บทที่ 53 โจรผู้โชคร้าย
การรบครั้งนี้ไม่รุนแรงเท่าที่คาดไว้ ความสามารถด้านการลอบโจมตีกลับของทหารรับจ้างเทียนกงเหนือความคาดหมายของลั่วถูไปมากโข ท่าทางเขาจะดูแคลนพลังและพื้นเพของหอการค้าตระกูลว่านเกินไปหน่อย พวกเขาถึงกับมียันต์ที่ทรงอานุภาพเสียแทบใกล้เคียงกับระดับสมบัติเลยทีเดียว
ลั่วถูเริ่มเจ็บใจเสียแล้ว สิ่งของล้วนเป็เงินเป็ทองทั้งนั้น ก่อนหน้านี้ที่เขาใช้หน้าไม้ทำกับดัก จนทหารปีศาจมาติดกับดักของเขากันเป็โขยง ก็รู้สึกว่าตัวเองล่ำซำไม่หยอก ทว่าตอนนี้เมื่อเทียบกับของที่หอการค้าตระกูลว่านใช้ เขาก็พบว่าตัวเองยังคงยากจนอยู่จริงๆ
ยันต์นับร้อยแผ่นทะยานออกไป ว่านเจียฉายไม่แม้แต่จะขมวดคิ้วสักนิด ลั่วถูรู้ดีว่าว่านเจียฉายเองก็โกรธมาก หอการค้าตระกูลว่านทำธุรกิจมานานปี เดินทางผ่านถนนหลักนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแต่ไม่มีใครกล้าขัดขวางหอการค้าตระกูลว่านสักครั้ง เกรงว่าหากผู้ใดคิดจะแตะต้องสินค้าของหอการค้าตระกูลว่านแม้แต่ปลายเล็บย่อมเป็การิ่เกียรติอย่างร้ายกาจ ทว่าคนกลุ่มนี้กลับดักปล้นสินค้าจากหอการค้าตระกูลว่านของเขาอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ มิหนำซ้ำยังคิดจะฆ่าคนปิดปากอีกต่างหาก ส่วนศัตรูที่บังอาจมาท้าทายเช่นนี้ ว่านเจียฉายไม่เหลือเค้าพ่อค้าผู้อารีอีกต่อไป แต่ดูเหมือนหมีที่กำลังโกรธถึงขีดสุดมากกว่า
หลังจากทหารรับจ้างเทียนกงตรวจสอบสถานะที่แท้จริงของคนพวกนี้เสร็จ ว่านเจียฉายไม่รังเกียจจะให้บทเรียนอันถึงแก่ชีวิตกับคนเหล่านี้ เขาจะแสดงผู้สัญจรบนเส้นทางนี้ได้เห็น ว่าทุกคนรู้ซึ้งถึงราคาสูงลิบที่ต้องจ่ายหากคิดขัดขวางหอการค้าตระกูลว่าน การกระทำเช่นนี้เองที่สามารถส่งคำขู่ไปถึงพวกโจรที่คิดจะปล้นสินค้าได้จริงๆ
ลั่วถูเพียงนำข่าวนี้ไปบอกว่านเจียฉาย ทั้งขบวนพลันหยุดลง มือดีของกลุ่มทหารรับจ้างเทียนกงหลายคนลอบเข้าป่าว่านจู๋ไปตามหาร่องรอยของศัตรู และก็พบกับดักของศัตรูเข้าจริงดังว่า เส้นทางนี้เป็ทางกลับเมืองเทียนตูเพียงเส้นทางเดียว และเป็ทางหลักที่ต้องผ่านเพื่อเข้าเมืองลั่วเยี่ยน ดังนั้นตลอดทางถนนจึงมีขบวนพ่อค้าผ่านไปมาไม่น้อย ด้วยชื่อเสียงของหอการค้าตระกูลว่านและฐานะของว่านเจียฉายเป็ที่เลื่องลือไม่เบา ขณะที่กลุ่มทหารรับจ้างเทียนกงตรวจสอบร่องรอยของศัตรู เขาก็หยุดขบวนของพ่อค้าไว้ได้ถึงสองขบวน
