหรูให้น้องชายท่านนี้โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเลยขอรับ”
“เช่นนั้น ก็รบกวนเถ้าแก่แล้ว!” ลั่วถูกล่าว และเริ่มเก็บหน้าไม้ของตน รวมถึงลูกศรด้วย ของเหล่านี้สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ ส่วนอวนตะขอ ทำได้เพียงซื้อใหม่เท่านั้น อย่างไรเสียเมื่อครู่ก่อนที่คนอื่นจะเข้ามา ก็ถูกเผาจนเป็รูขนาดใหญ่ไปแล้ว นับว่าเสียของไปแล้ว ต่อให้นำไปซ่อมก็แลกเป็เงินได้ไม่เท่าไร เมื่อครู่ก่อนที่พวกเขาจะเข้ามา ลั่วถูเก็บของบนร่างกายลั่วเหยียนไปแล้วรอบหนึ่ง นับว่าได้มาไม่น้อยทีเดียว ในนั้นยังมียันต์อีกสองแผ่น เม็ดยาอีกหลายขวด เหรียญซิงเหินก็มีอยู่บ้าง ยังนับว่าพอทดแทนสิ่งที่เขาสูญเสียไปในคืนนี้ได้บ้าง
“คนนี้ใช้ผงเมาร้อยวันในการลงมือ แต่ทำไมถึงได้มีกลิ่นพริกได้... ” กู้อวิ๋นเซียวขมวดคิ้วพลางถามออกมาอย่างใ
“พอดีว่าตอนกลางคืนขณะกลับจากหอลั่วเยี่ย ข้าหยิบติดไม้ติดมือมาจากครัวของพวกเขาห่อหนึ่ง ข้าคิดว่าของพวกนี้หากนำมาทำของปิ้งย่างคงรสชาติไม่เลว จึงเอากลับมาด้วย คิดไม่ถึงว่าคืนนี้จะใช้ไปหมดเสียแล้ว!” ลั่วถูอธิบายไปพลางแถมยังทำท่าทีเขินอายประกอบอีกต่างหาก!
คนทั้งหมดได้แต่ตะลึง จากนั้นยกนิ้วโป้งให้ลั่วถูอย่างช่วยไม่ได้ พวกเขาไว้อาลัยให้มือสังหารดวงกุดคนนี้ เพียงมองสภาพห้องที่เละเทะจนน่าอนาถ กู้อวิ๋นเซียวก็แทบจะเดาขั้นตอนการสังหารในครั้งนี้ได้แล้ว ดูจากส่วนหัวของศพที่โดนเผา ก็รู้ได้ทันทีว่าเป็ยันต์เพลิงะเิ เขาพูดอะไรไม่ออก เป็แค่คนธรรมดาที่ยังไม่เปิดิญญาแท้ๆ แต่กลับอาศัยวิธีต่างๆ พลิกแพลงจนสังหารคนที่เป็ถึงศิษย์าขั้นสี่ได้ ทำเอาเขาถึงกับต้องมองคนคนนี้ใหม่เลยทีเดียว
“ทุกคนแยกย้ายกันเถอะ พวกเรามาเก็บกวาดตรงนี้หน่อย เสี่ยวซื่อ เ้าพาคุณชายท่านนี้ไปพักผ่อนห้องหมายเลขเจ็ด อย่าลืมจัดการให้เหมาะสมด้วยล่ะ!” เถ้าแก่เริ่มออกปากสั่งการแล้ว
“ทุกคนกลับกับเถอะ เื่จบแล้ว จ้งสี่ เ้าเฝ้ายามต่อไปให้ดี ระวังให้มากขึ้นอีก บางทีโจรวันนี้อาจยังมีพรรคพวกคนอื่นเหลืออยู่อีก จะชะล่าใจไม่ได้เด็ดขาด!” กู้อวิ๋นเซียวออกคำสั่งกับหลี่จ้งสี่อย่างเคร่งครัด