สิ่งที่ขบวนพ่อค้าเกลียดที่สุดคือการถูกโจรปล้นระหว่างทาง เหล่าพ่อค้าหัวใสจึงคิดจะทำการค้าด้วยต้นทุนต่ำจึงรวมขบวนของกลุ่มพ่อค้าเข้าด้วยกัน และร่วมมือร่วมใจกันจัดการกับกลุ่มโจรหน้าด้าน
เฮยหูจื่อ ลั่วเหยียนกับเฉินติ้งฟางวิ่งหนีอย่างคล่องแคล่ว ส่วนกู้อวิ๋นเซียวได้แต่จดจ้องดูเชิงกับเฉินติ้งฟาง ทหารรับจ้างยอดฝีมือคนอื่นจัดการกับเฮยหูจื่อ ส่วนลั่วเหยียนปลอมตัวเป็ศิษย์ธรรมดาของสมาคมซานชิง ทำให้ผู้คนมองข้ามเขาไป คนที่เข้ามาขัดขวางเขาเป็เพียงทหารรับจ้างระดับศิษย์าขั้นสามเท่านั้น เขาจึงกลายเป็หนึ่งในคนจำนวนน้อยที่โชคดีหนีรอดไปได้ ทางด้านเฮยหูจื่อหลังจากเข้าปะทะกับเฉินติ้งฟางก็ถูกทหารรับจ้างยอดฝีมือจับได้ในสภาพาเ็สาหัส
ต่อให้ถูกทรมานจนตายเฉินติ้งฟางก็ไม่ปริปากยอมรับว่าตัวเองเตรียมตัวเข้าโจมตีกลุ่มพ่อค้าสักคำ หากเขายอมรับออกไป ต่อให้คนเหล่านี้ไม่สังหารเขา แต่ส่งตัวเขากลับเมืองลั่วเยี่ยนแทน หากถูกส่งตัวให้วิหารเสินจั้นหรือวิหารอิงหลิง สมาคมซานชิงคงถึงคราวจบสิ้นแน่แล้ว ส่วนเื่ที่ว่าเหตุใดพวกเขาถึงยังอยู่ที่ค่ายเฮยหู่ เหตุผลที่เขากล่าวออกไปคือเขาเจตนามาล่าสัตว์ในป่าว่านจู๋ เพราะได้ยินว่าที่นี่เป็สัตว์อสูรประหลาดปรากฏตัวออกมา แถมยังฉลาดเฉลียวเสียด้วย ดังนั้นพวกเขาถึงต้องวางกับดักไว้ในป่าไผ่เสียมากมายเช่นนี้
เมื่อคนของสมาคมซานชิงปรากฏตัว ลั่วถูรู้อยู่แล้วว่าเื่นี้เป็เพราะใคร แต่เขาไม่ยอมรับ ทางด้านเฉินติ้งฟางเองก็ไม่ยอมรับเช่นกัน ทำให้ทั้งว่านเจียฉายและกู้อวิ๋นเซียวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโจรกลุ่มนี้พุ่งเป้าไปที่คนธรรมดาที่ยังไม่แม้แต่เปิดิญญาคนหนึ่ง
ความเข้าใจผิดที่ไม่มีใครเปิดเผย ไม่ได้ทำให้ความสุขของขบวนพ่อค้าหลายกลุ่มนี้ลดน้อยลงแต่อย่างใด พวกเขาแทบไม่ต้องเสียสละอะไรก็จัดการอันตรายที่ซุกซ่อนไปได้ด้วยดี จากนั้นส่งตัวพวกที่โชคดีมีชีวิตรอดไปให้วิหารอิงหลิงของเมืองลั่วเยี่ยน แถมยังแลกแต้มความสำเร็จมาได้เล็กน้อยด้วย โดยเฉพาะเฮยหูจื่อที่เป็ถึงโจรในประกาศจับย่อมได้คะแนนสูงทีเดียว ส่วนพวกทหารรับจ้างที่ได้รับาเ็ก็แค่ต้องรักษานิดหน่อย แต่ส่วนใหญ่ไม่มีาแถึงชีวิต
ทางด้านลั่วเหยียน ลั่วถูเห็นเขาแล้ว เพียงมองจากที่ไกลๆ เขารู้ได้ทันทีว่าศิษย์าขั้นสามไม่มีทางหยุดลั่วเหยียนได้แน่นอน ต่อให้ยกขบวนคนที่ยังเปิดิญญาไม่ทั้งหมดไปขวาง ก็มีแต่จะเป็เื่น่าหัวร่อเอาเปล่าๆ หากกล่าวอีกมุมหนึ่ง ถ้าจับลั่วเหยียนได้ บางทีคนพวกนี้อาจล่วงรู้ว่าแท้จริงแล้วเป้าหมายของสมาคมซานชิงคือตัวเขาเอง และเื่นี้จะกลายเป็เื่ยุ่งยากในทันที
ขณะที่คนทั้งหมดเข้าไปยังเมืองลั่วเยี่ยน เมื่อท้องฟ้าเริ่มมืดมิด ประตูเมืองลั่วเยี่ยนก็ปิดลง แต่อย่างไรเสียที่นี่ก็ไม่ใช่สนามรบ หากยืนยันสถานะของขบวนพ่อค้าหลายได้ และจ่ายค่าเข้าเมืองมากพอ ก็จะมีคนลอบเปิดประตูเล็กให้พวกเขา อีกทั้งคนกลุ่มนี้ยังเป็ถึงผู้ที่จับเฮยหูจื่อจากค่ายเฮยหู่ได้ที่นอกเมืองอีกต่างหาก
เื่นี้ทำให้แม่ทัพจิ้นแห่งกองทัพป้องกันเมืองใมาก หลังจากยืนยันความถูกต้องของรายงานแล้ว แม่ทัพจิ้นก็ถึงกับออกคำสั่งให้ปล่อยคนเหล่านี้ด้วยตนเอง ทำให้กลุ่มโจรถูกส่งตัวให้วิหารอิงหลิงภายใต้การจับจ้องจากเหล่าทหารป้องกันเมือง ส่วนเื่ของรางวัล ก็บอกให้พวกเขามารับรางวัลได้ในวันถัดไป
……
เมืองลั่วเยี่ยนไม่มีกฎห้ามออกนอกพื้นที่ในตอนกลางคืน อย่างไรเสียที่นี่ก็อยู่ไกลจากสนามรบ ดังนั้นหลังจากฟ้ามืดก็ยังคงมี่เวลาให้สังสรรค์ได้อยู่
เดิมทีลั่วถูตั้งใจจะพาเจียงิ่ไปกินห่านย่างกรอบด้วยกัน ทว่าด้วยความกระตือรือร้นของว่านเจียฉาย คืนนี้จึงได้แต่กินห่านย่างกรอบร่วมกับพวกเขาไปมื้อหนึ่ง ในครั้งนี้ที่กำจัดกลุ่มโจรได้ก็ต้องขอบคุณความรอบคอบและคำเตือนจากลั่วถู จึงทำให้พวกเขาได้เตรียมตัวทัน ครั้งนี้จึงนับเป็งานเลี้ยงฉลองไปด้วยในตัว ความจริงแล้วในสายตาของว่านเจียฉาย เรียกได้ว่าโชคดีที่ครั้งนี้พาลั่วถูมาด้วย ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงเดินเข้าไปในแผนการลอบโจมตีของสมาคมซานชิงโดยไม่รู้ตัวไปแล้ว จะมีชีวิตรอดเข้าสู่เมืองลั่วเยี่ยนได้หรือไม่ก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ และเมื่ออีกสามหอการค้าได้รู้จากปากของว่านเจียฉายว่าลั่วถูเป็เ้าของผลงานในครั้งนี้ ก็พากันชนจอกสุราคำนับด้วยความเกรงใจอย่างสูง งานเลี้ยงครั้งนี้จึงกลายเป็งานร่วมฉลองของบรรดาหอการค้าไปแทน