“หัวหน้าวางใจได้ จ้งสี่จะไม่ให้เื่นี้เกิดขึ้นอีก!” หน้าหลี่จ้งสี่มีสีหน้าอับอาย เดิมทีแล้วตอนนี้เป็เวรยามของเขา ทว่าตอนกลางคืนกลับดื่มมากไป จนเผลอหลับไปตรงนั้น คิดไม่ถึงว่ามือสังหารกลับใช้เวลานี้ลอบเข้าไปในห้องของลั่วถู โชคดีที่ลั่วถูระวังตัวจึงไม่ได้เกิดเื่อะไรขึ้น ไม่เช่นนั้นเกรงว่าเขาคงไม่มีหน้าไปคุยกับตระกูลว่านอีก ค่าจ้างในครั้งนี้คงไม่วายถูกหักไปส่วนหนึ่ง แค่หัวหน้าให้เขาเฝ้ายามทั้งคืนก็นับเป็บทลงโทษแล้ว นั่นหมายถึงการไม่ถือสาเื่ในคืนนี้ ทำให้เขาถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“หัวหน้ากู้ เถ้าแก่ว่าน ข้าขอตัวไปพักก่อนนะ ง่วงนอนมากจริงๆ !” ลั่วถูหาวออกมา จากนั้นคำนับและกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
“อืม รีบพักผ่อนเถอะ เวลาในคืนวสันต์เช่นนี้มีค่าดั่งทองพันชั่ง [1] เ้ามือสังหารสมควรตายนี่รบกวนเวลาน้องลั่วไปครึ่งคืนแล้ว ช่างน่ารังเกียจเหลือเกิน!” ว่ายเจียฉายส่งรอยยิ้มหยอกล้อ ดูทั้งรู้ว่าลั่วถูยังเป็เด็ก แต่ก็อนรนทนไม่ไหวจึงคิดจะหยอกเสียหน่อย อย่างไรเสียเมื่นหัวค่ำเ้าเด็กนี้ก็แกล้งเมาสลบตอนดื่มเหล้า พอสบโอกาสเขาก็ขอเอาคืนเสียหน่อย
“ทองพันชั่งนี้ไม่มีใครชดเชยได้หรอกขอรับ... ” ลั่วถูยิ้มแห้ง จากนั้นลากเจียงิ่ที่หน้าแดงเดินตามเสี่ยวเอ้อออกจากห้องไป
โรงเตี๊ยมวันนี้แทบจะถูกหอการค้าตระกูลว่านและหอการค้าอีกสองแห่งเหมาไว้ทั้งหมด เพราะว่าที่นี่เก็บสินค้าของพวกเขาไว้ทั้งหมด จึงหวังว่าจะไม่มีคนนอกมารบกวน อีกทั้งคนของขบวนหอการค้าทั้งสามรวมกันก็มีถึงสองร้อยกว่าคน ถึงโรงเตี๊ยมแห่งนี้จะไม่เล็ก แต่ก็เกือบจะรับรองแขกไม่พอเช่นกัน ส่วนแขกที่เดิมทีพักอยู่ก่อนแล้วก็จ่ายเงินเชิญออกไปในราคาสูง หลังจากเกิดเื่วุ่นวาย เวรยามของโรงเตี๊ยมแห่งนี้ก็หนาแน่นขึ้น คนเฝ้ายามเพิ่มมากขึ้น ทหารรับจ้างของหอการค้าทั้งสามส่งคนออกมาลาดตระเวน ถึงขนาดตรวจสอบโรงเตี๊ยมอย่างละเอียดอีกครั้ง จนท้ายที่สุดเมื่อมั่นใจแล้วว่ามีเพียงมือสังหารคนนั้นคนเดียวที่ลอบเข้ามาตอนวุ่นวาย ถึงจะวางใจขึ้นบ้าง
[1] เวลาในคืนวสันต์เช่นนี้มีค่าดั่งทองพันชั่ง (春宵一刻值千金) หมายถึงทุกนาทีในคืนร่วมหอล้ำค่านัก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้