ลั่วถูย่อมไม่ปฏิเสธโอกาสทองเช่นนี้แน่นอน ในแหวนคงหลิงของเขายังมีสินค้าอีกมากมายที่คิดจะนำมาขายในเมืองเทียนตู ถึงในสำนักจ๋าเสวียจะพอมีลู่ทางอยู่บ้าง แต่อย่างไรเสียส่วนมากก็เป็เพียงธุรกิจเล็กๆ ที่ไม่อาจรับสินค้าจำนวนมหาศาลของเขาได้อยู่ดี ถ้าได้การช่วยเหลือจากหอการค้าทั้งสาม เกรงว่าด้วยคำแนะนำสักเล็กน้อย สินค้าพวกนี้ในมือของเขาย่อมขายได้ง่ายไร้อุปสรรค
เดิมทีลั่วถูยังคิดว่าตัวเองอาจต้องกดราคาของตนให้ต่ำกว่านี้อีก ทว่าเมื่อได้รับคำแนะนำจากสามหอการค้าไป ก็เลี่ยงการกดราคาสินค้าไปได้โข เพียงขายด้วยราคาต่ำกว่าสินค้าปกติสักส่วนหรือครึ่งส่วน ย่อมมีคนซื้อไปเอง เขาย่อมได้เงินเพิ่มไม่น้อย แน่นอนว่า ที่สำคัญคือยังสามารถหาลู่ทางทำเงินหลังจากนี้ได้อีกด้วย
การที่เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่น่าจะมีอายุเพียงสิบสามปีแต่กลับดูเป็ผู้ใหญ่ เสียจนทำตัวให้กลมกลืนกับกลุ่มพ่อค้าที่ร่ำรวยได้ช่างน่าประหลาดใจไม่เบา แต่ไม่ใช่กับเจียงิ่ เห็นได้ชัดว่านางไม่เหมาะจะอยู่ในขบวนพ่อค้าเช่นนี้เอาเสียเลย เมื่อมีสตรีโฉมงามปรากฏกายขึ้นท่ามกลางขบวนพ่อค้า สายตาของเหล่าพ่อค้าทั้งหลายจึงเปลี่ยนไปทันที ั้แ่บนเส้นทางจากป่าว่านจู๋ถึงเมืองลั่วเยี่ยน มีคนมาเลียบเคียงๆ ถามข่าวคราวของเจียงิ่จากว่านเจียฉายไม่น้อย ทำให้ลั่วถูไม่สบอารมณ์เอาเสียเลย หลังจากร่วมโต๊ะดื่มสุรากันก็ยังมีคนถามอีกตลอดเวลา แต่ลั่วถูไม่ใช่คนโง่ ธุรกิจคือธุรกิจ สตรีคือสตรี ต่อให้ตัวเขาไม่คิดแต่งงานร่วมหอกับเจียงิ่ แต่ก็ไม่คิดยกนางเป็บรรณาการให้พวกพ่อค้าไขมันเต็มสมองแน่นอน ลั่วถูเองก็เป็ถึงลูกหลานของตระกูลลั่วแห่งเจียงหยิน ต่อให้เป็คนธรรมดาคนหนึ่ง ก็ไม่คนต่ำต้อยยากจนที่ดูถูกได้ พ่อค้าเ่าั้ถึงจะถามอ้อมค้อม แต่ก็ไม่กล้าล้ำเส้น อย่างไรเสียพ่อค้าก็ยังคิดหากำไรอยู่ ไม่มีทางล่วงเกินตระกูลลั่วแห่งเจียงหยินเพียงเพื่อสตรีนางหนึ่งอยู่แล้ว
หลังจากดื่มสุราไปสักพัก ลั่วถูเหมือนจะเริ่มเมาแล้ว และถูกคนพากลับห้องตัวเอง เจียงิ่ก็รับตัวลั่วถูจากคนของตระกูลว่าน หลังจากปิดประตูก็อดหัวเราะไม่ได้ หยิกเอวลั่วถูอย่างแรงไปที จนลั่วถูเกือบจะกรีดร้องออกมาอยู่แล้ว
“แกล้งเมาต่อไปสิ... ”
“โอ๊ย เบามือหน่อยสิ เ้าหยิกจนเนื้อข้าจะหลุดแล้ว!” ลั่วถูลูบเอวตัวเองป้อยๆ พลางดีดตัวออกจากเจียงิ่ ถึงบนร่างจะมีกลิ่นเหล้าคละคลุ้ง แต่สายตากลับยังมีสติชัดเจน
“หึ ถึงกลับกล้าทิ้งข้า แล้วหนีไปงานเลี้ยงไว้คนเดียว... ”
“ไม่ใช่ว่าสั่งห่านย่างกรอบมาส่งถึงห้องให้เ้าแล้วหรือ? เ้าคนเดียวกินตั้งตัวหนึ่ง พวกข้าคนเต็มโต๊ะได้กินไม่กี่ตัวเอง แบ่งก็แบ่งไม่ได้ เ้ายังจะคิดอะไรอีก อีกอย่างเ้าดูสายตาชั่วร้ายของลู่ต้าโหยวนั่นเสียก่อน ั้แ่ออกจากป่าว่านจู๋มาถึงเมืองลั่วเยี่ยน ไม่ละสายตาจากเ้าสักนิด เ้าเฉียนต้าฟู่นั่นอีก แทบจะขึ้นไปขี่ม้ากับเ้าอยู่แล้ว ขืนพาเ้าไปดื่มสุราด้วย พวกนั้นไม่กินเ้าเข้าไปเลยหรือ?” ลั่วถูกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์
“หึ พวกมันน่ะหรือกล้าจ้องจะกล้ากินข้า?” เจียงิ่กระทืบเท้าเล็กน้อย และกล่าวอย่างไม่สนใจ “แต่ก็ยังมีเ้าอยู่ไม่ใช่หรือ?”
“ต่อให้รวมข้าไปด้วย ก็คงไม่พอให้พวกมันอิ่มหรอก”
“พูดเช่นนี้ เ้าหึงข้าหรือ?” เจียงิ่เอ่ยถามด้วยสีหน้ายินดี
“หึง จะไม่ให้หึงได้อย่างไร ต้องให้ข้าเก็บเ้าไว้กับข้าคนเดียวเลยพอไหมเล่า?” สายตาของลั่วถูสั่นไหว พลางเข้าใกล้เจียงิ่อย่างเจตนาไม่ดี
“คิกคิก... ข้ายอมแล้ว... ” เจียงิ่ยังไม่ทันได้วิ่งหนีก็ถูกลั่วถูตะครุบเหมือนกับเสือกอดเจียงิ่เอาไว้ สองมือซุกซนกลั่นแกล้งเสียจนร่างกายเจียงิ่อ่อนระทวย
“ยังจะกล้าหยิกข้าอีกไหม? ยังจะทำข้าลงอีกหรือ...”
“ไม่ทำแล้ว... คิกคิก... ไม่กล้าแล้วจริงๆ... ฮ่าฮ่า...” สองมือของลั่วถูจักจี้ ทำเอาเจียงิ่ดิ้นไปมาอย่างห้ามไม่อยู่
“ต้องอย่างนี้สิ!” ลั่วถูปล่อยมือ สายตาปรากฏความจริงจังขึ้นเล็กน้อยพลางกล่าวว่า “เื่ที่ข้าให้เ้าไปจัดการเป็อย่างไรบ้าง?”
“เื่ที่สามีไหว้วานิ่เอ๋อร์ต้องจัดการเรียบร้อยอยู่แล้ว แต่หากคืนนี้มันกล้ามาจริง ข้ารับรองว่าจะทำให้มันไม่ได้กลับแน่!” เจียงิ่เหลือบมองลั่วถู สายตาที่ปีติยินดีทำให้ลั่วถูอดหวั่นไหวไม่ได้ แต่ตอนนี้เขาต้องอดทน หากิญญาเสียความบริสุทธิ์ไปก่อนเปิดิญญา เช่นนั้น เปิดิญญาก็จะยิ่งลำบากขึ้นไปอีก เขาเปิดิญญาครั้งที่เจ็ดล้มเหลวไปแล้ว ถ้ายังเสียความบริสุทธิ์ไปอีก ชั่วชีวิตนี้อาจไม่มีทางสำเร็จอีกเลยก็เป็ได้
“ไม่เลว ข้าละอยากจะรู้นักที่แท้พวกมันคิดจะเล่นอะไรกันแน่” น้ำเสียงของลั่วถูแฝงไว้ซึ่งจิตสังหารอันเข้มข้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้